อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เผยโฉมในงานเปิดตัว iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา นั่นก็คือ Apple Watch Series 3 สมาร์ทวอชรุ่นสานต่อ ที่มีความโดดเด่นตรงที่ สามารถโทรออกและรับสายได้ในตัว โดยที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ iPhone อีกต่อไป นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core เร็วขึ้นกว่าเดิม และทำงานบนระบบปฏิบัติการ watchOS 4
แม้ Apple Watch Series 3 จะยังคงมาพร้อมกับดีไซน์แบบเดิม แต่ก็มีคุณสมบัติที่น่าสนใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
Apple Watch Series 3 รองรับเครือข่าย LTE สามารถโทรออกและรับสายได้โดยไม่ต้องพึ่งพา iPhone
ปกติแล้ว การใช้งาน Apple Watch ด้านโทรศัพท์ จำเป็นต้องมี iPhone วางคู่อยู่ใกล้กันจึงจะสามารถใช้งานได้ แต่สำหรับ Apple Watch Series 3 นั้น มาพร้อมกับระบบ LTE และ UMTS ซึ่งจะสลับไปใช้งานเครือข่าย LTE เมื่อวางอยู่ห่างจาก iPhone โดยจะใช้หมายเลขเดียวกับ iPhone ที่เชื่อมต่ออยู่ ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องเปิดเบอร์เพิ่ม
Apple Watch Series 3 ใช้จอภาพเป็นตัวรับสัญญาณ LTE
สำหรับเสาอากาศรับสัญญาณของ Apple Watch Series 3 นั้น ถูกรวมอยู่ในจอภาพ ซึ่งถือว่า เป็นการบุกเบิกดีไซน์เสาอากาศของอุตสาหกรรมที่ใช้จอภาพเป็นตัวรับสัญญาณ โดยมี eSIM ในตัวที่มีขนาดเล็กกว่าซิมการ์ดปกติถึง 1 ใน 100
Apple Watch Series 3 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple S3 แบบ Dual-Core เร็วขึ้นกว่าเดิม
สำหรับชิปเซ็ต S3 บน Apple Watch Series 3 นั้น เป็นหน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core Processor ทำให้สามารถเปิดแอปพลิเคชันได้เร็วขึ้น และมีกราฟิกที่ลื่นไหลขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ชิปเซ็ตดังกล่าวยังทำให้ Siri สามารถพูดด้วยลำโพงในตัวเป็นครั้งแรก
นอกเหนือจากชิป S3 แล้ว ยังมี W2 ซึ่งเป็นชิปไร้สายแบบใหม่ ทำให้ Wi-Fi เร็วขึ้นถึง 85% และทำให้ Bluetooth กับ Wi-Fi ประหยัดพลังงานขึ้นอีก 50% ส่วนแบตเตอรี่ยังคงรองรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
Apple Watch Series 3 สามารถสตรีมเพลงจาก Apple Music ได้แล้ว
ในเร็ว ๆ นี้ Apple Watch Series 3 รุ่น Cellular (LTE) จะสามารถสตรีมเพลงและเข้าถึงเพลงจาก Apple Music ได้โดยตรง นอกจากนี้ แอปฯ Radio สามารถฟัง Beats 1 แบบสด ๆ แม้จะไม่มี iPhone หรือการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ในเวลานั้น
คุณสมบัติอื่น ๆ บน Apple Watch Series 3
ราคา และวันวางจำหน่าย Apple Watch Series 3 ในไทย
Apple Watch Series 3 จะมีตัวเรือนให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 38 มม. และ 42 มม. ซึ่งแบ่งออกเป็นรุ่น GPS และ GPS+Cellular ราคาเริ่มต้นที่ 11,900 บาท สำหรับรุ่น GPS ตัวเรือนมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Space Gray, Silver และ Gold โดยเปิดพรีออเดอร์ในวันที่ 15 กันยายน และวางจำหน่ายในวันที่ 22 กันยายนนี้ ในประเทศออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เบลเยียม, แคนาดา, จีน, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ญี่ปุ่น, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปรตุเกส, เปอร์โตริโก, สิงคโปร์, สเปน, สวีเดน, สวิสเซอร์แลนด์, ไต้หวัน, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา (ยังไม่มีไทย)
ส่วน Apple Watch Series 3 (GPS+Cellular) จะเปิดพรีออเดอร์ในวันที่ 15 กันยายน และวางจำหน่ายในวันที่ 22 กันยายนนี้เช่นกัน ในประเทศออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ญี่ปุ่น, เปอร์โตริโก, สวิตเซอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีเครือข่ายที่รองรับการใช้งานร่วมกับรุ่น LTE โดยในไทยยังไม่มีการประกาศราคาของ Apple Watch Series 3 (GPS+Cellular) และยังไม่มีข้อมูลว่า จะรองรับเครือข่ายใดบ้าง
โดย Apple Watch Series 3 (GPS+Cellular) รองรับการใช้งานกับ iPhone 6 และรุ่นที่ใหม่กว่าที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 11 ขึ้นไป ส่วน Apple Watch Series 3 (GPS) รองรับการใช้งานกับ iPhone 5S และรุ่นที่ใหม่กว่าที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 11 ขึ้นไป
---------------------------------------
เรียบเรียงข้อมูลโดย : techmoblog.com
Update : 13/09/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |