เมื่อวานนี้ทาง Apple ได้ประกาศวางจำหน่าย AirPods อย่างเป็นทางการแล้วหลังจากที่ปล่อยให้รอกันมานาน โดยเปิดให้สั่งซื้อผ่านหน้าเว็บไซต์ Apple (TH) และจะเริ่มส่งมอบสินค้า พร้อมกับวางจำหน่ายผ่านหน้าร้านและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ต่างๆ ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป แต่ก็ยังมีหลายคนที่อยากซื้อมาใช้สักอันแต่ก็ยังลังเลอยู่ เพราะราคาของ AirPods นั้นแพงไม่ใช่เล่น และดูเผินๆ ก็ไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากมาย แถมบางคนยังขัดใจกับดีไซน์ของมันอีกต่างหาก เพื่อให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในวันนี้เราจึงสรุป 7 จุดเด่นที่น่าสนใจของ AirPods มาให้ได้พิจารณากันดูครับ
1. การจับคู่ (Pairing) กับอุปกรณ์ที่ทั้งง่ายและเร็ว
การจับคู่ AirPods เข้ากับ iPhone น่าจะเป็นการจับคู่อุปกรณ์ไร้สายที่ง่ายที่สุดแล้วในเวลานี้ เพราะเพียงแค่เรานำหูฟังออกมาจากเคส หน้าต่างแสดงสถานะแบตเตอรีของ AirPods ก็จะปรากฏขึ้นมาบน iPhone (หรืออุปกรณ์ iOS อื่นๆ ที่มีระบบปฏิบัติการ iOS 10 ขั้นไป) ของเราทันที เพียงเท่านี้การจับคู่ก็เสร็จสมบูรณ์ การเชื่อมต่อจะใช้สัญญาณ Bluetooth และมีความเสถียรด้วยศักยภาพของชิป Apple W1 นอกจากนี้ยังเราสามารถเชื่อมต่อ AirPods เข้ากับอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของ Apple ได้เช่นกัน แต่จะมีขั้นตอนซับซ้อนกว่า และอาจจะไม่รวดเร็วเท่า
2. เต็มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อและการเล่นเพลงด้วยชิป Apple W1
หัวใจสำคัญของ AirPods คือชิป Apple W1 ที่ทำให้ตัวหูฟังเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ได้อย่างเสถียร รวดเร็ว และถ่ายทอดเสียงเพลงได้อย่างเต็มอารมณ์ ชิป Apple W1 รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ นอกเหนือจาก iPhone ได้โดยมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน และยังสามารถสลับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เช่นจากสลับจาก iPhone ไปยัง Apple Watch เป็นต้น เหมาะสำหรับแฟน Apple ตัวยงที่มีอุปกรณ์ในค่ายหลายๆ ชิ้น
3. สั่งการ Siri ผ่านหูฟังได้ดั่งใจ
เข้าถึง Siri ได้อย่างง่ายดายผ่าน AirPods เพียงแค่แตะเบาๆ 2 ครั้งบนหูฟัง เซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหวจะทำงานและเรียก Siri ขึ้นมาในทันทีโดยที่เราไม่ต้องหยิบโทรศัพท์เลย อย่างไรก็ตามหากเราอยากจะทำอย่างอื่นด้วยการแตะ 2 ครั้งนอกจากเรียกใช้ Siri เช่นการสั่งเล่นหรือหยุดเพลงก็สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลือกการตั้งค่าจะค่อนข้างจำกัดเพราะยังไม่มี gesture อื่นนอกจากการแตะ 2 ครั้งและยังไม่มี shortcut สำหรับข้ามเพลงในขณะนี้
4. ระบบตรวจจับการสวมใส่หูฟัง
ในหูฟัง AirPods แต่ละข้างจะมีเซ็นเซอร์อินฟาเรดติดตั้งเอาไว้เพื่อตรวจจับว่าตัวหูฟังอยู่ในหูของเราแล้วหรือยัง ด้วยความสามารถนี้จะทำให้ AirPods เล่นเพลงเมื่อมันอยู่ในหูเราแล้วเท่านั้น และจะหยุดเล่นเองเมื่อเราถอดออกจากหูโดยที่เราไม่ต้องสั่งการอะไรทั้งสิ้น
5. ระบบตรวจจับทิศทางและแยกแยะเสียงรบกวนที่เหนือกว่า
เมื่อเราพูด เซ็นเซอร์ใน AirPods จะตรวจจับการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงและวิเคราะห์แหล่งที่มา แล้วจึงลดเสียงรบกวนจากภายนอกด้วยไมโครโฟนประเภท Beamforming ด้วยการที่ไมโครโฟนสามารถตรวจจับต้นทางของเสียงเราได้ ทำให้ AirPods สามารถแยกแยะเสียงของเราและเสียงรอบข้างอื่นๆ ได้อย่างชัดเจนและทำการตัดเสียงรบกวนได้ดียิ่งขึ้น
6. ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรีทุกวัน
ปกติแล้ว AirPods จะสามารถใช้งานได้ 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และตัวเคสเก็บหูฟังก็ทำหน้าที่เป็นแบตเตอรีสำรองไปด้วยในตัว โดยสามารถมอบระยะเวลาการใช้งานให้กับตัว AirPods ได้อีกถึง 24 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายยี่ห้ออื่นนับว่ามีระยะเวลาการใช้งานที่นานมาก และด้วยระยะเวลาการใช้งานระดับนี้จึงอาจต้องชาร์จแค่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ในขณะที่หูฟัง Bluetooth หลายยี่ห้อยังจำเป็นต้องชาร์จทุกวัน เช่น Icon X ที่ใช้งานได้แค่ 2 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
7. ราคาไม่ได้แพงกว่าหูฟังไร้สายยี่ห้ออื่นเท่าไหร่
6,900 บาทถือเป็นการลงทุนกับหูฟังที่แพงเอาเรื่องเลยทีเดียว โดยเฉพาะหลายคนที่ได้ยินมาว่าคุณภาพเสียงของ AirPods ไม่ได้ต่างอะไรกับหูฟัง EarPods ราคา 1,200 บาทเลย (ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร) แต่ถ้าเราลองมองดูหูฟังไร้สายยี่ห้ออื่นในระดับเดียวกันจะเห็นได้ว่าราคานี้ไม่ได้แพงไปกว่าเจ้าอื่นเท่าไหร่ คู่แข่งที่ดูจะสูสีที่สุดอย่าง Samsung Gear Icon X เปิดตัวที่ราคาเกือบ 9,000 บาท และลดลงมาเหลือราวๆ 7,000 บาทในภายหลัง หรือ Motorola VerveOnes+ ก็เคาะราคาที่ 7,100 บาท หูฟัง EliteSport ของ Jabra และ The Dash ของ Bragi ก็เปิดตัวที่ราคาราว 9,000 บาทเช่นกัน เพราะฉะนั้น AirPods จึงไม่ได้แพงเกินหน้าเกินตาหูฟังยี่ห้ออื่นแต่อย่างใด แต่จะคุ้มหรือไม่นั้นคงต้องดูจากสไตล์การใช้งานของเราอีกที หากไม่ชอบสายรุงรังและต้องการหูฟังที่เข้าคู่กับ iPhone ได้เป็นอย่างดีและสามารถใช้ได้ยาวๆ 6,900 บาทก็น่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าครับ
---------------------------------------
ที่มา : Phone Arena
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 15/12/2016
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |