หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

Samsung Galaxy Watch4 Series ดูแลมากกว่าสุขภาพ เพื่อนซี้คู่กายที่คอยเคียงข้างคุณตลอดทั้งวัน

ท่ามกลางการใช้ชีวิตที่ต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ความเครียด สารพัดปัญหาที่ต้องเผชิญ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้โดยไม่รู้ตัว และถึงแม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมากระแสการดูแลสุขภาพจะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่แน่นอนว่าการดูแลสุขภาพด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งคงไม่เพียงพอ เพราะจริงๆ แล้วร่างกายของเราทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ตื่นนอนทานอาหาร ทำงาน อ่านหนังสือ ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้าน พักผ่อนหย่อนใจ หรือแม้กระทั่งตอนนอนหลับร่างกายก็ยังทำงานตลอดเวลา

 

ดังนั้น การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมหรือ Holistic Wellness จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการดูแลสุขภาพไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย แต่เป็นการรักษาสมดุลของสุขภาพโดยรวมตั้งแต่ร่างกายไปจนถึงจิตใจ และการมีสมาร์ทวอทช์ทรงประสิทธิภาพที่ช่วยให้เราติดตามความเป็นไปของร่างกายได้ตลอดเวลา ก็จะยิ่งช่วยให้เราสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้เสมอ พร้อมดูแลร่างกายได้อย่างทันท่วงที ไม่มีคำว่าสายเกินไป

 


วางแผนดูแลสุขภาพตั้งแต่ตื่นนอน ให้สุขภาพดีเริ่มได้ทุกวันด้วยการวัด Body Composition[1] ครั้งแรกในสมาร์ทวอทช์

ตื่นรับวันใหม่อย่างสดใส เริ่มทำความรู้จักร่างกายตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถวางแผนชีวิตได้ว่าวันนี้ควรดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีขึ้นอย่างไร ต้องออกกำลังกายแบบไหน ดื่มน้ำมากขึ้นเท่าไหร่ ด้วยการวัดข้อมูลร่างกาย (Body Composition) ง่ายๆ ได้ทันทีกับ Galaxy Watch4 Series เพียงสวมไว้ที่ข้อมือด้านซ้ายแล้วใช้นิ้วกลางและนิ้วนางแตะที่สมาร์ทวอทช์พร้อมกันก็รู้ครบทั้งเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย มวลกล้ามเนื้อ มวลไขมัน ปริมาณน้ำในร่างกาย BMI อัตราการเผาผลาญ ในเวลาแค่ 15 วินาที!

 

ค่าต่างๆ เหล่านี้มีความสัมพันธ์กับสมรรถภาพร่างกาย ถ้าค่าโดยรวมของเราอยู่ในเกณฑ์ปกติก็แปลว่าร่างกายค่อนข้างแข็งแรง ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าวัดค่าออกมาสูงหรือต่ำกว่าเกณฑ์ เช่น ค่ามวลไขมันสูงเกิน 30% ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจได้ ทำให้เราสามารถเตรียมตัวดูแลร่างกายไม่ให้สายเกินแก้ ด้วยการออกกำลังกายแบบ Cardio เพื่อเผาผลาญไขมัน หลีกเลี่ยงอาหารมันๆ หรือของทอด เป็นต้น

 

นอกจากนี้ Galaxy Watch4 Series ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Samsung Health เพื่อบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่ทานในแต่ละวันได้อย่างง่ายดายบนสมาร์ทโฟน พร้อมคอยติดตามและประเมินปริมาณแคลอรี่ รวมถึงสารอาหารที่ร่างกายต้องการให้สมดุลตามหลักโภชนาการ พร้อมฟีเจอร์แจ้งเตือนให้ดื่มน้ำเพื่อให้มั่นใจได้ว่าร่างกายจะได้รับน้ำเปล่าในปริมาณที่เพียงพอตลอดวันแม้ว่าวันนั้นจะยุ่งสุดๆ ก็ตาม

 

 

หัวใจที่แข็งแรง = สัญญาณของสุขภาพดี

ไม่ว่าระหว่างวันกำลังทำอะไร นอน นั่ง เดิน วิ่ง ทำกิจกรรมท้าทาย เจอเรื่องตื่นเต้นไม่คาดคิด ก็อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วหรือผิดจังหวะได้โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว ซึ่งจะทำให้การสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหลอดเลือดสมองอุดตันเพิ่มมากขึ้น แต่ Galaxy Watch4 Series สามารถมอนิเตอร์สุขภาพหัวใจได้ด้วยนวัตกรรมเซ็นเซอร์ BioActive ที่ตรวจจับข้อมูลได้ถึง 2,400 จุด ประมวลผลได้แบบ 3-in-1 ไม่ว่าจะเป็นการวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคอล (Optical Heart Rate) การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ[2] และระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2)[3] พร้อมบันทึกข้อมูลต่างๆ ช่วยให้รับรู้ความผิดปกติได้ทันที พร้อมเข้าสู่กระบวนการรักษาทันท่วงทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

 

นอกจากนี้ Galaxy Watch4 Series ยังสามารถวัดความดันโลหิต[4] จุดเริ่มต้นของโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดต่างๆ ที่หลายคนอาจไม่รู้ตัว เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และถ้าปล่อยไว้นานเข้าก็อาจส่งผลเสียรุนแรงต่อร่างกายอย่างโรคหัวใจขั้นรุนแรง อัมพฤต อัมพาตได้
 

 

ย่อสมาร์ทโฟนส่วนตัวมาไว้บนข้อมือ เชื่อมต่อตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะกิจกรรมไหน

ถึงแม้ว่าสมาร์ทโฟนจะเป็นอุปกรณ์หลักที่ทุกคนพกพาไว้ใกล้ตัว แต่เชื่อว่าบางเวลาบางกิจกรรมก็อาจจะไม่สะดวกยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาใช้งาน เช่น ขณะขับรถ ออกกำลังกาย ทำสวน แต่ไม่ว่าจะกิจกรรมไหนๆ ก็ยังมีเพื่อนซี้บนข้อมือที่ช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องหยุดหาสมาร์ทโฟน เพราะ Galaxy Watch4 Series มาพร้อมกับ Wear OS ที่ช่วยให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใน Ecosystem ได้อย่างไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะเป็นการควบคุม Active Noise Canceling เปลี่ยนเพลงที่กำลังเล่นผ่าน Galaxy Buds2 หรือแม้แต่จะเปิดใช้งานแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนผ่านสมาร์ทวอทช์ก็ทำได้ตามต้องการ

 

Galaxy Watch4 Series ยังช่วยให้คุณใช้งานได้สะดวกมากขึ้นด้วยฟีเจอร์การควบคุมด้วยท่าทาง (Gesture Control) โดยยกปลายแขนขึ้นลงสองครั้งเพื่อรับสายเรียกเข้า หรือหมุนข้อมือสองครั้งเพื่อปฏิเสธสาย หรือปิดการแจ้งเตือน (notification) และนาฬิกาปลุก (alarm) ได้ง่ายและสะดวกสบาย ไม่ต้องควานหาสมาร์ทโฟนตอนงัวเงียหลังตื่นนอน ซึ่งเพื่อนซี้บนข้อมือเครื่องนี้ยังรู้ใจผู้ใช้งานด้วยการตั้งค่าต่างๆ ให้เหมือนบนสมาร์ทโฟนโดยอัตโนมัติ ด้วย One UI Watch เช่น การตั้งช่วงเวลาที่ห้ามรบกวน หรือเบอร์ที่ไม่ต้องการรับสาย ที่คงการตั้งค่าการใช้งานนั้นไว้เช่นเดิม ราวกับย่อสมาร์ทโฟนส่วนตัวมาไว้บนข้อมือ

 

 

ถึงเวลายืดเส้นยืดสายออกกำลังกายระหว่างวัน เพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย

นั่งๆ นอนๆ ทั้งวันคงไม่ดีแน่ ยิ่งอยู่แต่บ้านก็ต้องยิ่งเตือนตัวเองให้ยืดเส้นยืดสาย แบ่งเวลามาออกกำลังกายสักหน่อย ซึ่ง Galaxy Watch4 Series รองรับโปรแกรมการออกกำลังกายหลากหลายถึง 95 แบบ ตามความต้องการ พร้อมวัดประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้อย่างครบครัน หรือจะเพิ่มความท้าทายด้วยการออกกำลังกายกับเพื่อนๆ ผ่าน Group Challenge ก็ทำได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังไม่ต้องคอยตั้งค่าการออกกำลังกาย เพราะ Galaxy Watch4 Series สามารถตรวจจับการออกกำลังกายได้โดยอัตโนมัติ เช่น ถ้าเดินต่อเนื่องประมาณ 10 นาที เซ็นเซอร์จะตรวจจับและเข้าสู่การโหมดวัดประสิทธิภาพการเดินทันที หรือแม้แต่การวิ่งหรือว่ายน้ำก็สามารถตรวจจับได้โดยอัตโนมัติเช่นเดียวกัน

 

 

ดูแลไม่หยุดจนหัวถึงหมอน เพราะการนอนเป็นเรื่องสำคัญ ด้วยฟีเจอร์ Advanced Sleep & Snoring Detection[5]

หลังจากใช้เวลาทั้งวันไปกับกิจกรรมต่างๆ ในยามที่หลับตาลง Galaxy Watch4 Series ก็ยังเป็นเพื่อนคนสุดท้ายที่คอยเฝ้าคุณระหว่างหลับใหล ไม่ได้หยุดการทำงานแต่อย่างใด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณจะสามารถรับรู้ประสิทธิภาพการนอนของตนเองได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการมอนิเตอร์ภาวะการนอนหลับและการนอนกรน ที่นอกจากจะมีผลกระทบ
ต่อคนรอบข้างแล้ว ยังอาจทำให้ตื่นมาไม่สดชื่น รู้สึกนอนไม่เต็มอิ่ม ส่งผลให้เรียนหรือทำงานได้ไม่เต็มที่ และอาจส่งผลไปสู่โรคอื่นๆ ได้อีกมากมาย ไปจนถึงการมอนิเตอร์ภาวะการหยุดหายใจระหว่างหลับ ผ่านการใช้งานร่วมกับ สมาร์ทโฟนที่รองรับการตรวจจับเสียงกรน[6] นอกจากนี้ ยังสามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2)[7] รวมถึงประเมินคะแนนคุณภาพการนอนหลับ (Sleep Scores) เพื่อให้สามารถปรับพฤติกรรมการนอนของตนเองและพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่ม พร้อมก้าวเข้าสู่วันใหม่อย่างสุขภาพดีได้ทุกวัน

 

 

Galaxy WatchSeries มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ 2 ดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Watch4 ดีไซน์โมเดิร์นแต่เรียบง่าย พร้อมตัวเลือกขนาดหน้าปัด 40 มม. (BLT) ในสี Black และ Pink Gold วางจำหน่ายในราคา 7,990 บาท (BLT) และหน้าปัดขนาด 44 มม. มาในสี Black และ Green ราคา 8,990 บาท (BLT) และ 10,900 บาท (LTE) และดีไซน์สุดคลาสสิกเหนือกาลเวลาอย่าง Galaxy Watch4 Classic ซึ่งวางจำหน่ายในรุ่นหน้าปัดขนาด 46 มม. กับตัวเลือกสี Black และ Silver ในราคา 11,900 บาท (BLT) และ 13,900 บาท (LTE) ในตัวเลือกสี Black

 

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสเครื่องจริงได้ที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3m31FVK

 

[1] สำหรับการดูแลสุขภาพในระดับทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการตรวจหา วินิจฉัย หรือทำการรักษาอาการหรือโรคแต่อย่างใด ใช้สำหรับการอ้างอิงส่วนบุคคลเท่านั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสำหรับคำแนะนำ ห้ามทำการตรวจวัดข้อมูลร่างกายในผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจหรือผู้ที่มีเครื่องมือแพทย์อื่นๆ ในร่างกาย ห้ามทำการตรวจวัดหากกำลังตั้งครรภ์ ค่าวัดอาจมีความคลาดเคลื่อนในผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ฟีเจอร์ดังกล่าวอาจรองรับแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ  

[2] การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอยู่ระหว่างการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

[3] ฟีเจอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรคหรืออาการอื่นๆ หรือใช้เพื่อการรักษา บรรเทา บำบัด หรือป้องกันโรค ความพร้อมในการให้บริการฟีเจอร์ดังกล่าวอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

[4] การวัดความดันโลหิตอยู่ระหว่างการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

[5] ฟีเจอร์วัดคุณภาพการนอนหลับและตรวจจับเสียงกรน ใช้เพื่อบันทึกสถิติทางสุขภาพเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์ไว้เพื่อตรวจพบ วินิจฉัย รักษาอาการหรือโรคทางการแพทย์ใด ๆ และไม่สามารถใช้เพื่ออ้างอิงทางการแพทย์ได้, จำเป็นต้องลงชื่อเข้าใช้และจับคู่กับสมาร์ทโฟนที่ใช้งานร่วมกันได้ของคุณ เพื่อใช้งานแอป Samsung Health กับ Galaxy Watch

[6] หากต้องการบันทึกเสียงกรน สวมสมาร์ทวอทช์ขณะเข้านอนพร้อมวางสมาร์ทโฟนไว้ในบริเวณใกล้เคียง เช่น โต๊ะข้างเตียง โดยหันด้านล่างของตัวเครื่องเข้าหาตัว
[7] ฟีเจอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรคหรืออาการอื่นๆ หรือใช้เพื่อการรักษา บรรเทา บำบัด หรือป้องกันโรค ความพร้อมในการให้บริการฟีเจอร์ดังกล่าวอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

 

Update : 11/10/2021





Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy