เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว The Guardian รายงานว่า Facebook กำลังทดสอบระบบหน้าฟีดแบบใหม่ ที่จะย้ายโพสต์จากเพจที่ไม่ได้ซื้อโฆษณาทั้งหมดไปอยู่บนหน้าฟีดแยกต่างหาก ส่วนหน้าฟีดปกติจะแสดงแค่โพสต์ของเพื่อนและโพสต์ที่จ่ายเงินซื้อโฆษณา (sponsored post) เท่านั้น โดยได้เริ่มทดสอบแล้วใน 6 ประเทศ เช่นสโลวาเกีย เซอร์เบีย และศรีลังกา การทดสอบหน้าฟีดใหม่ครั้งนี้ส่งผลให้ยอด engagement ของเพจในประเทศข้างต้นลดลงถึง 60-80% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถิติการเข้าถึงที่ตกลงอย่างมากตั้งแต่คืนวันพฤหัสเป็นต้นไป (source: CrowdTangle)
Filip Struhárik นักข่าวประจำหนังสือพิมพ์ Dennik N ของสโลวาเกียซึ่งได้รับผลกระทบจากการทดสอบ เปิดเผยว่า ยอดการเข้าถึงแบบออร์แกนิค (organic reach) ของเพจสำนักข่าวในประเทศดิ่งลงอย่างมาก เหลือเพียง 2 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 เท่านั้น สำหรับเว็บไซต์ใหญ่ๆ ที่มีช่องทางการเข้าถึงหลายช่องทางอาจไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่เว็บไซต์ที่พึ่งพาการเข้าถึงจากโซเชียลมีเดียเป็นหลักจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งล่าสุดเว็บไซต์เล็กๆ เริ่มรายงานเกี่ยวกับการเสีย traffic และ engagement บน Facebook แล้ว และยังคงบอกไม่ได้ว่าผลกระทบครั้งนี้จะขยายไปอีกมากแค่ไหน
สำหรับการทดสอบหน้าฟีดแบบใหม่นี้ Facebook ได้ออกมาแถลงว่า ผู้ใช้ต้องการที่จะเห็นโพสต์ของเพื่อนและคนในครอบครัวมากกว่า จึงทดลองแยกการแสดงโพสต์ออกเป็น 2 หน้าฟีด หน้าฟีดแรกจะเป็นหน้าหลักที่จะมีแต่โพสต์ของเพื่อนและญาติพี่น้องของผู้ใช้เท่านั้น ส่วนอีกฟีดหนึ่งจะเป็นโพสต์ของเพจต่างๆ โดยเฉพาะ
อย่างไรก็ดี โพสต์ที่จ่ายเงินซื้อโฆษณาจะยังไปแสดงอยู่ในหน้าฟีดหลักตามปกติ
Matti Littunen นักวิเคราะห์อาวุโสของสถาบัน Enders Analysis แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจของ Facebook อยู่แล้ว นั่นคือปล่อยให้คอนเทนต์บางอย่างมียอดการเข้าถึงจำนวนมากไปก่อน จากนั้นค่อยๆ บีบให้มีการจ่ายเงินเพื่อเพิ่มยอดการเข้าถึง และสุดท้ายก็จะต้องจ่ายเงินแลกยอดการเข้าถึงอย่างเดียว
ล่าสุด Facebook ออกมาชี้แจงว่า ยังไม่มีแผนจะนำหน้าฟีดแบบใหม่ไปใช้กับทุกประเทศในโลกแต่อย่างใด
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลกระทบกับผู้สร้างคอนเทนต์บนเพจ Facebook โดยตรง ไม่เพียงเฉพาะข่าวหรือบทความ แต่รวมไปถึงวิดีโอ รูปภาพ โพสต์ทั่วไปด้วย และจะทำให้เพจเกิดใหม่อยู่รอดยากกว่าเดิม Facebook จะเดินหน้าเปลี่ยนแปลง news feed ต่อหรือไม่ และเพจต่างๆ จะต้องปรับตัวอย่างไร ต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิดครับ
---------------------------------------
ที่มา : The Guardian
บทความโดย : techmoblog.com
Update : 25/10/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |