สวัสดีทุกท่านครับ กลับมาพบกับรีวิวแก็ดเจ็ตรุ่นใหม่ๆ กับทีมงาน Techmoblog เช่นเคยนะครับ ซึ่งหากพูดถึงโน๊ตบุ๊กของแบรนด์ ASUS แล้ว หลายท่านอาจจะนึกถึงตระกูล ZenBook ที่มาพร้อมกับความสวยงามด้านงานออกแบบ พร้อมสเปกแบบจัดเต็มเป็นหลัก แต่โน๊ตบุ๊กตระกูล VivoBook ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมาพร้อมกับจุดเด่นด้านตัวเครื่องที่มีความบางเบา เหมาะแก่การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ พร้อมดีไซน์ตัวเครื่องที่เหมาะแก่ผู้ใช้งานวัยรุ่น และวัยทำงาน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับสเปกภายในที่พร้อมตอบโจทย์ทั้งการทำงาน และความบันเทิง ซึ่งในวันนี้ทางทีมงาน Techmoblog ก็มีโน๊ตบุ๊กน้องใหม่จากตระกูล VivoBook มารีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกันนั่นก็คือ ASUS VivoBook S14 S430UN โน๊ตบุ๊กตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดนั่นเองครับ
สำหรับ ASUS VivoBook S14 S430UN มาพร้อมกับความโดดเด่นด้านสเปกที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานแบบรอบด้าน ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ NanoEdge ขอบบางเฉียบขนาด 14 นิ้ว, ขุมพลังเจเนเรชันใหม่จาก Intel อย่าง Core i7-8550U ผสานหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB แบบ DDR4 พร้อมหน่วยความจำภายในแบบ Dual Storage ซึ่งประกอบไปด้วย SSD ขนาด 256GB + HDD ขนาด 1TB, ลำโพง Stereo ที่มาพร้อมระบบเสียง SonicMaster และนวัตกรรม ErgoLift ที่ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงจากพื้นผิว เพื่อระบายความร้อนให้ดีกว่าเดิม ซึ่ง ASUS VivoBook S14 S430UN เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยเอาไว้ที่ 29,990 บาท โดยเครื่องจริงจะมีความสวยงามมากน้อยขนาดไหน ประสิทธิภาพในการใช้งานจริงเป็นอย่างไรบ้าง ไปติดตามรับชมรีวิวจากทีมงาน Techmoblog กันได้เลยครับ
เริ่มต้นที่กล่องแพ็กเกจกันก่อน โดย ASUS VivoBook S14 S430UN มาพร้อมกับกล่องแพ็กเกจสีน้ำตาลคลาสสิก ด้านหน้ากล่องมีลายเส้นกราฟิกตัดกันเป็นรูปตัวอักษร V ซึ่งเป็นการสื่อถึงโน๊ตบุ๊กซีรีส์ VivoBook นั่นเอง
ด้านหลังของกล่อง ระบุคุณสมบัติเด่นของ ASUS VivoBook S14 S430UN เอาไว้แบบครบถ้วน ซึ่งโมเดลที่ทางทีมงาน Techmoblog ได้รับมารีวิวในวันนี้คือรุ่นท็อปที่มาพร้อมกับ Core i7-8550U ขุมพลังเจเนเรชันใหม่ล่าสุดจากค่าย Intel นั่นเองครับ
สำหรับอุปกรณ์ที่แถมมาให้ในกล่อง ประกอบด้วย อแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟ และคู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ข้ามมาที่ตัวเครื่องกันบ้าง โดย ASUS VivoBook S14 S430UN มาพร้อมกับบอดี้โลหะอลูมิเนียมขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน พร้อมลวดลายขัดเงาเสริมความเรียบ บริเวณตรงกลางของตัวเครื่องมีการประทับโลโก ASUS สีเงินให้เห็นแบบเด่นชัด โดยสีที่ทีมงานได้รับมารีวิวครั้งนี้คือสีเทา Star Grey
ตัวเครื่องมีความบางเฉียบเพียง 18 มิลลิเมตร และน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาราว 1.4 กิโลกรัม ทำให้พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสะดวก โดยงานออกแบบของ ASUS VivoBook S14 S430UN นั้นจะเลือกใช้สีขอบโทนสว่าง มาตัดกับสีตัวเครื่องที่เป็นโทนเข้ม ทำให้ตัวเครื่องมีสีสันบ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ใช้งาน ในขณะที่ยังคงความเรียบหรูเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทาง ASUS ระบุว่าเป็นดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน โดยสี Star Grey จะมาพร้อมกับขอบตัวเครื่องสีแดง ซึ่งตัดรับกับสีเทาของตัวเครื่องอย่างลงตัวครับ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต และพอร์ต microSD Card Reader ส่วนด้านขวาเป็นไฟสถานะแสดงการทำงานของตัวเครื่อง
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อสายชาร์จแบตเตอรี่, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB 3.1, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ HDMI, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 3.1, และช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม. แบบ Combo Audio Jack
ทางด้านบานพับของโน๊ตบุ๊กรุ่นนี้ก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมาพร้อมกับนวัตกรรมบานพับแบบใหม่ในชื่อ ErgoLift โดยเมื่อเปิดฝาหน้าพับจอขึ้นมา บานพับก็จะยกตัวเครื่องด้านล่างให้สูงขึ้นจากพื้นผิว พร้อมกับยกแป้นคึย์บอร์ดให้สูงขึ้นทำมุม 3.5 องศา และมีขาเล็กๆ สำหรับทำหน้าที่เป็นขาตั้งหน้าจอแสดงผล ซึ่งด้วยนวัตกรรม ErgoLift นี้เอง จะช่วยทำให้ช่วยถ่ายเทความร้อนจากตัวเครื่องได้ดีกว่าเดิม รวมทั้งการยกแป้นคีย์บอร์ดให้สูงขึ้น ยังช่วยทำให้วางมือเพื่อพิมพ์ได้อย่างสะดวกขี้นด้วย
ด้านการแสดงผล มาพร้อมกับหน้าจอ LED-Backlit ขนาด 14 นิ้ว แบบด้าน (Matte Display) ช่วยลดอาการแสงสะท้อนบนหน้าจอ บนดีไซน์แบบ NanoEdge Display ซึ่งเป็นการลดพื้นที่ขอบทั้ง 3 ด้านให้มีความบางเฉียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลสูงถึง 84.% นอกจากนี้ ยังมีมุมมองภาพกว้างถึง 178% ทำให้ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ASUS VivoBook S14 S430UN ก็ยังสามารถแสดงภาพได้อย่างคมชัด นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี ASUS Eye Care ที่ช่วยกรองแสงสีฟ้าได้มากถึง 30% ส่งผลให้มองหน้าจอได้อย่างสบายตานั่นเองครับ
ด้านบนของหน้าจอ ประกอบไปด้วย ไมโครโฟนคู่แบบ Array Microphone, กล้องเว็บแคมความละเอียดระดับ HD ที่ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานวิดีโอคอลลิ่ง และยังมาพร้อมกับไฟแสดงสถานะการทำงานของกล้องอีกด้วย
ด้านล่างของหน้าจอมาพร้อมกับลำโพงเสียงแบบสเตอริโอ พร้อมระบบเสียงอันทรงพลังของ ASUS อย่าง SonicMaster เพื่อช่วยถ่ายทอดเสียงแบบเซอร์ราวด์ และยังมาพร้อมกับ Smart Amplifer ในตัว สำหรับช่วยขับเสียงให้มีความกระหึ่มมากยิ่งขึ้น ส่วนแผงด้านล่างจะเป็นช่องสำหรับระบายความร้อนครับ
สำหรับแผงคีย์บอร์ดของ ASUS VivoBook S14 S430UN ถูกดีไซน์ออกมาให้มีขนาดพอดีกับนิ้วมือ สามารถพิมพ์ได้ง่าย และแม่นยำ ด้วยระยะห่างของแป้นกดที่ถูกเว้นเอาไว้อย่างเหมาะสม และตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีค่า Key Travel อยู่ที่ 1.4 มม. (กดแป้นลง 1.4 มม. คีย์บอร์ดทำงาน) แต่จะไม่มีปุ่มตัวเลข Numpad ให้ใช้งาน
สำหรับปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง จะอยู่ที่บริเวณมุมขวาบน
ด้านล่างของคีย์บอร์ดมีไฟ LED-Backlit สำหรับช่วยให้มองเห็นในตอนกลางคืน โดยสามารถปรับความสว่างได้ทั้งหมด 3 ระดับ และสามารถเลือกเปิด-ปิด ไฟได้เอง
ด้านบนของแป้นคีย์บอร์ดมาพร้อมกับปุ่มฟังก์ชันต่างๆ พร้อมกับปุ่มคีย์ลัดสำหรับเปิด-ปิด การตั้งค่าของโน๊ตบุ๊ก (กดปุ่ม fn + ปุ่มคีย์ลัดสำหรับสั่งการ) ประกอบไปด้วย ปิดเสียง, ลดระดับเสียง, เพิ่มระดับเสียง, ลดความสว่างของหน้าจอ, เพิ่มความสว่างของหน้าจอ, ปิดการทำงานของ Touchpad, ปรับระดับความสว่างของไฟคีย์บอร์ด และปุ่มสลับการแสดงผลของหน้าจอ
ด้าน Touchpad ถูกออกแบบเป็นแป้นสัมผัสขนาดใหญ่ครอบทับด้วยกระจก ไม่มีเส้นแบ่งปุ่มกดแยกซ้ายขวา แต่สามารถกดที่บริเวณมุมล่างทั้งสองฝั่ง เพื่อใช้แทนการคลิกซ้าย-คลิกขวาเหมือนกับเมาส์ได้
Touchpad ของ ASUS VivoBook S14 S430UN ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Precision Touch Pad (PTP) สำหรับสั่งการแบบสัมผัสด้วยการลากนิ้วในท่าทางต่างๆ สูงสุด 4 นิ้ว เช่น การใช้ 2 นิ้วเลื่อนขึ้น-ลงเพื่อ Scroll Down หรือ Scroll Up, ใช้ 3 นิ้วปัดไปทางซ้าย-ขวา เพื่อสลับหน้าต่างโปรแกรมที่เปิดค้างไว้ หรือใช้ 4 นิ้วลากเข้าหากัน เพื่อพับหน้าต่างโปรแกรม และยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Intelligent Palm-Rejection ทำให้ผู้ใช้สามารถวางอุ้งมือบน Touchpad ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเคอร์เซอร์จะเลื่อน หรือตัวเครื่องจะสั่งการต่างๆ โดยไม่ได้ตั้งใจนั่นเองครับ
ส่วนบริเวณมุมขวาบนของ Touchpad มาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Optical ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบล็อกอิน Windows Hello ที่มีอยู่บน Windows 10 ทำให้ผู้ใช้สามารถวางนิ้วเพื่อปลดล็อกเข้าใช้งานตัวเครื่องแทนการพิมพ์รหัสผ่านได้ โดยเป็นอีกหนึ่งระบบความปลอดภัยที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่บนโน๊ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันนั่นเองครับ
ข้ามมาที่ประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องกันบ้าง โดย ASUS VivoBook S14 S430UN มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ของแท้ตั้งแต่แกะกล่อง ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องไปติดตั้ง OS ด้วยตนเอง
ส่วนทางด้าน CPU นั้น ASUS VivoBook S14 S430UN รุ่นที่ทีมงานได้รับมารีวิว มาพร้อมกับขุมพลัง Intel Core i7-8550U โดยเป็น CPU แบบ 4 Core 8 Treads มีความเร็วของ Clock Speed อยู่ที่ 1.8GHz และสามารถเร่งประสิทธิภาพการประมวลผลแบบ Turbo Boost ได้สูงถึง 4.0GHz โดยหากสังเกตจากรหัส CPU จะพบว่าลงท้ายด้วยตัวอักษร U (Ultra low voltage) สื่อถึง CPU ของค่าย Intel ที่เน้นไปในด้านประหยัดพลังงาน ทำให้สามาารถใช้งานได้อย่างยาวนาน แต่ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานออฟฟิศ หรือเล่นเกมออนไลน์ทั่วไปได้เป็นอย่างดี
ส่วนทางด้านหน่วยความจำ RAM จัดวางมาให้ที่ขนาด 8GB แบบ LPDDR4 ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบัน
ทางด้านหน่วยประมวลผลกราฟิกที่ติดตั้งมาให้ภายในตัวเครื่องจะมีทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน ได้แก่ การ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphic 620 และการ์ดจอแยก Nvidia GeForce MX150 ขนาด 2GB แบบ GDDR5 ซึ่งรองรับการทำงานด้านการตัดต่อ หรือการเล่นเกมออนไลน์ทั่วไปในระดับหนึ่ง แต่อาจไม่เหมาะกับการนำไปเรนเดอร์กราฟิก หรือเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ หนักๆ เหมือนกับโน๊ตบุ๊กเกมมิ่งที่เลือกใช้การ์ดจอตระกูล GTX ที่มีความเร็วแรงกว่า
ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ CPU ด้วยโปรแกรม CINEBENCH พบว่า Intel Core i7-8550U แม้ว่าจะเป็นซีพียูประหยัดพลังงาน แต่สามารถทำผลงานได้ใกล้เคียงกับขุมพลัง Core i7-3770 เลยทีเดียว ซึ่งประสิทธิภาพในระดับนี้ถือว่าเพียงพอต่อการนำไปตัดต่อวิดีโอ หรือการใช้งานทั่วไปได้อย่างลื่นไหลครับ
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมด้วย PC Mark 10 พบว่าสามารถทำคะแนนรวมได้ที่ 3852 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่มากกว่าคอมพิวเตอร์สำหรับทำงานออฟฟิศทั่วไป ทำให้สามารถนำไปใช้งานด้านอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การรับชมภาพยนต์ความละเอียดสูง การตกแต่งรูป หรือการตัดต่อวิดีโอ
ทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลกราฟิกด้วยโปรแกรม 3D Mark ฉาก Time Spy กันบ้าง ซึ่งสามารถทำคะแนนทดสอบไปได้ทั้งหมด 1164 คะแนน ถึงแม้ว่าคะแนนอาจจะไม่สูงเท่าการ์ดจอตระกูล GTX แต่ด้วยประสิทธิภาพระดับนี้ก็ถือว่าเพียงพอต่อการนำไปเล่นเกมออนไลน์ยอดฮิตในปัจจุบันแล้ว
ลองนำไปทดสอบเล่นเกมออนไลน์ยอดฮิตอย่าง FIFA Online 4 ที่ค่อนข้างกินสเปกพอสมควร โดยปรับกราฟิกการแสดงผลของตัวเกมอยู่ในระดับสูงสุด ซึ่งก็พบว่า ASUS VivoBook S14 S430UN สามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างลื่นไหลเช่นเดียวกัน ซึ่งแม้ว่าเครื่องจะประมวลผลหนักขณะเล่นเกม แต่สำหรับเสียงพัดลมระบายอากาศนั้นถือว่าค่อนข้างเบา และไม่ปรากฏอาการสะสมความร้อนที่บริเวณด้านล่างของตัวเครื่อง
หลังจากที่ทีมงานได้ทดลองใช้งาน ASUS VivoBook S14 S430UN ก็พอจะสรุปได้ว่า เป็นโน๊ตบุ๊กสำหรับผู้ที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊กที่มีดีไซน์สวยงามเรียบหรู พร้อมทั้งมีสเปกตัวเครื่องที่ตอบโจทย์ทั้งความบันเทิง และการใช้งาน เนื่องจาก ASUS VivoBook S14 S430UN มาพร้อมกับตัวเครื่องแบบโลหะอะลูมิเนียมที่ใช้สีสันตัดรับกันได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งยังมีน้ำหนักที่เบาเพียง 1.4 กก. และมีความบางเพียง 18 มม. ทำให้การพกพาไปใช้งานในนอกสถานที่ทำได้อย่างสะดวก รวมทั้งยังมาพร้อมกับนวัตกรรม ErgoLift ที่ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นจากพื้นผิว เพื่อช่วยระบายความร้อน และยังช่วยให้วางมือบนแป้นพิมพ์ได้โดยไม่เมื่อยมือ
ส่วนคุณสมบัติที่จัดวางมาให้ก็ถือว่ามีความเร็วแรงตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การทำงานเอกสาร, การตัดต่อวิดีโอ, การตกแต่งรูปภาพ, การรับชมภาพยนต์ความละเอียดสูง หรือการเล่นเกมออนไลน์กราฟิก 3 มิติสวยๆ ซึ่งใครที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อโน๊ตบุ๊กเครื่องใหม่สำหรับใช้งานในช่วงราคาไม่เกิน 30,000 บาท ASUS VivoBook S14 S430UN ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจพอสมควรครับ
สำหรับ ASUS VivoBook S14 S430UN เริ่มวางขายผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในราคา 29,900 บาท และยังมีรุ่นรองท็อปที่มาพร้อมกับขุมพลัง Core i5-8250U พร้อมหน่วยความจำแบบ Dual Storage (HDD 1TB + SSD 128GB) ในราคา 24,990 บาท ซึ่งหากใครที่สนใจก็สามารถแวะเวียนไปทดลองใช้งานเบื้องต้นก่อนได้ครับ
จุดเด่นของ ASUS VivoBook S14 S430UN
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ : เครื่อง ASUS VivoBook S14 S430UN ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 14/05/2020
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |