มือถือ Android รุ่นใหม่ ๆ ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ชาร์จเร็ว หรือ Fast Charging ทำให้ใช้เวลาไม่กี่นาทีในการชาร์จจนเต็ม แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ หลายปี จากที่เคยใช้เวลาในการชาร์จไม่นาน กลับต้องรอ 2-3 ชั่วโมง หรือบางทีชาร์จทิ้งไว้ทั้งคืนก็ยังไม่เต็ม มาดูกันดีกว่าว่า สาเหตุทำให้ มือถือ Android ชาร์จแบตได้ช้า มีอะไรกันบ้าง
1. สายชาร์จอยู่ในสภาพดีหรือไม่ ?
สายชาร์จที่อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ คือเหตุผลหลักที่ว่าทำไมสมาร์ทโฟนถึงชาร์จแบตได้ช้าลงกว่าเดิม โดยเฉพาะสายชาร์จที่ผ่านการใช้งานเป็นเวลานานแล้วมีสภาพหัก, ถูกพับ, สายงอ, ขาดเปื่อย และอื่น ๆ ซึ่งทางออกของปัญหานี้มีอย่างเดียวคือ ซื้อสายใหม่
2. สำรวจสภาพของ Adapter
นอกจากสายชาร์จแล้ว Adapter เองก็เป็นปัจจัยหลักของการชาร์จเช่นกัน และเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากเนื่องจากเกี่ยวข้องกับกระแสไฟฟ้า ฉะนั้น Adapter ที่ดีควรอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่งอ มีรอยร้าว หรือมีรอยเขม่าควันดำ ถ้าหากพบว่า Adapter เริ่มมีปัญหาควรซื้อใหม่ และควรซื้อ Adapter ที่ได้มาตรฐาน
3. ตรวจสอบพอร์ตชาร์จบนสมาร์ทโฟน
อีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้สมาร์ทโฟนชาร์จแบตได้ช้า ก็คือ พอร์ตชาร์จสกปรก ฉะนั้น ถ้าหากพบว่ามีฝุ่นผงอุดอยู่ในพอร์ต ควรใช้แปรงเล็กปัดออกมา และต้องคอยสังเกตด้วยว่า พอร์ตชาร์จเมื่อเสียบสายชาร์จแล้วมีลักษณะหลวมผิดปกติด้วยหรือไม่ เพราะถ้าหากพอร์ตเกิดการชำรุดจะทำให้ชาร์จได้ช้าลง
4. ตรวจสอบแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า
ถ้าหากชาร์จแบตมือถือด้วยไฟบ้าน อาจจะไม่เจอปัญหานี้เท่าใดนัก แต่สำหรับคนที่ชาร์จแบตผ่านอุปกรณ์เสริมอื่น อย่างเช่น Power Bank, พอร์ตบนแล็ปท็อป หรือชาร์จบนรถยนต์ ซึ่งแหล่งพลังงานเหล่านี้จะปล่อยกำลังไฟที่ไม่มากนัก ฉะนั้น ถ้าหากต้องการให้สมาร์ทโฟนชาร์จเต็มไวขึ้น ควรชาร์จด้วยไฟบ้าน
5. ใช้อุปกรณ์ชาร์จที่เหมาะสมกับอุปกรณ์
คนที่ซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ แต่ไม่ยอมใช้อุปกรณ์ชาร์จที่แถมมาให้ในกล่อง เป็นสาเหตุหนึ่งว่าทำไมมือถือถึงชาร์จได้ช้า เนื่องจากอุปกรณ์ชาร์จที่เรากำลังใช้งานอยู่นั้นอาจไม่รองรับคุณสมบัติที่สมาร์ทโฟนต้องการ อย่างเช่น ระบบชาร์จเร็ว นอกจากนี้ ระบบชาร์จไร้สายก็ไม่ได้เร็วเหมือนกันทั้งหมด ฉะนั้น ควรตรวจสอบข้อมูลจำเพาะของสมาร์ทโฟนที่ใช้อยู่ว่ารองรับกับอุปกรณ์ชาร์จที่มีหรือไม่
6. สังเกตว่าแต่ละแอปฯ กินแบตมากแค่ไหน ?
แอปฯ บางแอปฯ บนมือถือ Android จะมีการทำงานแบบเบื้องหลัง แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้เปิดใช้งานแอปฯ นั้นเลยก็ตาม ซึ่งถ้าหากมีการทำงานในลักษณะนี้สัก 10 แอปฯ บนเครื่อง ก็จะกินพลังงานแบตเตอรี่มากพอสมควร ฉะนั้น ควรปิดแอปฯ ที่ไม่ต้องการให้ทำงานแบบเบื้องหลัง หรือถอนการติดตั้งถ้าหากคิดว่าไม่น่าจะได้ใช้งานแอปฯ นั้นอีก
7. ใช้โทรศัพท์ขณะชาร์จหรือไม่ ?
การใช้โทรศัพท์ในขณะที่ชาร์จแบตไปด้วย จะทำให้ตัวเครื่องทำงานหนักมากขึ้น และส่งผลทำให้ชาร์จแบตได้ช้าลง ฉะนั้น ควรหยุดพักการใช้งานในขณะชาร์จ และเปลี่ยนไปใช้งานอุปกรณ์อื่น อย่างเช่น แท็บเล็ต ชั่วคราวก่อน
8. แบตเริ่มเสื่อมหรือยัง ?
แบตเตอรี่มือถือ เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพลง และเก็บประจุได้ไม่เต็มร้อย ฉะนั้น ถ้าหากรู้สึกว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม ควรเปลี่ยนใหม่
9. Factory Reset ตั้งค่าใหม่จากโรงงาน
สำหรับคนที่กำลังจะขายมือถือเครื่องเก่าเป็นเครื่องมือสอง สิ่งที่ควรจะต้องทำก็คือ การ Factory Reset ซึ่งจะลบข้อมูลทุกอย่างในเครื่องและตั้งค่าใหม่ทั้งหมด แต่ถ้าหาก Factory Reset แล้ว ยังพบว่า มือถือยังชาร์จแบตได้ช้าอยู่ แสดงว่าอาจจะเป็นที่ฮาร์ดแวร์แล้ว
10. ถึงเวลาเปลี่ยนมือถือใหม่แล้วหรือยัง ?
ถ้าหากสมาร์ทโฟนที่ใช้อยู่มีปัญหาในการชาร์จ และลองมาทุกวิธีการแก้ปัญหาแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้น ทางออกสุดท้ายก็คือ ต้องซื้อเครื่องใหม่ และอย่าลืมดูแลรักษาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ให้ดี เพื่อให้ตัวเครื่องสามารถใช้งานได้ยาวนานหลายปี
-------------------------------------
ที่มา : androidauthority.com
เรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 04/02/2022
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |