ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน iPhone และ iPad จะเป็นอุปกรณ์ที่เกิดมาคู่กัน แต่ยังจำกันได้หรือไม่ว่า ก่อนที่ iPhone จะได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เคยมีอุปกรณ์เล่นเพลงแบบพกพาชิ้นหนึ่งที่ถือว่า เป็นรุ่นบุกเบิกและปฏิวัติวงการฟังเพลงเลยก็ว่าได้ อุปกรณ์ที่ว่านั่นก็คือ iPod นั่นเอง
โดย iPod รุ่นแรก เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2001 ถ้านับถึงปัจจุบันก็ถือว่า ผ่านมาแล้วถึง 15 ปีด้วยกัน ซึ่งมีทั้งหมด 5 โมเดลด้วยกัน ได้แก่ Classic, Mini, nano, Shuffle และ Touch โดยในวันนี้ เราจะมา ย้อนรอย iPod ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบันกัน มาดูกันดีกว่าว่า 15 ปีที่ผ่านมา iPod มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
iPod Classic
สำหรับ iPod Classic นั้น เปิดตัวทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน และถือว่า เป็นซีรี่ส์แรกของผลิตภัณฑ์ในตระกูล iPod และเป็นต้นแบบดีไซน์ของ iPod รุ่นถัดไปอีกด้วย
สำหรับดีไซน์ของ iPod รุ่นแรกนั้น ถือว่า เป็นรุ่นแบบของ iPod รุ่นถัด ๆ ไป ด้วยปุ่มควบคุมการทำงานแบบวงกลม (Scroll Wheel) มาพร้อมกับขนาดความจุ 5 GB ราคา $399 ก่อนจะเปิดตัวรุ่น 10 GB ในภายหลัง ซึ่งรุ่นนี้มีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ FireWire และรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Mac เท่านั้น
สำหรับรุ่นนี้ถือว่า เป็นรุ่นอัปเกรดจากรุ่นแรก เปิดตัววันที่ 17 กรกฏาคม 2002 ด้วยการเปลี่ยนปุ่มแบบ Scroll Wheel มาเป็น Touch-Sensitive Wheel หรือระบบสัมผัสแทน พอร์ตการเชื่อมต่อยังคงเป็น FireWire มีขนาด 10 GB และ 20 GB ให้เลือก และเพิ่มการรองรับกับ Windows แล้ว
เปิดตัวเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2003 ด้วยดีไซน์แบบใหม่ บางกว่ารุ่นก่อนหน้า ตัว Wheel เป็นระบบสัมผัส และย้ายตำแหน่งปุ่มควบคุมจาก Wheel มาไว้ที่ด้านล่างหน้าจอแทน อีกทั้ง ยังเป็นรุ่นแรกที่ใช้พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ 30-pin ที่ถือว่า เป็นต้นแบบของอุปกรณ์ Apple ชิ้นอื่น ๆ เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ยังมี dock สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และถ่ายโอนข้อมูลอีกด้วย
ถัดจากการเปิดตัว iPod Mini Gen 1 ไม่นาน ซีรี่ส์ Classic ก็มีการเปิดตัวรุ่นสานต่อรุ่นที่ 4 เมื่อวันที่ 19 กรกฏาคม 2004 ที่นำการควบคุมแบบ Click Wheel จาก iPod Mini มาใช้กับรุ่น Classic พร้อมปรับดีไซน์ให้มีขนาดเล็กกว่า iPod Classic Gen 3 เล็กน้อย มีให้เลือก 2 ขนาดความจุ ได้แก่ 20 GB และ 40 GB
และหลังจากนั้น ได้เปิดตัวรุ่นอัปเกรดในวันที่ 26 ตุลาคม 2004 มีขนาดความจุ 30 GB, 40 GB และ 60 GB ให้เลือก ซึ่งเป็นรุ่นหน้าจอสี สามารถดูรูปภาพได้ ก่อนจะเปิดตัวรุ่นอัปเกรด ขนาด 20 GB ราคาถูกลงแทน
สำหรับ Gen 5 นั้น เป็นรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ใหม่แบบครั้งใหญ่ ด้วยบอดี้ที่บางลง หน้าจอใหญ่ขึ้นเนื่องจากเน้นการใช้งานด้านวีดีโอเป็นหลัก มีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีขาว และ สีดำ มีขนาดความจุ 30 GB และ 80 GB ในตอนแรก ก่อนจะเปิดตัวรุ่น 60 GB แทนที่ 80 GB ในภายหลัง (ปี 2006)
เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 กันยายน ปี 2007 พร้อมเปลี่ยนบอดี้แบบพลาสติก เป็น Anodized Aluminium พร้อมเปิดตัวสีเงินแทนสีขาว และอินเทอร์เฟสแบบใหม่ ขนาดความจุสูงสุดอยู่ที่ 160 GB ก่อนจะเลิกจำหน่ายซีรีส์นี้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2014 และถือว่า เป็นรุ่นสุดท้ายของ iPod Classic
iPod mini
สำหรับ iPod mini มีทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2004 และรุ่นสุดท้ายในปีถัดไป ก่อนจะแทนที่ด้วย iPod nano
สำหรับ iPod Mini นั้น เป็นรุ่นย่อส่วนของ iPod Classic มีขนาดที่เล็กกว่า เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2004 และเป็นรุ่นแรกกับเมนูการควบคุมแบบ Click Wheel ที่รวมปุ่มกดและปุ่มหมุนเข้าด้วยกัน ขนาดความจุ 4 GB มีให้เลือก 5 สี
เปิดตัวเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2005 ด้วยสีสันที่สดใสกว่า และแบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานกว่า โดย iPod Mini เปิดตัวแค่ 2 รุ่นเท่านั้น ก่อนจะถูกแทนที่ด้วย iPod nano ที่เปิดตัวช่วงปลายปี 2005
iPod nano
iPod nano นั้น ถือว่า เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยดีไซน์เพรียวบางและพกพาสะดวก มีทั้งหมด 7 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
iPod nano เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2005 ซึ่งเป็นรุ่นที่มาแทน iPod Mini ด้วยรูปทรงแบบยาว หน้าจอสี ใช้หน่วยความจำแบบ Flash Memory มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว และสีดำ ขนาด 1 GB, 2 GB และ 4 GB
เปิดตัวเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2006 ด้วยบอดี้แบบ Anodized Aluminium มี 6 สีให้เลือก ขนาดความจุ 2 GB, 4 GB และ 8 GB
เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2007 ด้วยการเพิ่มขนาดหน้าจอเป็น 2 นิ้ว ความละเอียดระดับ QVGA เปลี่ยนดีไซน์ให้มีขนาดเล็กลง, ปุ่มการควบคุมแบบ Click Wheel, อินเทอร์เฟสแบบใหม่ และรองรับการใช้งานด้านวีดีโอ มีให้เลือก 2 ขนาดความจุ ได้แก่ 4 GB และ 8 GB
เปิดตัว 9 กันยายน 2008 นำดีไซน์รูปทรงยาวกลับคืนมา บอดี้เป็นแบบ Anodized Aluminium ทั้งหมด มี 3 ขนาดความจุให้เลือก ได้แก่ 4 GB, 8 GB และ 16 GB
เปิดตัว 9 กันยายน 2009 ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น, เพิ่มกล้องถ่ายรูป สามารถถ่ายภาพและบันทึกวีดีโอได้, มีวิทยุ FM ในตัว และมีสีสันให้เลือกเหมือนรุ่น Gen 4
สำหรับรุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมกับหน้าจอแบบสัมผัส เปิดตัว 1 กันยายน 2010 ดีไซน์สี่เหลี่ยมจัตุรัส และตัดปุ่มควบคุมการทำงานแบบเดิม ออก นอกจากนี้ ยังตัดกล้องถ่ายรูป และลำโพงเสียงออกไปด้วย
รุ่นสุดท้ายของ iPod nano เปิดตัวเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2012 กับดีไซน์รูปทรงยาว หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 2.5 นิ้ว และนำคุณสมบัติด้านวีดีโอกลับมา และเพิ่มการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth
iPod Shuffle
สำหรับ iPod Shuffle นั้น มีดีไซน์ไม่เหมือนกับ iPod ซีรี่ส์อื่น เนื่องจากไม่มีหน้าจอ แต่มีขนาดที่กะทัดรัด พกพาได้สะดวก เปิดตัวทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
สำหรับ iPod Shuffle รุ่นแรก เปิดตัวเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2005 ด้วยดีไซน์เล็ก กะทัดรัด คล้าย Flash Drive ไม่มีหน้าจอเหมือน iPod Classic และไม่มีปุ่มควบคุมการเล่นเพลง ซึ่งจะสามารถเล่นเพลงได้ตามลำดับจากการตั้งค่าในคอมพิวเตอร์ และเล่นแบบสุ่มเท่านั้น จึงเป็นที่มาของคำว่า Shuffle (สุ่ม) นั่นเอง โดยรองรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต USB
เปิดตัว 12 กันยายน 2006 เปลี่ยนดีไซน์จาก Flash Drive มาเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้วยบอดี้แบบ Anodized Aluminium ขนาดความจุ 1 GB และ 2 GB
3 ปีให้หลัง แอปเปิล ได้เปิดตัว iPod Shuffle Gen 3 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2009 ด้วยดีไซน์ขนาดเล็ก พร้อมคลิปหนีบ และเพิ่มปุ่มควบคุมที่สายหูฟัง พร้อมฟีเจอร์ Voice Over มีให้เลือก 2 สี
รุ่นสุดท้ายของ iPod Shuffle เปิดตัว 1 กันยายน 2010 ด้วยดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพิ่มปุ่มควบคุม รองรับฟีเจอร์ Voice Over มีให้เลือก 5 สี ขนาด 2 GB
iPod Touch
หลังจากการเปิดตัว iPhone รุ่นแรกเพียงไม่นาน ก็ได้เผยโฉม iPod Touch ที่มีดีไซน์คล้าย iPhone ซึ่งปัจจุบัน มีทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
สำหรับรุ่นนี้ ถือว่า เป็น iPod รุ่นแรกที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และอินเทอร์เฟสแบบมัลติทัช, มีเบราว์เซอร์ Safari , iTunes Store และ YouTube รองรับระบบปฏิบัติการ iOS และสามารถเข้าใช้งาน App Store ได้ เปิดตัว 5 กันยายน 2007
ถัดมาอีกปี กับ iPod Touch Gen 2 เปิดตัว 9 กันยายน 2008 ที่มาพร้อมกับฟังก์ชัน Nike+ และเพิ่มปุ่มปรับระดับเสียงกับลำโพงเสียงเข้ามา เปิดตัวด้วยระบบปฏิบัติการ iOS 2.0 สามารถเข้าใช้งาน App Store ได้ ก่อนจะอัปเกรดเป็น iOS 3.0 ที่เพิ่มคุณสมบัติด้านการเชื่อมต่อ Bluetooth เข้ามา
เปิดตัว 9 กันยายน 2009 ด้วยการอัปเกรดคุณสมบัติบางอย่างจาก iPhone 3GS, รองรับ Voice Control (สั่งการด้วยเสียง) มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 32 GB และ 64 GB
เปิดตัว 1 กันยายน 2010 ด้วยการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้บางลง และสเปกคล้าย iPhone 4 ด้วยชิปเซ็ต Apple A4 และหน้าจอแบบ Retina Display, เพิ่มกล้องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งรุ่นนี้ คล้าย iPhone 4 อย่างมาก เพียงแค่โทรออกไม่ได้เท่านั้น
เปิดตัว 12 กันยายน 2012 ภายหลังการเปิดตัว iPhone 5 ไม่นาน ทำให้ iPod Touch Gen 6 มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้คล้าย iPhone 5 นั่นก็คือ หน้าจอขนาด 4 นิ้ว แบบ Retina Display, ชิปเซ็ต Apple A5, รองรับ Siri โดยรุ่นนี้มีการปรับปรุง 2 รอบด้วยกัน รอบแรกไม่มีกล้อง iSight ก่อนเปิดตัวรุ่นอัปเกรดในปี 2014 ด้วยการเพิ่มกล้อง iSight เข้ามา
เปิดตัว 15 กรกฎาคม 2015 กับการอัปเกรดสเปกใหม่ ทั้งกล้องถ่ายรูป, ชิปเซ็ต Apple A8 + M8, มี 5 สีสันให้เลือก และเพิ่มขนาดความจุ 128 GB
ที่ผ่านมา เคยมีข่าวลือว่า แอปเปิล จะเลิกผลิต iPod เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับ iPhone อีกทั้งในปัจจุบัน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ใช้ iPhone ฟังเพลงเสียมากกว่า ทำให้ผลิตภัณฑ์ตระกูล iPod ไม่ค่อยได้รับความนิยมเหมือนเมื่อก่อนมากนัก ส่วนในปีนี้ แอปเปิล จะเปิดตัวรุ่นอัปเกรดของ iPod Touch หรือไม่ และอนาคตของ iPod จะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องติดตามกันต่อไปครับ
---------------------------------------
ที่มา : mashable.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 25/10/2016
iPod iPod Touch iPod nano iPod Shuffle iPod Classic iPad nano
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |