ลองทำไหม? ชาวเน็ตแห่โพสต์ภาพเซลฟี่ตอนตบมือทักทายตัวเอง ขณะที่โทรศัพท์ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ!

บนโลกอินเทอร์เน็ตยังคงมีกระแสสุดแปลกให้เราได้รับชมและลองทำตามกันอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นผู้คิดค้นและทำให้มันแพร่ขยายไปในวงกว้างให้ได้มากที่สุด และคราวนี้เป็นคิวของการถ่ายภาพเซลฟี่แนวใหม่ ที่ไม่เน้นความสวยงามหรือความหล่อเหลาของผู้ถ่าย และไม่จำเป็นต้องมีวิวทิวทัศน์ด้านหลังสุดอลังการแต่อย่างใด พร้อมฉีกกฏการถ่ายเซลฟี่แบบเดิมๆ ให้ท้าทายยิ่งกว่า เพราะมันคือเทรนด์การเซลฟี่ตอนตบมือทักทายกับตัวเอง ขณะที่โทรศัพท์ลอยอยู่กลางอากาศ! 

จุดเริ่มต้นของเทรนด์ครั้งนี้เกิดมาความสำเร็จของ Seth Scneider ผู้ใช้รายหนึ่งบน Twitter ที่จัดการโพสต์ภาพตัวเองขณะที่ High Five (การทักทายแบบต่างประเทศที่ยกมือแล้วแตะหากัน) แต่เซลฟี่ด้วยการยกมือทักทายกับคนอื่นอาจธรรมดาเกินไป เขาจึงจัดการทักทายกับตัวเองซะเลย แต่เมื่อมือทั้งสองเอาไปใช้หมด อาจมีคำถามว่าแล้วจะเซลฟี่ได้อย่างไร? นายคนนี้ก็ได้ค้นพบวิธีการถ่ายภาพตัวเองอันแสนเรียบง่ายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย ด้วยการปล่อยให้มือถือทำการถ่ายภาพขณะลอยอยู่กลางอากาศนั่นเอง พร้อมทั้งขึ้นสเตตัสว่า "วันนี้เป็นวันที่ผมภูมิใจในชีวิตมากที่สุด ผมประสบความสำเร็จในการถ่ายภาพตัวเองตอนที่ตบมือทักทายกับตัวเองได้แล้ว" 

และเมื่อความสำเร็จในคราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง จึงทำให้กลายเป็นสิ่งที่จุดประกายฝันและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกทำตามอย่างไม่ขาดสาย ลองไปดูกันดีกว่าว่าแต่ละคนจะทำตามกันได้หรือไม่ แต่ขอบอกก่อนเลยว่างานนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่นอน

"ต้องขอบคุณผู้ชายคนนี้ที่ทำให้ผมได้เรียนรู้บางอย่างที่สุดแสนมหัศจรรย์ ตอนนี้ผมสามารถถ่ายภาพขณะยกมือทักทายตัวเองได้แล้ว"

"แม่ หนูทำได้แล้ว"

"หลังจากพยายามทำมา 2828383 ครั้ง"

"ทำไมมันยากแบบนี้!!!!!!!!!!!!"

"รู้สึกภูมิใจในตัวเองจริงๆ!!!"

"@TOSUBUCK คุณไม่ใช่คนเดียวที่มีความสามารถพิเศษหรอกนะ"

"ฉันรับคำท้า ถึงแม้ว่าโทรศัพท์จะมีรอยแตกนิดหน่อยแต่ก็คุ้มค่า"

"เกือบทำได้แล้วเชียว"

เรียกได้ว่าเป็นการสร้างเสียงหัวเราะได้ดีทีเดียวบนโลกอินเทอร์เน็ต บางรายก็แอบพูดติดตลกว่า การถ่ายภาพให้ได้แบบนี้มันยากเหลือเกิน และในบางครั้งถึงจะได้ภาพถ่ายของตัวเองขณะแตะมืออยู่ แต่โทรศัพท์กลับไม่อยู่บนภาพซะอย่างนั้น หากใครอยากลองทำดูบ้างก็อย่าลืมหาวิธีป้องกันโทรศัพท์เครื่องโปรดจากการตกกระแทกด้วยนะครับ 

---------------------------------------
ที่มา : mashable, Seth Schneider
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 10/10/2016