วางจำหน่ายในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ OPPO R1 มือถือแอนดรอยด์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่นอกจากจะรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดภายในเครื่องเดียวแล้ว OPPO R1 ยังมาพร้อมกับ ดีไซน์ที่เรียบหรู แข็งแรง และบางเฉียบอีกด้วย โดยจุดขายของ OPPO R1 นั้น อยู่ที่ หน้าจอแบบสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 5.0 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 720p นอกจากนี้ ยังรองรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ด้วยกล้องดิจิตอลด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.0 พร้อมเทคโนโลยี PI Engine ที่ช่วยประมวลผลการถ่ายภาพในยามค่ำคืน ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ OPPO R1 ยังมีจุดขายที่น่าสนใจอีกมากมาย มาชมกันว่า OPPO R1 นี้ จะมีของดีอะไร ซ่อนไว้อีกบ้าง กับบทความ รีวิว OPPO R1 โดยทีมงาน techmoblog ครับ
สเปค OPPO R1
- จอแสดงผลกว้าง 5.0 นิ้ว แบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล (294 ppi)
- หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor (MediaTek MT6582 chipset) ความเร็ว 1.3 GHz
- หน่วยประมวลผลภาพ Mali-400 GPU
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB
- หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16 GB ไม่รองรับ microSD card
- รันระบบปฏิบัติการ Color OS ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.2.1 (Jelly Bean)
- กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
- แบตเตอรี่ขนาด 2410 mAh
>> สเปค OPPO R1 อย่างละเอียด คลิกที่นี่
รีวิว OPPO R1 : ดีไซน์ และ การออกแบบ
OPPO R1 มาพร้อมกับหน้าจอกว้าง 5.0 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล (294 ppi) ซึ่งตัวเครื่อง ขึ้นรูปด้วยอะลูมิเนียมอัลลอยด์ ในแบบ Unibody พร้อมกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน ทั้งด้านหน้า และ ด้านหลัง โดย OPPO R1 ที่นำมารีวิวนี้ เป็นตัวเครื่องสีขาว ด้านข้างตัดขอบสีทอง สวยและหรูหรามากเลยทีเดียว
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ ซึ่งมุมบนขวาสุด จะเป็นไฟ LED แสดงการแจ้งเตือนต่างๆ
ซึ่งความพิเศษของไฟ LED แสดงการแจ้งเตือนนี้ ไม่ได้ปรากฏเฉพาะด้านหน้าตัวเครื่องเท่านั้น แต่ยังปรากฏที่ด้านหลังตัวเครื่องอีกด้วยครับ ฉะนั้น ไม่ว่าเราจะวางตัวเครื่องหงาย หรือคว่ำลง ก็จะมีไฟ LED นี้ปรากฏขึ้นมา เรียกได้ว่า ไม่พลาดทุกการติดต่อเลยก็ว่าได้
ส่วนด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส 3 ปุ่มด้วยกัน ได้แก่ ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม (Home) และปุ่มย้อนกลับ (Back) ซึ่งจะมีไฟแสดงการทำงานปรากฏขึ้นมาด้วย สะดวกต่อการใช้งานในที่แสงน้อย
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อคหน้าจอ และช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ microSIM
สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดบน OPPO R1 นี้ จะคล้ายกับ OPPO Find Mirror ซึ่งเป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบยาว รองรับได้ 2 ซิมการ์ดในถาดเดียว
ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง และ ช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนหลักสำหรับสนทนา, พอร์ต microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และ ช่องลำโพง ที่ให้เสียงดัง และคมชัด
ด้านหลังตัวเครื่อง เป็นกล้องดิจิตอล ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และ Blue Glass Filter ช่วยลดแสงสะท้อน และป้องกันการเกิดสีเพี้ยน นอกจากนี้ ยังมีไฟ LED แสดงการแจ้งเตือน ที่มุมบนขวา ดังที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น โดยฝาหลัง ไม่สามารถถอดแกะได้ครับ
และจุดเด่นที่น่าสนใจบน OPPO R1 ก็คือ สามารถสัมผัสหน้าจอได้ แม้กระทั่งสวมถุงมือ โดยผู้ใช้ จำเป็นต้องเปิดใช้งานฟังก์ชันนี้เสียก่อน ในหน้าการตั้งค่า (Settings) ครับ
รีวิว OPPO R1 : อินเทอร์เฟส และการใช้งานเบื้องต้น
OPPO R1 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Color OS ที่มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.2.1 (Jelly Bean) สำหรับในหน้า Lockscreen จะมีเมนูลัดให้เข้าสู่ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ซึ่งสามารถเพิ่มและแก้ไขเองได้ตามใจชอบ
สำหรับหน้า Homescreen นั้น ผู้ใช้สามารถเลือก แอพพลิเคชั่น ที่ใช้งานบ่อย สร้างเป็น shortcut เพื่อใช้งานในหน้านี้ได้เลยทันที ซึ่งสามารถเพิ่มหน้า Homescreen ได้สูงสุด 9 หน้าด้วยกัน
นอกจากนี้ ยังสามารถเปลี่ยน Widget, ธีม, วอลเปเปอร์ หรือเอฟเฟกต์ต่างๆ ได้ด้วยการ ปัดจากล่างขึ้นบนครับ ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ
ไม่เพียงเท่านั้น ในหน้า Homescreen บน OPPO R1 นั้น จะมี เครื่องเล่นเพลง ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งเรียกว่า Music Space ที่ผู้ใช้สามารถเล่นเพลงผ่านหน้า Homescreen ได้ทันที ด้วยการลากเข็มไปไว้บนแผ่นเสียงครับ ซึ่งถ้าจะปิดเพลง ก็เพียงแค่ ลากเข็มออกจากแผ่นเสียง โดยการออกแบบในส่วนนี้ ถือว่าคลาสสิกมากทีเดียว
โหมดถ่ายภาพด่วน หรือ Photo Space โดยสามารถเข้าสู่โหมดกล้องเพื่อถ่ายภาพได้ทันที ซึ่งภาพที่แสดงนั้น จะเป็นแบบไทม์ไลน์ เรียงตามวัน และเวลาที่ถ่ายภาพ นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าสู่ แอพพลิเคชั่นกล้อง, คลังภาพ (Gallery), หน้าแอพพลิเคชั่นรวม รวมถึงการเข้าสู่โหมดการถ่ายคลิปวีดีโอ และบันทึกเสียง ได้จากส่วนนี้เช่นกัน โดยทั้ง Music Space และ Photo Space ไม่สามารถลบออกจากหน้า Homescreen ได้
ส่วนการกดปุ่ม Power ค้างไว้ จะเป็นการเข้าสู่เมนูลัด ไม่ว่าจะเป็น การปิดเครื่อง, รีสตาร์ท, เปิด-ปิดเสียง, เปิด-ปิดระบบสั่น และเปิด-ปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane mode)
Notification center หรือแถบการแจ้งเตือน สามารถเลือกตั้งค่า เมนูลัด ที่ใช้งานบ่อย ได้จากส่วนของ การตั้งค่า นอกจากนี้ ยังสามารถปรับความสว่างของหน้าจอ, เปิด-ปิดการเล่นเพลง และเข้าสู่ แอพพลิเคชั่น การตั้งค่า (Settings) ได้จากส่วนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
การกดปุ่ม Home 2 ครั้ง เป็นการเข้าสู่เมนู Task manager เพื่อสลับใช้งานเป็นแอพพลิเคชั่นอื่น (Multitasking) หรือปิดแอพพลิเคชั่นที่ไม่ใช้งาน เพื่อเป็นการเพิ่มหน่วยความจำ RAM ให้กับตัวเครื่อง
ส่วนการแตะปุ่ม Home ค้างไว้ จะเป็นการใช้งาน Google Now
มากันที่หน้า แอพพลิเคชั่นรวม บน OPPO R1 กันบ้างครับ ซึ่งประกอบด้วย แอพพลิเคชั่นพื้นฐาน ของ สมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ ที่มีให้ใช้กันอย่างครบครัน ซึ่งผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด แอพพลิเคชั่น เพิ่มเติม ได้จาก Play Store
สำหรับส่วนของ Multi Finger Gesture หรือการใช้ท่าทางและการเคลื่อนไหว ถือว่า เป็นฟีเจอร์เด็ดที่น่าสนใจเลยก็ว่าได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถ กำหนดท่าทางสำหรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น
• ใช้ 3 นิ้วเลื่อนลง เพื่อจับภาพหน้าจอ
• ป้องกันการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ
• โหมดถุงมือ สามารถสัมผัสหน้าจอได้ แม้ว่าจะสวมถุงมืออยู่ก็ตาม
• เปิดใช้งานกล้องดิจิตอล ด้วยการรวบนิ้วเข้าหากัน
• ใช้ 2 นิ้วสไลด์ขึ้นลง เพื่อปรับระดับเสียง สไลด์ขึ้น คือการเพิ่มระดับเสียง ส่วนการสไลด์ลง คือการลดระดับเสียง
• พลิกโทรศัพท์ เพื่อปิดเสียง
• ยกโทรศัพท์เข้าใกล้ที่หู เพื่อโทรออก หรือรับสายอัตโนม้ติ
• ยกโทรศัพท์เข้าใกล้ที่หู เพื่อเปลี่ยนเป็นโหมดหูฟังอัตโนมัติ
• เมื่อหน้าจอดับอยู่ การแตะที่หน้าจอ 2 ครั้ง จะทำให้หน้าจอสว่างขึ้นทันที
นอกจากนี้ OPPO R1 ยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Gesture panel หรือการเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ด้วยท่าทาง เช่น เปิดใช้งานกล้องดิจิตอล ให้วาดเป็นรูปตัว O หรือเปิดใช้งานไฟฉาย ให้วาดเป็นรูปตัว V ซึ่งสามารถทำได้แม้ว่าหน้าจอจะดับอยู่
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถ กำหนดท่าทาง เพื่อเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ได้ เช่น Facebook ให้แทนด้วยตัว F ซึ่งต่อไป ผู้ใช้สามารถเข้าใช้งาน Facebook ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการเขียนตัวอักษร F บนหน้าจอครับ
สำหรับ เบราว์เซอร์ บน OPPO R1 นั้น เป็น Google Chrome ครับ ซึ่งรองรับการใช้งานทั้งแนวตั้ง และแนวนอน และรองรับการแสดงผลภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ
มากันที่ โหมดการใช้งานโทรศัพท์กันบ้าง โดยสามารถเลือกได้ว่า จะโทรออกด้วยซิมการ์ดที่ 1 หรือ 2 นอกจากนี้ ยังเพิ่มความรวดเร็วในการค้นหา ด้วยการแทนตัวอักษร ด้วยตัวเลขครับ เช่น จะค้นหาคำว่า Bank สามารถกดไปที่แป้นตัวเลข 2265 ได้เลย จากนั้น จะมีรายชื่อที่มีคำว่า Bank ระบุอยู่ ขึ้นมาให้เลือก
Weather แอพพลิเคชั่นสภาพอากาศ ซึ่งจะแสดงผลตามตำแหน่งที่ผู้ใช้อาศัยอยู่ นอกจากนี้ ยังสามารถพยากรณ์อากาศล่วงหน้าได้อีกด้วย โดยอินเทอร์เฟสที่ใช้ จะเป็นไปตามสภาพอากาศ ณ เวลานั้น
Notes แอพพลิเคชั่นสำหรับบันทึกแบบย่อ รองรับการพิมพ์ภาษาไทยเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ ยังสามารถแทรกภาพถ่าย หรือวาดรูปลงไปได้ด้วยเช่นกัน
Play Store แหล่งรวมแอพพลิเคชั่นทั่วทุกมุมโลก มีทั้งแบบให้ดาวน์โหลดได้ฟรี และเสียเงิน ซึ่งก่อนเข้าใช้งาน จะต้องล็อกอินก่อนทุกครั้ง
OPPO R1 นั้นมาพร้อมกับระบบ GPS และ A-GPS ในตัว สามารถใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นประเภท นำทาง ได้ทันที รวมถึงแอพพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง Google Maps ก็สามารถใช้งานบน OPPO R1 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แอพพลิเคชั่นพื้นฐานอย่าง ไฟฉาย ก็มีให้ใช้งานบน OPPO R1 โดยที่ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบันทึกเสียง และวิทยุ FM ในตัว ซึ่งก่อนใช้งานวิทยุ FM จำเป็นต้องเชื่อมต่อหูฟังเสียก่อน
เครื่องคิดเลข สามารถใช้งานได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน ซึ่งการใช้งานในแนวนอน จะมีฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์เพิ่มเข้ามาด้วย
สำหรับท่านที่ต้องการจัดการไฟล์เอกสาร ไม่ว่าจะเป็น Word, Excel, PowerPoint หรือแม้แต่ PDF คุณยังคงสามารถจัดการเอกสารเหล่านั้นผ่านแอพพลิเคชั่น Kingsoft Office บน OPPO R1 ได้ทันที ไม่ต้องดาวน์โหลดเพิ่มเติมแต่อย่างใด
มาดูกันที่แอพพลิเคชั่น Photos หรือคลังภาพกันบ้างครับ โดยจะมีการแบ่งแยกเป็นอัลบั้มอย่างชัดเจน เช่น ภาพจากกล้องถ่ายรูป, ภาพ screenshot หรือภาพวอลเปเปอร์ ซึ่งสามารถแชร์ภาพ หรือแก้ไขรูปภาพได้จากส่วนนี้
โดยการปรับแต่งภาพถ่ายนั้น นอกจากจะปรับความมืด-สว่างแล้ว ยังสามารถใส่เอฟเฟกต์ เช่น ปรับเป็นสี Sepia หรือใส่ฟิลเตอร์ได้ เช่น ปรับเป็นภาพแบบ LOMO หรือ Posterize ได้ความสวยงามไปอีกแบบ
ทดสอบการเล่นเกมกันบ้างครับ โดย OPPO R1 รุ่นนี้ ใช้หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor (MediaTek MT6582 chipset) ความเร็ว 1.3 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิค Mali-400 GPU และหน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB ช่วยทำให้การเล่นเกม ไม่สะดุด นอกจากนี้ ลำโพงที่ด้านท้ายเครื่อง ยังให้เสียงที่คมชัดอีกด้วย
ปิดท้ายที่การทดสอบ Benchmark บน OPPO R1 โดยผลการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทดสอบ CPU, 2D & 3D graphics, SD card และ Database อยู่ที่ 12937 คะแนน และ Quadrant วัดความเร็วในการทำงานของ CPU และกราฟฟิค อยู่ที่ 7239 คะแนน และ ส่วนมัลติทัช รองรับที่ 3 จุดครับ
รีวิว OPPO R1 : แอพพลิเคชั่นแนะนำจาก ออปโป้
ตัวจัดการไฟล์ เป็นการจัดระเบียบให้กับตัวเครื่อง เนื่องจาก OPPO R1 มีหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16 GB และไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD card ได้ ฉะนั้น ผู้ใช้จำเป็นต้องบริหารพื้นที่ เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน
แบ็คอัพ แอพพลิเคชั่นสำหรับแบ็คอัพข้อมูลทั้งหมดบนสมาร์ทโฟน
ตรวจสอบเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ใช้ว่าอัพเดทแล้วหรือไม่ ได้ที่ อัพเดทระบบ
O-Cloud เป็นแอพพลิเคชั่นสำรองข้อมูล (backup) บนกลุ่มเมฆ (cloud) โดยสามารถสำรองข้อมูลได้ทั้ง รายชื่อผู้ติดต่อ และ SMS ซึ่งถือว่า มีความปลอดภัยสูง
แอพพลิเคชั่น จัดการแบตเตอรี่ จะเป็นการบอกสถานะของแบตเตอรี่ว่า เหลือกี่เปอร์เซ็นต์ สามารถใช้งานได้นานกี่ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีโหมด ประหยัดแบตเตอรี่ และโหมดแจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่ตำกว่า 40%
แอพพลิเคชั่น ข้อมูลการใช้งาน เป็นการกำหนด data การใช้งานอินเทอร์เน็ตในแต่ละเดือน ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดได้ว่า สามารถใช้งานได้ทั้งหมด กี่ MB / GB ต่อเดือน พร้อมกับการแจ้งเตือน เมื่อมีการใช้งานเฉลี่ยต่อวันมากเกินไป นอกจากนี้ ยังสามารถดูข้อมูลการใช้งาน Wi-Fi ได้อีกด้วย
ปกป้องแอพพลิเคชั่น เป็นการเข้ารหัสเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอก เข้าใช้แอพพลิเคชั่นดังกล่าว เช่น Facebook, LINE หรือ Twitter ซึ่งการปลดล็อค มีทั้งแบบใส่รหัสผ่าน และการใช้รูปแบบเพื่อปลดล็อค
Guest mode สามารถตั้งค่าได้ว่า ถ้าหากใช้งานแบบ Guest mode จะสามารถเข้าถึง แอพพลิเคชั่นใดได้บ้าง
โหมดวันหยุด เมื่อเปิดใช้งาน ผู้ติดต่อที่ไม่ได้ถูกตั้งค่าให้ยกเว้นโหมดดังกล่าว ทั้งสายเรียกเข้า และการแจ้งเตือนต่างๆ จะไม่ส่งเสียง และถ้าหากผู้ติดต่อทั่วไป โทรเข้ามา 3 ครั้ง ภายใน 3 นาที ครั้งที่ 3 จะมีเสียงเรียกเข้าแจ้งให้ทราบ
รีวิว OPPO R1 : ทดสอบการใช้งานกล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
สำหรับจุดเด่นของ OPPO R1 นั้น นอกจากจะมาพร้อมกับ กล้องดิจิตอลด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED แล้ว กล้องด้านหน้า ยังมีความละเอียดสูงถึง 5 ล้านพิกเซล เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพตนเองด้วยกล้องด้านหน้า หรือภาพแบบ Selfie นั่นเอง
จุดเด่นของกล้องบนมือถือ OPPO แต่ละรุ่นนั้น ก็คือ โหมด Beauty หรือใบหน้าสวยนั่นเอง นอกจากนี้ ยังรองรับการถ่ายภาพแบบ Panorama และ HDR อีกด้วย ส่วนถ้าหากต้องการถ่ายภาพแบบไม่ปรับแต่ง ให้เลือกเป็นโหมดถ่ายภาพปกติ
โหมดไฟแฟลช จะมีให้เลือก 4 แบบด้วยกัน ได้แก่ ปิดแฟลช, เปิดแฟลช, เติมแสง และอัตโนมัติ
นอกจากนี้ ยังสามารถปรับแต่งการใช้งานในส่วนอื่นๆ ได้อีกมากมาย เช่น ความละเอียดของภาพถ่าย, ตั้งเวลาถ่ายภาพ, White balance, Tap Shutter, เพิ่มตำแหน่งภาพถ่าย, โหมดวีดีโอ และปรับเสียงชัตเตอร์ได้อีกด้วย
ส่วนการถ่ายคลิปวีดีโอ เพียงแค่แตะที่ปุ่มกลมสีแดงมุมล่างหน้าจอครับ
มาชมตัวอย่างภาพถ่าย บนกล้องดิจิตอลด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล บน OPPO R1 กันครับ (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดเต็ม แบบไม่ผ่านการตกแต่งใดๆ)
รีวิว OPPO R1 : บทสรุปการใช้งาน
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับบทความ รีวิว OPPO R1 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากออปโป้ ที่ตอบโจทย์ สมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ ขนาด 5.0 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 720p ซึ่งนอกจากจะรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแล้ว ในส่วนของกล้องถ่ายรูป ยังมาพร้อมกับ กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และรูรับแสงขนาดกว้างสูงสุด F/2.0 ที่สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ บอดี้ตัวเครื่องที่แข็งแรง ในสไตล์ Unibody พร้อมกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน ทั้งด้านหน้า และ ด้านหลัง
โดย ราคาของ OPPO R1 อยู่ที่ 13,990 บาท ซึ่งหลายๆ ท่านอาจจะมองว่า เป็นราคาที่สูงเกินไป แต่เมื่อเทียบราคา กับคุณสมบัติด้านการใช้งานแล้ว ถือว่า สมน้ำสมเนื้อครับ
จุดเด่นของ OPPO R1
• ตัวเครื่องมีการออกแบบที่เรียบหรู ขึ้นรูปด้วยวัสดุประเภทอะลูมิเนียมอัลลอยด์ แบบ Unibody ชิ้นเดียวแบบไร้รอยต่อ ตัดขอบสีทองที่ด้านข้างของตัวเครื่อง
• จอแสดงผลกว้าง 5.0 นิ้ว แบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล (294 ppi)
• หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor (MediaTek MT6582 chipset) ความเร็ว 1.3 GHz
• หน่วยประมวลผลภาพ Mali-400 GPU
• หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB
• หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16 GB
• รันระบบปฏิบัติการ Color OS ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.2.1 (Jelly Bean)
• กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
• กล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
• แบตเตอรี่ขนาด 2410 mAh รองรับการทำงานได้ตลอดวัน
• รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดภายในเครื่องเดียว
• ระบบ GPS ในตัว พร้อมฟังก์ชัน A-GPS
• สามารถสัมผัสหน้าจอได้ แม้กระทั่งสวมถุงมือ
• มีวิทยุ FM ในตัว
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
• ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกด้วย microSD card ได้
• ไม่สามารถถอดแกะฝาหลัง เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่สำรองได้
• ไม่รองรับการใช้งานกับเครือข่าย 4G LTE
• ไม่รองรับการใช้งานแบบ NFC
ข้อควรทราบ: “เครื่อง OPPO R1 ที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทาง ออปโป้ เท่านั้น ยังไม่ใช่เครื่องที่วางจำหน่ายจริงแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นตัวเครื่อง หรือฟังก์ชันการทำงานบางอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ 100% เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายจริง”
---------------------------------------
บทความรีวิวโดย: techmoblog.com
Update : 26/03/2015
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |