ตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป Apple อาจจะเริ่มนำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่ App Store ซึ่งอาจจะทำให้การจ่ายเงินซื้อแอพลิเคชั่นสุดโปรดของคุณเปลี่ยนไป
ในการสัมภาษณ์ก่อนงาน WWDC คุณ Phil Schiller รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาดของ Apple ได้เปิดเผยเกี่ยวกับการปรับปรุงระบบใน App Store ที่จะเปิดเผยให้ทุกคนได้ทราบกันอย่างเป็นทางการในงาน WWDC เดือนมิถุนายนนี้ที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเน้นไปในเรื่องของการหารายได้เพิ่มขึ้นจาก App stroe การปรับปรุงที่สำคัญ เช่น การเปิดให้มีโฆษณาในผลการค้นหาแอป (คล้ายกับโฆษณา Adword ของ Google) สัดส่วนการแบ่งรายได้กับนักพัฒนาแบบใหม่ และ incentive หลายๆ อย่างสำหรับนักพัฒนาเพื่อจูงใจให้เปลี่ยนมาใช้โมเดลเรียกเก็บเงินรายเดือนกันมากขึ้น
โดย Phil Schiller ได้เปิดเผยว่า Apple เตรียมที่จะเปิดให้ใช้โมเดลเก็บเงินรายเดือนกับแอพลิเคชั่นทุกประเภท ซึ่งแต่เดิมมีเพียง แอพลิเคชั่นข่าวสาร, บริการ cloud, นัดเดตหาคู่ และสตรีมมิ่งเท่านั้น ที่สามารถใช้โมเดลเก็บเงินรายเดือนได้
“ตอนนี้เรากำลังจะเปิดให้ใช้โมเดลนี้กับแอพลิเคชั่นทุกประเภท และนั่นรวมไปถึงเกมด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่มากทีเดียว” Schiller กล่าว
สำหรับแผนจูงใจนักพัฒนาเข้ามาผลักดันโมเดลเก็บเงินรายเดือนนั้น ส่วนหนึ่งคือแบ่งรายได้แบบใหม่ที่ให้นักพัฒนามากกว่าเดิม จากเดิมที่ Apple เก็บส่วนแบ่งรายได้อยู่ที่ 30/70 แต่ในระบบใหม่นี้เมื่อนักพัฒนาสามารถรักษาลูกค้าไว้ได้นานกว่า12 เดือน Apple ก็จะลดส่วนแบ่งของตนลงเหลือเพียง 15% เท่านั้น
รายได้ที่เพิ่มเข้ามาจากการเก็บเงินรายเดือนแบบนี้จะเป็นผลดีกับ Apple และนักพัฒนาอิสระ ซึ่งพวกเขาก็ได้เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงนี้มาหลายปีแล้วโดยอ้างว่าโมเดลเดิมทำให้พวกเขาประคับประคองธุรกิจไปได้อย่างยากลำบาก
แต่แน่นอนว่าผู้ใช้ iPhone อย่างเราๆอาจจะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงนี้สักเท่าไหร่ เพราะถ้านักพัฒนาหันมาใช้โมเดลเก็บเงินรายเดือนกันมากขึ้นจริง จากที่เราที่จ่ายเงินซื้อแอพลิเคชั่นเพียงครั้งเดียว ต่อไปนี้คงต้องจ่ายเงินเป็นรายเดือนเพื่อรักษาแอพลิเคชั่นสุดโปรดไว้ ต่อให้มีค่าบริการเพียงแอพลิเคชั่นละ 1 เหรียญต่อเดือน เมื่อรวมกันหลายต่อหลายแอพลิเคชั่นแล้วก็จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่มากอยู่พอสมควร
อย่างไรก็ดีเพื่อรักษาความพึงพอใจของกลุ่มผู้ใช้เอาไว้ Schiller เปิดเผยว่า Apple ก็ได้เตรียมการป้องกันบางอย่างไว้แล้ว เช่น การกำหนดให้ผู้ใช้สามารถยกเลิกการจ่ายรายเดือนได้เมื่อต้องการ หรือกรณีมีการขึ้นค่าบริการ รวมถึงการปรับ interface ใหม่ที่เอื้อต่อการจัดการระบบค่าบริการรายเดือนของผู้ใช้มากขึ้น
“เรากำลังพยายามจะปกป้องลูกค้าจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน” Schiller กล่าว
โมเดลการเก็บค่าบริการแบบใหม่นี้ คาดว่าจะยังไม่ได้นำมาใช้จนกว่าจะถึงช่วงปลายปี 2016 นี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ Apple วางแผนจะปล่อยระบบโฆษณาในช่องค้นหาแอพลิเคชั่นใน App Store ซึ่งก่อนหน้านี้ Apple เองยังไม่ตัดสินใจที่จะนำระบบหารายได้จากการค้นหา App มาใช้กับ App stroe แต่ Schiller บอกว่าเวลานี้แหละเหมาะสมที่สุด
“เราได้คิดทบทวนเรื่องที่ว่าจะทำแบบนั้นอย่างไร โดยระมัดระวังไม่ให้กระทบความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่มาก่อนอะไรทั้งหมด” Schiller ยืนยันว่าระบบประมูลโฆษณาที่จะนำมาแสดงในส่วนผลการค้นหานั้นจะยุติธรรมต่อนักพัฒนาอิสระด้วยอย่างแน่นอน
สำหรับรายละเอียดแบบเต็มๆ ของการยกเครื่อง App Store ครั้งใหญ่นี้ จะถูกเปิดเผยในงาน WWDC ในวันอังคารที่จะถึงนี้ โดยในงาน Apple จะเปิดตัว iOS 10, OS X 10.12, watchOS 3.0 tvOS 10, Siri SDK และอื่นๆ อีกมากมายด้วยเช่นกัน
มองอีกมุมนึงการที่นักพัฒนาได้เงินมากขึ้นอาจจะส่งผลให้มีการปรับปรุงและพัฒนาแอพที่ดีขึ้น แต่ Apple เองก็คงต้องป้องกันและออกแบบกฏเกณฑ์ให้รัดกุม กรณีที่แอพบางแอพที่อาจจะหลอกให้ผู้ใช้ทำการ Subscription ในแอพที่ตนเองไม่ต้องการทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นผู้สูงอายุหรือเด็กๆ
แล้วชาว iOS คิดอย่างไรกันบ้าง หากต้องจ่ายเงินค่าแพลิเคชั่นเป็นรายเดือนจริงๆ คิดว่าเป็นผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน ? อย่าลืม comment ไว้ให้เรารู้ด้วยนะครับ :)
---------------------------------------
ที่มา : Cult of Mac
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 09/06/2016
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |