[รีวิว] OPPO N3 มือถือกล้องหมุนได้ รุ่นต่อยอด ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่หมุนได้ 206 องศา พร้อมความปลอดภัยอีกขั้น ด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือ

ถ้าหากถามถึง สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง ที่น่าจับตามองมากที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ คงจะต้องมีชื่อของ OPPO N3 กันอย่างแน่นอน โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ คือรุ่นสานต่อของ OPPO N1 ที่ถือว่า เป็นต้นกำเนิดของ มือถือกล้องหมุนได้ นั่นเอง ซึ่ง OPPO N3 ถือว่า ล้ำหน้ากว่า OPPO N1 ในหลายๆ จุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED คมชัดมากขึ้นกว่าเดิม สามารถหมุนใช้งานเป็นกล้องด้านหน้าได้ โดยหมุนได้ถึง 206 องศา, ระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง สามารถจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ, อุปกรณ์สั่งงานแบบไร้สายที่มีชื่อว่า O-Click Control, หน้าจอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD (1080p), หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz และ ระบบปฏิบัติการ Color OS นอกจากนี้ ยังชาร์จแบตเตอรี่ได้ไวขึ้น ด้วยเทคโนโลยี VOCC ด้วยการชาร์จเพียง 5 นาที สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้นานถึง 2 ชั่วโมง หรือชาร์จเพียง 30 นาที แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นถึง 75% และรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดอีกด้วย

เรียกได้ว่า OPPO N3 มาพร้อมกับคุณสมบัติที่อัดแน่น ครบครันทุกการใช้งาน กับราคาเปิดตัวที่ 19,990 บาท ซึ่งจะคุ้มค่าต่อการใช้งานหรือไม่ ในวันนี้เราจะมาพิสูจน์ไปพร้อมๆ กันกับบทความ รีวิว OPPO N3 โดยทีมงาน techmoblog ครับ

• จอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว แบบ TFT LCD Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (403 ppi)
• หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor (Qualcomm Snapdragon 801 MSM8974AA chipset) ความเร็ว 2.3 GHz
หน่วยประมวลผลภาพ Adreno 330 GPU
• RAM ขนาด 2 GB
• หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 32 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 128 GB
• รันระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.0 ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 (KitKat)
• กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED โดยโมดูลกล้อง สามารถหมุนได้ 206 องศา และใช้งานเป็นกล้องด้านหน้าได้
• แบตเตอรี่ Li-ion 3000 mAh
• รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด

>> สเปค OPPO N3 อย่างละเอียด คลิกที่นี่

OPPO N3 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว แบบ TFT LCD Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (403 ppi) ซึ่งถือว่า มีขนาดหน้าจอเล็กกว่า OPPO N1 ที่มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 5.9 นิ้ว เล็กน้อย แต่มีข้อดีคือ สามารถพกพาได้สะดวกมากขึ้น และมีน้ำหนักที่เบากว่า โดยน้ำหนักของตัวเครื่อง OPPO N3 อยู่ที่ 192 กรัม

ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน, Ambient Light Sensor สำหรับตรวจวัดความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม และลำโพงสำหรับสนทนา ซึ่งสามารถหมุนกล้องด้านหลัง มาเป็นกล้องด้านหน้าได้ ความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED โดยตัวกล้องสามารถหมุนได้ถึง 206 องศา บุด้วยหนังเทียม ทำให้ดูหรูหราไปอีกระดับ

ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส 3 ปุ่มหลัก ได้แก่ ปุ่มเมนู, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ

Skyline Notification 2.0 แสงแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นเมื่อได้รับการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น มีสายที่ไม่ได้รับ, มีข้อความที่ไม่ได้อ่าน, แจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ และเมื่อมีการชาร์จแบตเตอรี่

สำหรับขอบตัวเครื่องบน OPPO N3 นั้น ทำจากวัสดุอะลูมิเนียม อัลลอยด์ ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน โดยด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่มปรับระดับเสียง และช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด, ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อคหน้าจอแสดงผล และพอร์ต microUSB

OPPO N3 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดภายในเครื่องเดียว โดยช่องซิมการ์ดที่ 1 รองรับซิมการ์ดแบบ microSIM ส่วนช่องซิมการ์ดที่ 2 รองรับซิมการ์ดแบบ nanoSIM และเป็นช่องสำหรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ด้วย (รองรับสูงสุด 128 GB) ซึ่งจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งครับ (ถ้าหากเลือกใส่ microSD Card ก็จะไม่สามารถใส่ซิมการ์ดได้)

ด้านบนของตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มควบคุมการทำงานใดๆ ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง เป็นไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา และลำโพงเสียง

กรอบด้านหลังของ OPPO N3 เป็นวัสดุผิวเรียบลื่น ประกอบไปด้วย กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง, โลโก้ OPPO และระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่สามารถจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือด้วยกัน ส่วนกล้องด้านหลังนั้น สามารถหมุนสลับไปเป็นกล้องด้านหน้าได้

O-Click รีโมตสำหรับควบคุมการสั่งงานบน OPPO N3 โดยถูกออกแบบให้มีขนาดเล็ก พร้อมช่องสำหรับใส่สายคล้อง หรือคล้องกับพวงกุญแจ ช่วยให้สามารถพกพาได้สะดวกขึ้นนั่นเองครับ

ส่วนคุณสมบัติของ O-Click ก็ได้แก่ เป็นรีโมตในการควบคุมการถ่ายรูป ทั้งการหมุนกล้อง และการชัตเตอร์, กด O-Click สองครั้งเพื่อให้โทรศัพท์ดัง และมีระบบแจ้งเตือน เมื่อสมาร์ทโฟนอยู่นอกสัญญาณของ O-Click

OPPO N3 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.0 ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 (KitKat) นั่นเอง โดยในหน้า Lockscreen ประกอบไปด้วย เมนูลัด 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ปุ่มโทรศัพท์, ปุ่ม Home และข้อความ ส่วนการปลดล็อค ทำได้ด้วยการลากจากด้านล่างขึ้นด้านบน

OPPO N3 รุ่นนี้ มาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่ด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งผู้ใช้สามารถสร้างลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือด้วยกัน โดยสามารถเข้าไปเพิ่มลายนิ้วมือได้ที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > ลายนิ้วมือและหน้าจอล็อค

สำหรับขั้นตอนการเพิ่มลายนิ้วมือ ก็คือ ให้แตะนิ้วไปที่บริเวณจุดสัมผัสที่อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง โดยเลือกนิ้วที่คิดว่า ถนัดต่อการสแกนมากที่สุด และทำการแตะทั้งหมด 6 ครั้ง ซึ่งการสแกนลายนิ้วมือนี้ นอกจากจะใช้เพื่อปลดล็อคหน้าจอแล้ว ยังสามารถใช้เปิดแอปพลิเคชันที่มีการเข้ารหัสได้อีกด้วย ถือว่า สะดวกมากเลยทีเดียว

มากันที่หน้า Homescreen กันบ้าง โดยจะเป็นหน้ารวมแอปพลิเคชันทั้งหมดที่มีในตัวเครื่อง (ไม่มีหน้า App Drawer)

ส่วนการปัดจากด้านซ้ายไปด้านขวา จะเข้าสู่เครื่องเล่นเพลง ซึ่งมีการออกแบบให้เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียง ที่ถือว่า เป็นเอกลักษณ์ของ มือถือออปโป้ นั่นเอง ส่วนเมนูย่อยด้านล่าง สามารถเข้าสู่หน้าการใช้งานโทรศัพท์ได้อีกด้วย

Notification Center หรือแถบการแจ้งเตือน สามารถเลือกตั้งค่า เมนูลัด ที่ใช้งานบ่อย ได้จากส่วนของ การตั้งค่า นอกจากนี้ ยังสามารถปรับความสว่างของหน้าจอ, เปิด-ปิดการเล่นเพลง และเข้าสู่ แอปพลิเคชัน การตั้งค่า (Settings) ได้จากส่วนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

การแตะหน้า Homescreen ค้างไว้ (หรือแตะปุ่มเมนู 1 ครั้ง) ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็น จัดเรียงแอปพลิเคชัน, เพิ่ม Widget, เปลี่ยนวอลเปเปอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย

การแตะปุ่มเมนูค้างไว้ จะเข้าสู่โหมด Multitasking สามารถสลับไปใช้งานแอปพลิเคชันอื่น หรือปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้งาน เพื่อเพิ่ม RAM ให้กับตัวเครื่อง

มากันที่หน้าการใช้งานโทรศัพท์กันบ้าง โดย OPPO N3 รุ่นนี้ รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ส่วนอินเทอร์เฟสนั้น ถือว่า ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายเช่นกัน

สำหรับแอปพลิเคชันดีๆ จากฝั่ง Google บน OPPO N3 ก็มีให้เลือกใช้งานกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Chrome, Gmail, Google+, Google Maps และอื่นๆ

ส่วนเบราว์เซอร์บน OPPO N3 มีให้เลือกใช้งานทั้ง Android Browser และ Google Chrome แต่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดเบราว์เซอร์เพิ่มเติมได้บน Play Store

แอปพลิเคชันพื้นฐานอย่าง นาฬิกา ที่ประกอบไปด้วย นาฬิกาปลุก, นาฬิกาจับเวลา รวมไปถึงเครื่องคิดเลข ก็มีให้ใช้งานบน OPPO N3 เช่นกัน

มาทดสอบการเล่นเกมกันบ้างครับ โดย OPPO N3 รุ่นนี้ มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor (Qualcomm Snapdragon 801 MSM8974AA chipset) ความเร็ว 2.3 GHz พร้อม RAM ขนาด 2 GB รองรับการเล่นเกมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพครับ

ปิดท้ายด้วยผลการทดสอบ Benchmark บน OPPO N3 กันบ้าง โดยผลการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทดสอบ CPU, 2D & 3D graphics, SD card และ Database อยู่ที่ 41539 คะแนน และ Quadrant วัดความเร็วในการทำงานของ CPU และกราฟฟิค อยู่ที่ 20599 คะแนน

ส่วนมัลติทัช รองรับ 5 จุดครับ

Lock Now แอปพลิเคชันสำหรับปิดหน้าจอแสดงผล โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกดปุ่ม Power เพื่อปิด ซึ่งจะช่วยถนอมปุ่ม Power ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น

แบ็คอัพ แอปพลิเคชันสำหรับแบ็คอัพข้อมูลทั้งหมดบนสมาร์ทโฟน

NearMe Cloud เป็นแอปพลิเคชันสำรองข้อมูลผ่านทางระบบ Cloud ด้วยการใช้เทคโนโลยี Amazon Cloud Drive โดยสามารถแบ็คอัพได้ทั้ง รายชื่อผู้ติดต่อ, SMS รวมไปถึงค้นหาโทรศัพท์ได้อีกด้วย

ศูนย์รักษาความปลอดภัย เป็นแอปพลิเคชันด้านความปลอดภัยบนตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ปกป้องแอปพลิเคชัน เป็นการเข้ารหัสเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอก เข้าใช้แอปพลิเคชันส่วนตัว เช่น Facebook, LINE นอกจากนี้ ยังมี Guest Mode, โหมดวันหยุด และบล็อค สำหรับบล็อคเบอร์แปลก, เบอร์ขายประกัน หรือบล็อคข้อความขยะที่ไม่ต้องการได้

O-Click แอปพลิเคชันสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอย่าง O-Click Control นั่นเอง (ต้องเปิด Bluetooth ขณะใช้งาน) โดยผู้ใช้สามารถใช้ O-Click ควบคุมการทำงานต่างๆ ได้ เช่น เป็นรีโมตในการควบคุมการถ่ายรูป ทั้งการหมุนกล้อง และการชัตเตอร์, กด O-Click สองครั้งเพื่อให้โทรศัพท์ดัง และมีระบบแจ้งเตือน เมื่อสมาร์ทโฟนอยู่นอกสัญญาณของ O-Click

อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า จุดเด่นของ OPPO N3 รุ่นนี้ ก็คือ กล้องที่หมุนได้ถึง 206 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่สามารถสลับการใช้งานจากกล้องด้านหลัง มาเป็นกล้องด้านหน้าได้ โดยตัวกล้องนี้ สามารถหมุนเองได้ด้วยมือ หรือใช้ O-Click ควบคุมการหมุน (แต่ใช้มือหมุนสะดวกกว่า) อย่างไรก็ดี เมื่อเปิดใช้งาน แอปพลิเคชันกล้อง แล้วสลับมาเป็นกล้องด้านหน้า กล้องจะหมุนให้เองอัตโนมัติครับ และหมุนกลับเมื่อปิดแอปพลิเคชันกล้อง

สำหรับประโยชน์ของ O-Click ที่สามารถใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์ได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องถือ OPPO N3 ไว้ในมือตลอดเวลา แต่สามารถนำไปวางตามจุดต่างๆ ที่ต้องการ แล้วใช้ O-Click ถ่ายภาพ ในมุมมองต่างๆ สร้างสรรค์ภาพสวยๆ ได้อีกแบบครับ

มาดูกันที่กล้องด้านหน้า กับโหมดถ่ายรูปพร้อมแต่งสวย (Beauty) ที่นอกจากจะสามารถปรับความเนียนของใบหน้าได้แล้ว ยังมีเอฟเฟกต์แต่งภาพให้เลือกใช้งานกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ธรรมชาติ, ความทรงจำ, ญี่ปุ่น, วาเลนเซีย, ผู้เชี่ยวชาญ, ทะเลทราย, สายรุ้ง และโมโน นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานได้ เช่น สัมผัสถ่ายรูป, ตั้งเวลาถ่ายรูป, ถ่ายด้วยเสียง, O-Touch ชัตเตอร์ รวมไปถึงการเลือกความละเอียดของภาพถ่าย สูงสุด 16 ล้านพิกเซล

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ด้วยโหมด Beauty ปรับระดับค่าที่ 50% (ซ้าย) และ 100% (ขวา)

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า ปรับแต่งด้วยเอฟเฟกต์แต่งภาพ

ส่วนโหมดถ่ายรูปด้วยกล้องด้านหลัง ประกอบด้วย ปกติ, Ultra HD, กลางคืนที่มีสีสันสดใส, Panorama แบบอัตโนมัติ, โหมดผู้เชี่ยวชาญ, ถ่ายรูปพร้อมแต่งสวย (Beauty) และ Super Macro นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการถ่ายรูปได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ลองมาชมตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล บน OPPO N3 กันครับ (ถ่ายด้วยโหมดปกติ)

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับการ รีวิว OPPO N3 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ถือว่า เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะจุดขายอย่าง กล้องดิจิตอลที่สามารถหมุนได้ 206 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล สร้างสรรค์ภาพถ่ายได้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้ง ยังสามารถสั่งให้ถ่ายภาพผ่านทางอุปกรณ์ไร้สายอย่าง O-Click นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ ระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง ที่สามารถจดจำได้ถึง 5 ลายนิ้วมือ เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอีกระดับ

นอกเหนือไปจากความโดดเด่นในเรื่องของ กล้องถ่ายรูป แล้ว OPPO N3 ยังมีจุดเด่นในด้านอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor (Qualcomm Snapdragon 801 MSM8974AA chipset) ความเร็ว 2.3 GHz, RAM ขนาด 2 GB, ระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.0 ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 (KitKat) และแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh รองรับการใช้งานได้อย่างจุใจ นอกจากนี้ OPPO N3 ยังรองรับเครือข่าย 4G LTE และรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดภายในเครื่องเดียว ในราคาเปิดตัวที่ 19,990 บาท ซึ่งถือว่า สมน้ำสมเนื้อกับฟีเจอร์ที่อัดแน่นอยู่ภายใน OPPO N3 นั่นเอง

จุดเด่นของ OPPO N3

• ตัวเครื่องทำจากวัสดุอะลูมิเนียม อัลลอยด์ ที่มีคุณภาพและความทนทานสูง
• จอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว แบบ TFT LCD Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (403 ppi)
• หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor (Qualcomm Snapdragon 801 MSM8974AA chipset) ความเร็ว 2.3 GHz
หน่วยประมวลผลภาพ Adreno 330 GPU
• RAM ขนาด 2 GB
• หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 32 GB
• รองรับ microSD Card สูงสุด 128 GB
• รันระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.0 ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 (KitKat)
• กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED โดยโมดูลกล้อง สามารถหมุนได้ 206 องศา และใช้งานเป็นกล้องด้านหน้าได้
• แบตเตอรี่ Li-ion 3000 mAh
• รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
• รองรับเทคโนโลยี NFC
• รองรับการใช้งานร่วมกับ O-Click รีโมตแบบไร้สาย
• รองรับเครือข่าย 4G LTE
• รองรับการใช้งานกับเครือข่าย 3G ทุกคลื่นความถี่ภายในเครื่องเดียว
• ระบบ GPS ในตัว พร้อมฟังก์ชัน A-GPS
• ระบบสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง โดยสามารถจดจำได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ
• ชาร์จแบตเตอรี่ได้ไวขึ้น ด้วยเทคโนโลยี VOCC ด้วยการชาร์จเพียง 5 นาที สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้นานถึง 2 ชั่วโมง หรือชาร์จเพียง 30 นาที แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นถึง 75%

จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม

• ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
• ไม่สามารถแกะฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
• ช่องซิมการ์ดที่ 2 ไม่สามารถใส่ซิมการ์ด และหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card พร้อมกันได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

ข้อควรทราบ: “เครื่อง OPPO N3 ที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทาง ออปโป้ เท่านั้น ยังไม่ใช่เครื่องที่วางจำหน่ายจริงแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นตัวเครื่อง หรือฟังก์ชันการทำงานบางอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ 100% เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายจริง”

 

 

---------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com

Update : 20/05/2015

OPPO N3