เชื่อว่าหลายคนที่มีเครื่องพิมพ์หรือ Printer และใช้งานอยู่เป็นประจำ มักจะประสบปัญหาในการเลือกซื้อหมึกมาเติมหมึกเก่า และส่วนใหญ่มักจะเลือกซื้อหมึกที่มีราคาถูกมาใช้ แต่หารู้ไม่ว่า หมึกประเภทนี้จะมีผลเสียต่อตัวเครื่องพิมพ์ในระยะยาว เพราะเครื่องพิมพ์จะมีอายุการใช้งานที่สั้นลง และทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุ
โดยปัจจุบัน หมึกพิมพ์ที่วางจำหน่ายในตลาดออนไลน์ มีให้เลือกหลายประเภท และส่วนใหญ่ผู้ซื้อมักจะไม่ทราบว่า หมึกที่ซื้อมาใช้นั้นไม่ใช่หมึกแท้จากผู้ผลิต เนื่องจากมีการออกแบบหรือการใช้คำที่ใกล้เคียงกับหมึกแท้มาก เพราะในปัจจุบัน มีหมึกที่เรียกว่า Premium Ink วางขายตามท้องตลาด และผู้ซื้อเกิดความเข้าใจผิด คิดว่าเป็นหมึกแท้ที่ได้มาตรฐานจากผู้ผลิต ประกอบกับมีราคาที่ถูกกว่าหมึกแท้ทั่ว ๆ ไป
หมึกพิมพ์ในท้องตลาด มีกี่ประเภท ?
มาถึงบรรทัดนี้เชื่อว่ายังมีหลายคนที่เข้าใจผิดว่า หมึกปลอมกับหมึกเทียบ คือหมึกประเภทเดียวกัน เนื่องจากไม่ใช่หมึกแท้จากผู้ผลิต แต่อันที่จริงแล้ว หมึกพิมพ์ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
ทั้งนี้ หมึกพิมพ์ทั้ง 3 ประเภท ซึ่งได้แก่ หมึกพรีเมียม, หมึกเทียบ และหมึกปลอม ถ้ามองในภาพรวมแล้วอาจจะไม่ต่างอะไรจากหมึกแท้ เพราะสามารถใช้พิมพ์งานได้เหมือนกัน แถมยังมีราคาที่ถูกกว่า ทำให้ผู้ซื้อบางกลุ่มหันไปเลือกซื้อหมึกพิมพ์เหล่านี้มาใช้งานแทน แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะลืมนึกถึงไป ก็คือ การใช้หมึกที่ไม่ใช่หมึกแท้จากผู้ผลิต จะมีราคาแฝงที่ต้องจ่าย เพราะทำให้เครื่องพิมพ์เกิดปัญหาจนต้องเข้าศูนย์บริการ แถมยังต้องจ่ายค่าซ่อมเอง เนื่องจากตัวเครื่องหลุดประกันไปแล้วนั่นเอง
โดยการซื้อหมึกแท้จาก Epson แม้จะมีราคาสูงกว่าหมึกพรีเมียม และหมึกเทียบ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือ คุณภาพ, สีสันที่ได้ไม่ผิดเพี้ยน และตัวเครื่องยังอยู่ในการรับประกัน ในขณะที่หมึกพรีเมียม และหมึกเทียบ เมื่อใช้งานไปนาน ๆ จะส่งผลทำให้หัวพิมพ์อุดตัน, พิมพ์ไม่คมชัด, สีสันผิดเพี้ยน, เครื่องพิมพ์มีอายุการใช้งานที่สั้นลง และหมดประกันจาก Epson ทันที ซึ่งจะเห็นว่า หมึกพรีเมียม และหมึกเทียบ มีราคาถูกกว่าก็จริง แต่จะต้องจ่ายเพิ่มหลายรายการ ทั้งการซื้อหัวพิมพ์ใหม่ หรือในกรณีที่เครื่องพิมพ์เสีย ก็ต้องจ่ายค่าซ่อมเอง ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เครื่องพิมพ์เกิดปัญหาจนต้องเข้าศูนย์ ก็เป็นเพราะไม่ได้ใช้หมึกแท้จากผู้ผลิตนั่นเอง
สำหรับคนที่พิมพ์งานเอกสารที่เน้นสีดำ อาจจะสังเกตไม่เห็นความแตกต่างของสีสันระหว่างหมึกแท้กับหมึกพรีเมียม หรือหมึกเทียบเท่าใดนัก แต่ถ้าอยู่ในสายงานสิ่งพิมพ์จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ซึ่งหมึกแท้จะมีสีสันสดใสและตรงปกมากกว่า ในขณะที่หมึกประเภทอื่น ๆ สีสันที่ได้จะผิดเพี้ยน และซีดจางเมื่อผ่านไปนาน ๆ
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า หมึกที่ซื้อมาเป็นหมึกแท้จากผู้ผลิต ?
สำหรับคนที่ใช้เครื่องพิมพ์ Epson มีวิธีการสังเกตหมึกแท้ได้ง่าย ๆ 5 ข้อ นั่นก็คือ
1. สภาพกล่องต้องไม่ถูกแกะ
กล่องผลิตภัณฑ์ของหมึก Epson แท้ ตัวกล่องจะมีสภาพที่สมบูรณ์ ไม่มีรอยฉีกขาด และไม่ถูกแกะใช้งานมาก่อน
2. มีสติกเกอร์ Hologram ที่หน้ากล่องอย่างชัดเจน
ให้สังเกตที่หน้ากล่องผลิตภัณฑ์ โดยหมึกแท้จาก Epson จะมีการแปะสติกเกอร์ Hologram ระบุคำว่า Genuine EPSON ทำให้มั่นใจได้ว่า สินค้าที่ซื้อเป็นของแท้ 100% เนื่องจากสติกเกอร์ถูกผลิตด้วยเทคนิคพิเศษ ไม่สามารถปลอมแปลงได้
3. สามารถตรวจสอบวันผลิต และวันหมดอายุได้
กล่องผลิตภัณฑ์หมึกแท้จาก Epson จะมีการระบุรายละเอียดต่าง ๆ อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น วิธีใช้, คำแนะนำ, คำเตือน, วันผลิต, วันหมดอายุ และฉลากสคบ.ได้
4. เลือกใช้หมึกให้ตรงกับรุ่นเครื่องพิมพ์
ส่วนใครที่ยังไม่ทราบว่า เครื่องพิมพ์ Epson ที่ใช้งานอยู่ ต้องใช้หมึกรุ่นใด สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่คู่มือการใช้งานของเครื่องพิมพ์รุ่นนั้น ๆ หรือตรวจสอบรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ Epson
5. เลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายของ Epson เท่านั้น
วิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้มั่นใจได้ว่า หมึกพิมพ์ที่กำลังจะซื้อมาใช้งานนั้นเป็นของแท้ 100% หรือไม่ ก็คือ ให้เลือกซื้อหมึกแท้จากตัวแทนจำหน่ายของ Epson เท่านั้น ซึ่งทาง Epson เองก็มีร้านค้าออนไลน์อย่าง Epson Official Store เช่นกัน รายละเอียดดังนี้
**บทความนี้เป็น Advertorial
-------------------------------------
นำเสนอบทความโดย : techmoblog.com
Update : 04/05/2022
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |