หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

จุดอ่อนใหม่ของรถยนต์ไร้คนขับ: เมื่อ AI ถูกหลอกว่าภาพคนปั่นจักรยานเป็นนักปั่นจริงๆ

เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและเริ่มมีการนำไปใช้วิ่งบนถนนจริงๆ กันแล้วในบางประเทศ อาจจะดูเหมือนว่าเทคโนโลยีนี้จะไปได้สวยและจะเสร็จสมบูรณ์จนมาขับรถแทนเราได้ 100% ในเร็วๆ นี้ แต่จริงๆ มันไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะมันยังมีจุดอ่อนอยู่อีกหลายอย่าง และจุดอ่อนล่าสุดที่ค้นพบคือ มันไม่สามารถแยกระหว่างรูปภาพกับวัตถุจริงๆ ได้ในบางสถานการณ์ ดังที่เห็นในรูปด้านล่างนี้ครับ

ในรูปจะเห็นว่า AI ของรถยนต์มองเห็นภาพสกรีนที่ติดอยู่หลังรถยนต์คันข้างหน้าซึ่งมีรูปคนกำลังปั่นจักรยานอยู่ 3 คน แล้วตีความว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นนักปั่นจักรยานจริงๆ การตีความผิดพลาดนี้อาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้ จุดบอดดังกล่าวค้นพบโดยทีมนักวิจัยจากบริษัท Cognata ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จำลอง (Simulator) ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรถยนต์ไร้คนขับนำรถมาทดสอบโดยไม่ต้องออกวิ่งบนถนนจริงๆ ข้อดีของการทดสอบบน simulator นอกจากจะไม่เสี่ยงอุบัติเหตุแล้วยังสามารถปรับแต่งสถานการณ์ต่างๆ ได้ตามใจชอบ และจำลองสถานการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นยากได้

ปกติแล้วระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะรับรู้สภาพแวดล้อมผ่านเซ็นเซอร์หลักๆ 3 ชนิด คือกล้อง คลื่นอัลตร้าซาวด์ และเรดาร์ เซ็นเซอร์ทั้ง 3 จะทำงานร่วมกันในการตรวจจับตำแหน่ง แยกแยะ และประเมินระยะห่างของวัตถุโดยรอบ รวมไปถึงสภาพถนน และนำไปประมวลผลเพื่อบังคับรถตามสถานการณ์แบบ real-time แต่ก็ยังทดแทนจุดอ่อนของกันและกันได้ไม่สมบูรณ์พอ นอกจากเคสนี้แล้ว ก่อนหน้านี้รถยนต์ Tesla ที่เปิดโหมด Autopilot โดยมีเซ็นเซอร์ทั้ง 3 ชนิดยังพุ่งเข้าใส่ตู้คอนเทนเนอร์รถบรรทุกจนคนขับเสียชีวิตเพราะ AI แยกระหว่างตู้กับท้องฟ้าที่มีแสงจ้าไม่ออกมาแล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงมีการเรียกร้องให้ติดตั้งเซ็นเซอร์ไลดาร์ (Lidar - Light Detection and Range) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้หลักการสะท้อนแสงเลเซอร์คำนวณระยะห่างและรูปร่างของวัตถุเพิ่มเข้าไปด้วย เพื่อทดแทนจุดบอดซึ่งกันและกัน และเรียนรู้สถานการณ์ที่ซับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆ ได้


ภาพอธิบายการทำงานของ Lidar อย่างคร่าวๆ

อย่างไรก็ดี Danny Atsmon ผู้บริหารของ Cognata กล่าวว่า ไลดาร์ยังมีจุดอ่อนอยู่บ้างคือ มันแยกแยะสัญญาณไฟสีเขียวและสีแดงไม่ได้ และมองไม่เห็นกระจก เป็นต้น

อนาคตของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเป็นอย่างไรต่อไป และจะพร้อมให้เราได้สัมผัสกันจริงๆ เมื่อไหร่ ยังต้องคอยดูกันต่อไปยาวๆ ครับ

 

--------------------------------------- 
ที่มา : Technologyreview (1), (2)

แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 25/07/2017

technology Autonomous car Self-driving





Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy