สำหรับ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ไอโฟนรุ่นใหม่ประจำปี 2019 ที่ Apple เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา โดยในปีนี้ เน้นไปในเรื่องของกล้องถ่ายรูป ที่มีการอัปเกรดให้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ทั้งการอัปเกรดเป็นกล้องคู่หลังบน iPhone 11 และกล้องหลัง 3 ตัวบน iPhone 11 Pro กับ iPhone 11 Pro Max รวมถึงการเปิดตัวสีใหม่อย่างสีเขียว Midnight Green ซึ่งอันที่จริงแล้ว ยังมีฟีเจอร์ซ่อนอยู่อีกมากที่ Apple ไม่ได้ประกาศไว้ในงานเปิดตัว มาดูกันดีกว่าว่า 6 เรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ iPhone 11 รุ่นใหม่ มีอะไรบ้าง
1. iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max รองรับ Wi-Fi 6
iPhone 2019 ทั้ง 3 รุ่นใหม่ รองรับ Wi-Fi 6 ซึ่งจะช่วยทำให้การรับส่งข้อมูลเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับ Wi-Fi 5, ทำให้เราเตอร์และบริการ Access Point ต่าง ๆ รองรับอุปกรณ์ได้มากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังช่วยทำให้เซ็นเซอร์และอุปกรณ์แบบไร้สายประหยัดพลังงานมากขึ้นเมื่อมีการส่งสัญญาณ รวมถึงใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นแม้จะอยู่ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เช่น สนามบิน หรือสนามกีฬา
ส่วนสาเหตุที่ Apple ไม่ได้กล่าวถึงคุณสมบัตินี้ในงานเปิดตัว นั่นเป็นเพราะว่า Wi-Fi 6 ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ อีกทั้งเราเตอร์ที่รองรับเทคโนโลยีดังกล่าว ยังมีราคาที่สูงอยู่
2. ชิปเซ็ตตัวใหม่แบบ Ultra Wideband
นอกเหนือจากชิปด้านการประมวลผลอย่าง Apple A13 Bionic แล้ว บน iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ยังมีชิปอีกหนึ่งตัว นั่นก็คือ U1 ซึ่งมีไว้สำหรับค้นหา iPhone เครื่องอื่นได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นเมื่อวางอยู่ใกล้ ๆ กัน โดยชิปตัวนี้มาช่วยปรับปรุงและพัฒนาการทำงานของฟีเจอร์ AirDrop หรือบริการแชร์ไฟล์ให้กับ iPhone เครื่องที่วางอยู่ใกล้ ๆ กันนั่นเอง ซึ่งจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังจากอัปเดต iOS 13.1 แล้ว
อย่างไรก็ดี มีข่าวลือว่า ชิป Apple U1 นั้น เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอุปกรณ์ติดตามพิกัดที่มีชื่อว่า Apple Tile ซึ่งน่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมให้ทราบกันในเร็ว ๆ นี้
3. iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มาพร้อมกับอะแดปเตอร์แบบ USB-C ขนาด 18W
ปกติแล้ว iPhone ในแต่ละปี จะแถมอะแดปเตอร์ขนาด 5W ให้ในชุดจำหน่ายมาตรฐาน แต่สำหรับผู้ที่ซื้อ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max นั้น Apple แถมอะแดปเตอร์ขนาด 18W พร้อมสาย USB-C มาให้ในชุดจำหน่ายมาตรฐานโดยไม่ต้องซื้อเพิ่ม ทำให้ผู้ใช้สามารถชาร์จ iPhone เต็มได้ไวขึ้น ซึ่งข้อมูลจาก Apple เผยว่า ใช้เวลาในการชาร์จถึง 50% ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น
4. ตัวเครื่องหนักขึ้น
แม้ว่า iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max จะมีขนาดหน้าจอเท่าเดิมเมื่อเทียบกับรุ่นปีที่แล้ว แต่ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มีน้ำหนักตัวเครื่องเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ iPhone XS และ iPhone XS Max รุ่นปีก่อน ทั้งนี้เป็นเพราะแบตเตอรี่ที่มีขนาดความจุมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มเลนส์ตัวที่ 3 ในขณะที่ iPhone 11 ยังคงมีน้ำหนักเท่ากับ iPhone XR อยู่ที่ 194 กรัม
5. iOS 13.1 จะปล่อยให้อัปเดตในช่วงปลายเดือนนี้
สำหรับ iOS 13 นั้น Apple จะปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไปได้อัปเดตกันในวันที่ 19 กันยายนนี้ ซึ่งปล่อยก่อนหน้าวันวางจำหน่าย iPhone ทั้ง 3 รุ่นใหม่เพียง 1 วัน นั่นหมายความว่า ผู้ที่ซื้อ iPhone เครื่องใหม่จะสามารถใช้งาน iOS 13 ได้เลยทันที ในขณะที่ iOS 13.1 จะมาเร็วกว่าที่คาดกันไว้ ซึ่งจะปล่อยหลังการอัปเดต iOS 13 ราว ๆ 11 วัน หรือก็คือวันที่ 30 กันยายนนี้
6. iPhone 11 ไม่รองรับ 3D Touch แล้ว
ฟีเจอร์ 3D Touch เปิดตัวครั้งแรกบน iPhone 6S เมื่อปี 2015 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จะช่วยทำให้เข้าถึงแอปฯ ต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้นด้วยการกดหนัก ๆ ค้างไว้ที่ไอคอนแอปฯ ก่อนที่ฟีเจอร์ดังกล่าวจะเริ่มถูกถอดออกไป เริ่มจาก iPhone XR รุ่นปีที่แล้ว และแทนที่ด้วยฟีเจอร์ Haptic Touch ที่มีการทำงานคล้ายกับ 3D Touch (กดค้างเหมือนกัน แต่ไม่ต้องออกแรง) และล่าสุด บน iPhone 11 ได้ถอดฟีเจอร์ 3D Touch ออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแทนที่ด้วย Haptic Touch แทน
-------------------------------------
ที่มา : cnet.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 18/09/2019
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |