หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

Canon EOS 5D Mark IV กล้อง DSLR ฟูลเฟรมตอบทุกความต้องการของช่างภาพมืออาชีพ

  • โดดเด่นด้วยไฟล์ภาพแบบ DPRAW เพิ่มความยืดหยุ่นในระดับพิกเซลให้กับภาพถ่าย
  • Dual Pixel CMOS AF โฟกัสเร็ว แม่นยำ ไม่สะดุด
  • บันทึกภาพเคลื่อนไหวระดับ Real 4K (DCI 4K) 
  • จอทัชสกรีน / Wifi-NFC และ GPS ในตัว

EOS 5D Mark IV เป็นกล้องที่พัฒนาต่อเนื่องมาจาก EOS 5D Mark III กล้องรุ่นยอดนิยมในกลุ่มช่างภาพมืออาชีพชาวไทย จึงเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม ให้ภาพถ่ายคุณภาพสูง ตอบทุกความหลากหลายในการใช้งานของช่างภาพมืออาชีพ ทั้งช่างภาพเวดดิ้ง พอร์ตเทรต แลนด์สเคป งานข่าว สารคดี รวมถึงช่างภาพวิดีโอ และช่างภาพสาขาอื่นๆ EOS 5D Mark IV โดดเด่นด้วยไฟล์ภาพแบบ Dual Pixel RAW (DPRAW) ให้ภาพถ่ายที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับแก้ได้ในระดับพิกเซล ร่วมด้วยเซนเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรมความละเอียดสูง 30.4 ล้านพิกเซล บันทึกภาพเคลื่อนไหวด้วยความละเอียดสูงระดับ Real 4K (DCI 4K) ระบบออโต้โฟกัสปรับปรุงใหม่ด้วยจุดโฟกัสมากถึง 61 จุด และเทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF ทำให้การโฟกัสในระหว่างการใช้งานโหมด Live View หรือวิดีโอทำได้อย่างรวดเร็วแม่นยำและนุ่มนวล พร้อมปรับระดับความเร็วในการโฟกัสได้เพื่องานวิดีโอโดยเฉพาะ ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง 7 ภาพต่อวินาที พร้อม Wifi/NFC และ GPS ในตัวกล้อง เพิ่มความสะดวกคล่องตัวในการใช้งานด้วยจอ LCD Touch Screen แบบ Full Function ยกระดับสู่โลกแห่งการถ่ายภาพไร้พรมแดนไปกับกล้อง EOS 5D Mark IV กล้องสำหรับนักถ่ายภาพตัวจริง

EOS 5D Mark IV

 

 

เซนเซอร์ภาพความละเอียด 30.4 ล้านพิกเซล ใช้งานร่วมกับ Dual Pixel CMOS AF และบันทึกภาพเคลื่อนไหวระดับ 4K ที่ 30p

EOS 5D Mark IV มาพร้อมเซนเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรม ความละเอียด 30.4 ล้านพิกเซล นับเป็นกล้องรุ่นแรกในซีรีส์ EOS 5D ที่นำเทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF มาใช้ เพื่อให้การโฟกัสในระหว่างการถ่ายภาพด้วยโหมด Live View ทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยใช้การค้นหาจุดโฟกัสแบบ Phase-difference และเป็นกล้องตัวแรกของแคนนอนที่สามารถเลือกถ่ายภาพเป็นไฟล์ DPRAW (Dual Pixel RAW) สามารถปรับแก้ไขได้โดยที่ยังคงคุณภาพของภาพถ่ายไว้ นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย เพราะมีช่วงความไวแสง ISO กว้างถึง ISO 100 – 32000 (สามารถขยายได้สูงสุดถึง ISO 102400)

EOS 5D Mark IV สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้แบบ Real 4K ที่มาตรฐาน 17:9 (DCI 4K) ซึ่งเป็นมาตรฐานของการบันทึกภาพเคลื่อนไหวที่ใช้ในโรงภาพยนตร์ จึงรองรับการใช้งานในระดับภาพได้หลากหลายกว่า โดยสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวระดับ 4K ที่ 25p/30p, Full HD ที่ 50p/60p และ HD ที่ 100p/120p รวมทั้งมีโหมดบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบ HDR (HDR Movie) ความละเอียดระดับ Full HD (ถ่ายภาพที่ 50p/60p, บันทึกภาพที่ 25p/30p) นอกจากนี้เทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF และจอ LCD แบบทัชสกรีน ช่วยให้การเลือกจุดโฟกัสในระหว่างบันทึกภาพเคลื่อนไหวสามารถทำได้อย่างง่ายดาย การชิฟท์โฟกัสเป็นไปอย่างนุ่มนวล และสามารถเลือกปรับระดับความเร็วในการชิฟท์โฟกัสได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น Movie Servo AF ที่ผู้ใช้สามารถกำหนดการตั้งค่าการติดตามตัวแบบได้ด้วยตนเอง และอีก  1 ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจคือ 4K Frame Grab ที่ให้ผู้ใช้เลือกดึงภาพในเฟรมที่ต้องการจากภาพเคลื่อนไหว 4K ออกมาเป็นภาพนิ่งความละเอียด 8.8 ล้านพิกเซลได้

                             

การประมวลผลภาพและประสิทธิภาพการถ่ายภาพต่อเนื่องระดับเดียวกับ EOS-1D X Mark II

กล้อง EOS 5D Mark IV ได้พัฒนาประสิทธิภาพของระบบประมวลผลภาพให้ดียิ่งขึ้นโดยใช้ชิปประมวลผลภาพ DIGIC 6+ เช่นเดียวกับกล้อง EOS-1D X Mark II ซึ่งนอกจากจะช่วยปรับปรุงเรื่องน้อยซ์ (Noise) ที่เกิดขึ้นเมื่อถ่ายภาพด้วยความไวแสง ISO สูงๆ แล้ว ยังสามารถแก้ไขความบิดเบี้ยวและขอบมืดที่เกิดจากเลนส์ได้ด้วยฟังก์ชั่น Digital Lens Optimizer (DLO) ในตัวกล้อง โดยกล้องรุ่นนี้เพิ่มความสามารถในการเปิดใช้งานฟังก์ชั่นนี้ขณะที่ถ่ายภาพ JPEG ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ที่ 7 ภาพต่อวินาที (EOS 5D Mark III = 6 ภาพต่อวินาที) โดยมีการนำเอากลไกการทำงานชั้นเยี่ยมของ Mirror Box ที่มีในกล้อง EOS 5DS/5DS-R มาใช้ เพื่อให้การถ่ายภาพต่อเนื่องทำได้อย่างรวดเร็วขึ้น และช่วยลดเวลาที่หน้าจอของช่องมองภาพเป็นสีดำให้สั้นลง

เซนเซอร์ AF และ AE ในกล้องรุ่นนี้ ได้ขยายพื้นที่จุด AF เพิ่มขึ้น และรองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ที่ f/8 ได้ เช่นเดียวกับ EOS-1D X Mark II เช่น โฟกัสอัตโนมัติยังสามารถทำงานได้แม้จะใช้เลนส์ EF600mm f/4L IS II USM ติด Extender EF 2X นอกจากนี้ กล้องรุ่นนี้ยังมีฟังก์ชั่น Anti-flicker ช่วยลดความไม่สม่ำเสมอของแสงเมื่อถ่ายภาพในที่ที่เป็นแสงไฟประดิษฐ์ เช่น หลอดไฟ ได้อีกด้วย

เพิ่มประสิทธิภาพโหมด Live View และการถ่ายภาพต่อเนื่องด้วย Servo AF
EOS 5D Mark IV เป็นกล้องรุ่นแรกในซีรีย์ EOS 5D ที่มีจอ LCD แบบทัชสกรีน โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF ซึ่งช่วยให้การโฟกัสอัตโนมัติทำได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น โดยการโฟกัสจะพุ่งตรงไปยังวัตถุที่เลือกได้อย่างแม่นยำ ทั้งในระหว่างการถ่ายภาพนิ่งในโหมด Live View และการบันทึกภาพเคลื่อนไหว โดยครอบคลุมพื้นที่การถ่ายภาพถึง 80% ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน

สำหรับการถ่ายภาพในโหมด Live View ผู้ใช้สามารถขยายภาพเฉพาะส่วนขึ้นมาได้ เพื่อช่วยในการโฟกัสแบบแมนนวล (MF) โดยการแตะที่จอ LCD เพื่อเลื่อนกรอบ AF ไปยังบริเวณที่ต้องการขยายภาพ นอกจากนี้ในโหมด Live View ยังสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ Servo AF ได้ที่ความเร็ว 4.3 ภาพต่อวินาที (shooting speed priority) และ3 ภาพต่อวินาที (tracking priority) โดยล็อคค่าแสงไว้ที่ภาพแรก ส่วนความสามารถในการโฟกัสอัตโนมัติในที่แสงน้อยอยู่ที่ EV-3 เมื่อถ่ายภาพด้วยช่องมองภาพ และ EV-4 เมื่อถ่ายภาพในโหมด Live View

ปรับแต่งภาพละเอียดระดับพิกเซลด้วย "Dual Pixel RAW"
โหมดการถ่ายภาพแบบไฟล์ “Dual Pixel RAW (DPRAW)” มาพร้อม  3 ฟังก์ชั่นใหม่ ได้แก่ 

  • การปรับระนาบโฟกัสของภาพ (Image Micro-adjustment) ช่วยในการปรับระนาบโฟกัส เพื่อให้สามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการให้ชัดของภาพได้ เช่น การเปลี่ยนระนาบที่ชัดของภาพจากบริเวณจมูก ให้กลับมาชัดที่ดวงตาของแบบ เป็นต้น
  • ชิฟท์โบเก้ (Bokeh Shift) ช่วยจัดตำแหน่งโบเก้ในส่วนที่เป็นฉากหน้า (Foreground) ใหม่ในแนวนอนโดยการปรับมุมมองของกล้องเล็กน้อย ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนโบเก้ในส่วนที่เป็นฉากหลัง (Background) ให้เหมาะสมด้วย ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนตำแหน่งโบเก้ในส่วนฉากหน้าที่บังตัวแบบโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • การลดแสงหลอก/แฟลร์ (Ghosting/Flare reduction) สามารถปรับลดแสงหลอกที่มักจะเกิดจากการถ่ายภาพภายใต้แสงประดิษฐ์หรือการถ่ายภาพย้อนแสงได้ โดยการเลือกพื้นที่ที่ต้องการจะปรับแต่งในซอฟท์แวร์ได้ด้วยเช่นกัน

ฟังก์ชั่นเหล่านี้จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลของ Dual Pixel ที่เซนเซอร์ของกล้องได้บันทึกไว้ และจะนำมาใช้ในระหว่างกระบวนการปรับแต่งภาพด้วยซอฟท์แวร์ Canon Digital Photo Professional (DPP)

Wi-Fi/NFC และ GPS ในตัวกล้อง

กล้องนี้เป็นรุ่นแรกในซีรีย์ 5D  อีกเช่นกันที่มี Wi-Fi/NFC ในตัว ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับกล้องในระยะไกลได้ผ่านทางแอพ Canon Camera Connect สำหรับสมาร์ทโฟน และผ่านทางซอฟต์แวร์ EOS Utility สำหรับคอมพิวเตอร์ และยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ส่งไฟล์ภาพไร้สาย Wireless File Transmitter WFT-E7 Version 2 (แยกจำหน่าย) เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการเชื่อมต่อกล้องเข้ากับเน็ตเวิร์ค และเพิ่มความปลอดภัยในการส่งไฟล์ภาพ นอกจากนี้ตัวกล้องยังมาพร้อมตัวรับสัญญาณ GPS โดยจะรับข้อมูล Geotag จากดาวเทียมและฝังข้อมูลไว้ในข้อมูล EXIF ของภาพ ซึ่งนอกเหนือจากสัญญาณดาวเทียม GPS ของสหรัฐฯ แล้ว กล้องยังสามารถรับสัญญาณจากดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย และ Quasi-Zenith Satellite Michibiki ของญี่ปุ่นได้อีกด้วย โดยสามารถตั้งค่าประหยัดแบตเตอรี่ได้โดยเลือกรับสัญญาณ GPS เมื่อเปิดใช้งานกล้องเท่านั้นก็ได้ หรือจะเก็บข้อมูล GPS ไว้เป็นระยะๆ ตลอดการเดินทาง เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงเส้นทางการเดินทางก็สามารถทำได้เช่นกัน

ช่องมองภาพอัจฉริยะ ให้ข้อมูลครบถ้วน
ช่องมองภาพของกล้องมีกำลังขยาย 0.71 เท่า และครอบคลุมพื้นที่การมองเห็น 100% ที่ Eye point 21 มม. โดยใช้ Intelligent Viewfinder II ซึ่งมีในกล้อง EOS 7D Mark II และ EOS-1D X Mark II เพื่อให้สามารถแสดงข้อมูลต่างๆ ภายในช่องมองภาพได้มากขึ้น เช่น ข้อมูลระดับน้ำอิเล็กทรอนิกส์ และการตั้งค่าปัจจุบันของกล้อง

จอ LCD ทัชสกรีนแบบเต็มฟังก์ชั่น
จอ LCD ของกล้องเป็นจอ TFT แบบ Clear View II ใหม่ ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 1,620,000 จุด เคลือบด้วยสารป้องกันรอยเปื้อนและป้องกันการสะท้อน จึงทำให้สามารถมองภาพบนจอ LCD ได้อย่างคมชัด นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งโทนสีได้ 4 ระดับ (โทนสีอบอุ่น - โทนสีเย็น) เพื่อปรับค่าสีให้ตามองเห็นถูกต้องในกรณีที่ใส่แว่นกันแดดแบบโพลาไรซ์ขณะถ่ายภาพ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเมนูหรือฟังก์ชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยการทัชที่จอ LCD พร้อมทั้งเลือกปรับแต่งตำแหน่งของฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ในหน้าจอ Quick Control Screen ได้ตามต้องก

 

ปุ่มใช้งานใหม่เพิ่มความคล่องตัว ร่วมด้วยตัวกล้องที่มีน้ำหนักเบาขึ้น

"ปุ่มเลือกพื้นที่ AF" ซึ่งอยู่ระหว่างปุ่ม Multi-controller และวงแหวน Quick Control ที่ด้านหลังกล้อง ช่วยให้การเลือกเปลี่ยนการใช้งานพื้นที่ AF สามารถทำได้อย่างรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับตั้งค่าการใช้งานปุ่มนี้ให้เป็นการตั้งค่าฟังก์ชั่นอื่นๆ ได้เองอีกด้วย

ตัวกล้องผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอยเช่นเดียวกับกล้องรุ่นก่อนหน้าอย่าง EOS 5D Mark III แต่มีน้ำหนักเบากว่า โดยยังคงความสมบูรณ์แบบและความทนทานเอาไว้

กล้องรุ่นนี้รองรับแบตเตอรี่รุ่น LP-E6N/LP-E6 โดยแบตเตอรี่ LP-E6N นั้นสามารถใช้ถ่ายภาพด้วยช่องมองภาพได้สูงสุดถึง 900 ภาพ ส่วนการถ่ายภาพแบบ Live View สามารถถ่ายได้ประมาณ 300 ภาพ (ทั้งสองแบบที่ 23°C) นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานร่วมกับแบตเตอรี่กริป BG-E20 ได้ (แยกจำหน่าย) เพื่อให้สามารถถ่ายภาพได้ยาวนานขึ้นโดยไม่เสียเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยสามารถใส่แบตเตอรี่ (LP-E6N หรือ LP-E6) ได้ 2 ก้อนพร้อมกัน โดยมี Screw hub สำหรับใส่ขาตั้งกล้องวิดีโอ เพื่อตอบสนองความต้องการในการถ่ายภาพวิดีโอให้ด้ว

 

เลนส์คิทใหม่ EF24-105mm f/4L IS II USM

เลนส์ EF24-105mm f/4L IS II USM เป็นเลนส์ซูมมาตรฐานที่พัฒนาต่อยอดมาจากเลนส์ EF24-105mm f/4L IS USM ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพื่อให้การถ่ายทอดรายละเอียดของภาพครบถ้วน สมจริงทุกรายละเอียด แม้ในขณะที่ใช้คู่กับกล้องที่มีความละเอียดสูง

 

การวางจำหน่าย
กล้อง EOS 5D Mark IV วางจำหน่ายใน 3 ชุดคิท ได้แก่

  • EOS 5D Mark IV เฉพาะตัวกล้อง ราคา 141,600 บาท
  • EOS 5D Mark IV พร้อมเลนส์คิทใหม่ EF 24-105mm f/4 L IS II USM  ราคา 180,490 บาท
  • EOS 5D Mark IV พร้อมเลนส์ EF 24-70mm f/4 L IS USM  ราคา 171,000 บาท

อุปกรณ์เสริม

  • Battery Grip BG-E20 ราคา 12,280 บาท
  • Battery Pack LP-E4N ราคา 3,350 บาท
  • Wireless File Transmitter WFT-E7A II (Version 2) ราคา 33,090 บาท

เลนส์

  • EF 24-105mm f/4 L IS II USM  ราคา 52,500 บาท

 

Update : 02/11/2016





Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy