สำหรับ iOS 11 ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อค่ำคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (ตามเวลาในประเทศไทย) ในงาน WWDC 2017 ถือว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบครั้งใหญ่อีกครั้ง นับตั้งแต่ iOS 7 เป็นต้นมา ซึ่ง iOS 11 นี้ ได้เพิ่มฟังก์ชันใหม่สำหรับการใช้งานในหลาย ๆ ด้านเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มฟีเจอร์ Person-to-Person Payment รองรับการโอนเงินระหว่างบุคคล, เพิ่มฟีเจอร์ Translation พูดภาษาอังกฤษกับ Siri แล้วให้ Siri แปลเป็นภาษาอื่น รวมไปถึงการเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานด้านการถ่ายรูป และอื่น ๆ อีกมากมาย
โดยการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างเด่นชัดที่สุด นั่นก็คือ Control Center หรือศูนย์ควบคุมการทำงานต่าง ๆ ที่นอกจากจะเปลี่ยนอินเทอร์เฟสใหม่แล้ว ยังสามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้ตามใจได้อีกด้วย แต่จะเป็นอย่างไรนั้น มาชม พรีวิว Control Center บน iOS 11 กันเลยดีกว่า
iOS 11 (ซ้าย) vs iOS 10 (ขวา)
ถ้าหากเปรียบเทียบอินเทอร์เฟสของ Control Center ระหว่าง iOS 10 และ iOS 11 จะเห็นว่า แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยบน iOS 10 เดิมนั้น จะแบ่งเป็น 2 หน้า หน้าแรกจะเป็นส่วนของการตั้งค่าพื้นฐาน และทางลัดเข้าใช้งานแอปฯ ทั้งหมด 4 แอปฯ ซึ่งได้แก่ ไฟฉาย, นาฬิกา, เครื่องคิดเลข และกล้องถ่ายรูป ซึ่งเมื่อปัดจากซ้ายไปขวา จะเป็นส่วนควบคุมด้านเสียง
แต่บน iOS 11 นั้น Control Center จะมีการจัดวาง Widget และไอคอนต่าง ๆ ในหน้าเดียว ทำให้สามารถใช้งานได้ทุกฟังก์ชัน โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมาเหมือน iOS 10
สำหรับปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มปรับความสว่างของหน้าจอ จะเป็นการเลื่อนขึ้น-ลงไปแนวตั้ง ต่างจาก iOS 10 ที่เลื่อนไปมาซ้ายและขวา โดยฟังก์ชันอื่น ๆ ยังคงมีเหมือนเดิม เช่น Airplane Mode, เปิด-ปิด Wi-Fi, เปิด-ปิด Bluetooth, ล็อกการหมุนของหน้าจอ และ Do Not Disturb และที่เพิ่มเข้ามา นั่นก็คือ ปุ่มเปิด-ปิด Cellular
ส่วนใครที่ใช้ iPhone 6S, iPhone 6S Plus, iPhone 7 และ iPhone 7 Plus นั้น สามารถใช้ประโยชน์ของ Force Touch ในส่วนนี้ได้ ด้วยการกดค้าง เพื่อเปิดฟังก์ชันการใช้งานในส่วนอื่น ๆ ถือว่าสะดวกมากเลยทีเดียว
จุดเด่นที่น่าสนใจสำหรับ Control Center บน iOS 11 อีกอย่าง นั่นก็คือ สามารถเลือกปุ่มฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ได้เองตามใจ จะลบออกหรือย้ายตำแหน่งก็สามารถทำได้อย่างอิสระ
สรุปแล้ว Control Center รูปแบบใหม่บน iOS 11 นั้น เป็นการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น ซึ่งในตอนนี้ เป็นเวอร์ชันทดสอบกับ iOS 11 beta 1 ไม่แน่ว่า กว่าจะเปิดให้ผู้ใช้งานจริงได้ดาวน์โหลด อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ก็เป็นได้
---------------------------------------
ที่มา : phonearena.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 07/06/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |