อีกแค่วันเดียวก็จะถึงเวลาเปิดตัว Samsung Galaxy S8 และ S8+ แล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็มีการอัปเกรดกันแทบทุกส่วนทั้งดีไซน์ภายนอกและคุณสมบัติภายใน รวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามามากมาย หนึ่งในนั้นคือผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby ที่ทำหน้าที่คล้ายกับ Siri บน iPhone แต่ต่างกันตรงที่ Bixby จะเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้และปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การใช้งานของแต่ละคนโดยเฉพาะ เพื่อให้กลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเอง
เมื่อ Samsung จะเปิดตัว AI Assistant ของตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะนำไปเทียบกับคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Siri ของ Apple ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะยังไม่เห็นความสามารถที่แท้จริงของ Bixby แต่ฟีเจอร์ต่างๆ ที่ทาง Samsung เปิดเผยออกมานั้นนับว่าน่าสนใจและอาจจะเอาชนะคู่แข่งที่อยู่ในวงการมานานอย่าง Siri ได้สบายเลยทีเดียว และนี่คือ 4 ฟีเจอร์เด่นที่ของ Bixby ที่อาจทำให้ Siri ต้องหลีกทางให้ครับ
1. สั่งงานแอปพลิเคชันได้เต็มที่
จุดอ่อนอย่างหนึ่งของ Siri คือข้อจำกัดในการเข้าถึงและสั่งงานแอปพลิเคชัน คนที่ใช้ iPhone มานานจะทราบว่าการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ผ่าน Siri เป็นอะไรที่ไม่ค่อยเวิร์ค จิ้มเอาเองง่ายกว่า ซึ่ง Apple ก็แทบไม่ได้อัปเกรด Siri ขึ้นเลยตั้งแต่เปิดตัวออกมาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ในขณะที่ Bixby มีคุณสมบัติที่เรียกว่า App Integration หรือการฝังตัวเข้ากับแอป ทำให้เราสั่งงานแอปต่างๆ ด้วยเสียงได้โดยตรง Bixby จะควบคุมแอปตามที่เราสั่งได้แทบทั้งหมดจนเราอาจจะไม่ต้องยกนิ้วจิ้มจอกันเลยทีเดียว
2. รู้ใจเรา เข้าใจสถานการณ์
การทำงานของ Siri และ AI Assistant อื่นๆ ทั่วไป คือการทำตามคำสั่งของเราอย่างตรงไปตรงมาโดยอาศัยฐานข้อมูลที่มีอยู่หรือจากอินเทอร์เน็ต หลายครั้งเราจึงได้คำตอบที่ไม่ค่อยเข้ากับสถานการณ์เท่าไหร่ แต่การเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้ของ Bixby จะทำให้มันเข้าใจเรามากขึ้น และประเมินได้ว่าเรากำลังทำอะไร หรือต้องการอะไร และเลือกทำในสิ่งที่สมเหตุสมผลกับสถานการณ์นั้นๆ มากที่สุด ซึ่งจะทำให้เราสั่งงาน Bixby ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกเหมือนคุยกับหุ่นยนต์อีกต่อไป (หรืออย่างน้อยก็รู้สึกน้อยลง)
3. เรียนรู้และรับคำสั่งได้อย่างเหนือชั้น
Siri จะรับรู้คำสั่งต่างๆ จาก keyword ที่กำหนดไว้แล้วเท่านั้น หากใช้คำอื่นที่มีความหมายเดียวกันหรือเราพูดไม่ชัดก็จะรับคำสั่งไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่า Bixby จะเรียนรู้คำสั่งที่ซับซ้อนกว่านั้นได้โดยเรียนรู้จากลักษณะการพูดของเราไปเรื่อยๆ ทำให้เราไม่ต้องยึดติดกับ keyword อีกต่อไปเพราะมันจะเข้าใจได้เองว่าเรากำลังพูดถึงอะไรอยู่ จากนั้นจะพยายามทำตามคำสั่งไปจนจบภารกิจด้วยตัวเอง และจะหันมาถามเราเมื่อไปต่อไม่ได้จริงๆ เท่านั้น โดยที่เราไม่ต้องสั่งซ้ำๆ ทีละขั้นตอนให้เมื่อยอีกต่อไป
4. ครบเครื่องเรื่อง Smart Home
เครื่องใช้ไฟฟ้าจำพวก Smart Home กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น การเปิดไฟ เปิดทีวี เปิดแอร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ในบ้านด้วยเสียงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป ในขณะที่วงการ Smart Home กำลังขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ แต่ Siri กลับปรับตัวตามไม่ทัน โดยยังคงมีข้อจำกัดในการสั่งการข้ามแพลตฟอร์ม หรือพูดง่ายๆ ก็คือนอกจากอุปกรณ์ในเครือ Apple แล้ว Siri แทบจะควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ได้เลย ถึงแม้ระยะหลังแอปพลิเคชัน Apple Home จะทำให้ Siri ทำอะไรได้มากขึ้น แต่ก็ยังขาดฟีเจอร์ที่สำคัญและความยืดหยุ่น ที่สำคัญยังมีคู่แข่งอย่าง Alexa ของ Amazon เป็นอุปสรรคในวงการนี้อีกด้วย
ขณะเดียวกัน Samsung มีชื่อเสียงด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนมาแต่ไหนแต่ไร และมีผลิตภัณฑ์มากมายครอบคลุมทุกอย่างในบ้านตั้งแต่หลอดไฟยันตู้เย็นอัจฉริยะที่สั่งซื้อของที่กำลังจะหมดให้เราได้เสร็จสรรพ ทำให้ Samsung ได้เปรียบในวงการ Smart Home มาก และไม่พลาดที่จะให้ Bixby เข้ามาเป็นพระเอกในเรื่องนี้ โดย Bixby จะทำงานบนระบบ cloud เมื่อใดที่อุปกรณ์ในเครือสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ก็จะสามารถเชื่อมต่อกับ Bixby ได้ทันที อย่างไรก็ตาม Samsung ยังไม่ได้เปิดเผยเรื่องการทำงานข้ามแพลตฟอร์มว่าจะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน แต่ลำพังแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าของ Samsung เองก็ครบเครื่องทุกอย่างแล้ว อนาคตในวงการ Smart Home ของ Bixby จึงสดใสกว่า Siri มาก
อย่างไรก็แล้วแต่ ฟีเจอร์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อมูลในกระดาษเท่านั้น Bixby จะฉลาดสมกับที่คุยเอาไว้หรือไม่ ต้องติดตามกันในงานเปิดตัว Samsung Galaxy S8 และ S8+ คืนวันพุธที่ 29 มีนาคมนี้ครับ
---------------------------------------
ที่มา : PhoneArena
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 29/03/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |