งาน Apple Event 2020 เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPad มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ 2 รุ่น ซึ่งได้แก่ iPad 8 รุ่นราคาประหยัด กับ iPad Air 4 ที่มีการอัปเกรดดีไซน์แบบครั้งใหญ่ โดยทั้ง 2 รุ่นนี้แตกต่างกันทั้งในเรื่องของสเปก และราคา ซึ่ง iPad Air 4 นั้น สเปกดีกว่าแต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงกว่า เริ่มต้นที่ 19,900 บาท ในขณะที่ iPad 8 เคาะราคาที่ 10,900 บาทเท่านั้น ซึ่งราคาต่างกันถึง 9,000 บาทเลยทีเดียว
แม้ราคาของ iPad Air 4 จะสูงกว่า iPad 8 แต่ก็มีหลาย ๆ เหตุผลที่ iPad Air 4 มีความน่าสนใจมากกว่า มาดูกันดีกว่าว่า มีอะไรบ้าง
1. หน้าจอแสดงผลดีกว่า
ถึงแม้ว่าทั้ง iPad Air 4 กับ iPad 8 จะมีขนาดตัวเครื่องที่ใกล้เคียงกัน แต่ด้วยดีไซน์แบบ Edge-to-Edge Display บน iPad Air 4 ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงผลมากกว่า ซึ่ง iPad Air 4 มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 10.9 นิ้ว ส่วน iPad 8 มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 10.2 นิ้ว นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลของ iPad Air 4 ยังมีประสิทธิภาพดีกว่าเนื่องจากเป็นหน้าจอแบบ Liquid Retina with True Tone อีกทั้งยังเป็นจอภาพแบบ Full Lamination พร้อมเคลือบสารกันแสงสะท้อน บนความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล ในขณะที่ iPad 8 ยังเป็นหน้าจอแบบ Retina Display ความละเอียด 2160 x 1620 พิกเซล
2. พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C
iPad Air 4 ถือว่าเป็นรุ่นแรกในซีรี่ส์ iPad Air ที่อัปเกรดจากพอร์ต Lightning เดิมมาเป็นพอร์ต USB-C แบบ iPad Pro ซึ่งนอกจากจะทำให้ชาร์จแบตได้ไวขึ้นแล้ว ยังถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่าเดิม ส่วน iPad 8 ยังคงเป็นพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ Lightning
3. รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่กว่า
จริงอยู่ที่ทั้ง iPad Air 4 กับ iPad 8 รองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil และ Smart Keyboard แต่ iPad Air 4 รองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 รวมถึงคีย์บอร์ด 2 แบบ นั่นก็คือ Smart Keyboard Folio และ Magic Keyboard ในขณะที่ iPad 8 รองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil รุ่นที่ 1 และ Smart Keyboard เท่านั้น
4. มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องมากกว่า
พื้นที่จัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่อง อาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อ iPad สำหรับผู้ใช้บางคนมากนัก แต่สำหรับคนที่ต้องการใช้ iPad เป็นแล็ปท็อปอีกเครื่อง หรือไว้ใช้ดูหนัง, รายการทีวี หรือเก็บไฟล์ต่าง ๆ พื้นที่ในตัวเครื่องถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น เพราะ iPad ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกด้วย microSD Card ได้นั่นเอง (แม้จะมี iCloud ช่วยแต่ก็อาจจะไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้บางราย) ซึ่ง iPad Air 4 จะมีทางเลือกที่ดีกว่า เพราะรุ่นท็อปมีขนาดพื้นที่ในตัวเครื่องมากถึง 256 GB ในขณะที่ iPad 8 รองรับสูงสุดที่ 128 GB เท่านั้น แต่อย่าลืมว่า ยิ่งความจุเยอะ ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
5. กล้องดีกว่า
จริงอยู่ที่ iPad อาจจะไม่เหมาะกับการใช้งานด้านการถ่ายรูปเท่าไหร่นัก เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ทำให้การใช้งานกล้องไม่คล่องตัวเท่ากับ iPhone แต่จริง ๆ แล้วกล้องบน iPad Air 4 ก็มีของดีเช่นกัน เพราะมาพร้อมกับกล้องความละเอียดถึง 12 ล้านพิกเซล (F/1.8) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบคุณภาพของภาพถ่ายกับ iPad 8 แล้วถือว่าดีกว่า เพราะ iPad 8 มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.4) เท่านั้น
6. ชิปประมวลผลทรงพลังกว่า
ในเรื่องของการประมวลผล iPad Air 4 ถือว่าแรงกว่า iPad 8 มาก เพราะรุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ต Apple A14 Bionic รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นชิปประมวลผลแบบ 6-Core โดยเมื่อเทียบกับชิปเซ็ต Apple A13 Bionic แล้ว ถือว่าประสิทธิภาพของ CPU เร็วกว่า 40% และ GPU ดีขึ้น 30% อีกทั้ง Neural Engine ยังแรงขึ้น 2 เท่าอีกด้วย ซึ่งในด้านของการตัดต่อวิดีโอ iPad Air 4 ทำได้ดีกว่า iPad 8 เพราะรุ่นนี้ยังใช้ชิปตัวเก่าอย่าง Apple A12 Bionic อยู่
-------------------------------------
ที่มา : idropnews.com
เรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 29/09/2020
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |