หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

FindFace อีกขั้นของเทคโนโลยีสแกนใบหน้าที่อ่านได้กระทั่งอารมณ์ ด้วยความแม่นยำถึง 93%

NTechLab บริษัทออกแบบซอฟต์แวร์เฉพาะทางจากประเทศเบลารุส เปิดตัวแอปพลิเคชัน FindFace เวอร์ชันใหม่ล่าสุด เพิ่มระบบตรวจจับอารมณ์จากสีหน้าได้ รวมถึงแยกแยะใบหน้าบุคคล คาดเดาอายุ และเพศ โดยมีความแม่นยำถึง 93%

FindFace เป็นซอฟต์แวร์ตรวจจับใบหน้า (Face recognition) ที่ใช้เทคโนโลยี Deep Learning ในการเรียนรู้อารมณ์ต่างๆ จากสีหน้าของมนุษย์ สามารถค้นหาและเปรียบเทียบใบหน้าในฐานข้อมูลประชากรนับพันล้านคนได้ภายในเสี้ยววินาที ช่วยให้เจ้าหน้าที่ตรวจจับความเคลื่อนไหวของอาชญากรได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปใช้ตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้า วิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของผู้ที่มาสัมภาษณ์งาน วิเคราะห์อารมณ์ของฝูงคนในงานอีเวนต์ต่างๆ หรือจะนำมาประยุกต์ใช้ในการตรวจสอบพฤติกรรมของลูกค้าในโรงแรม หรือในบ่อนก็ยังได้

ในเรื่องของความแม่นยำ FindFace ของ NTechLab เคยสร้างผลงานที่น่าประทับใจมาแล้วในงานแข่งขันเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า MegaFace 2015 โดยสามารถเอาชนะซอฟต์แวร์ตรวจจับใบหน้าของ Google และมหาวิทยาลัยปักกิ่งไปได้ที่ความแม่นยำ 73% แต่มันไม่ได้หยุดแค่นั้น เพราะล่าสุดมีรายงานว่า มันได้ยกระดับความแม่นยำในการตรวจจับไปถึง 93% แล้ว

NTechLab ปฏิเสธจะเปิดเผยกับสื่อว่าใครหรืองค์กรใดนำเทคโนโลยีของพวกเขาไปใช้บ้าง เนื่องจากเป็นความลับทางธุรกิจ แต่มีข่าวลือว่า รัฐบาลรัสเซียได้นำซอฟต์แวร์ FindFace มาใช้กับกล้อง CCTV กว่า 150,000 ตัวทั่วกรุงมอสโคว และได้นำไปใช้สอดส่องใบหน้าผู้คนในการแข่งขันฟุตบอล FIFA's Confederations Cup เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาด้วย นอกจากในรัสเซียแล้ว ยังมีลูกค้าจากหลายชาติ ทั้งอังกฤษ อเมริกา จีน ออสเตรเลีย และอินเดีย


FindFace ถูกนำมาใช้ค้นหาตัวตนของผู้อื่นบนโลกอินเทอร์เน็ต

อย่างไรก็ตาม มีหลายฝ่ายมองว่า FindFace เป็นเทคโนโลยีที่คุกคามความเป็นส่วนตัวของประชาชนอย่างร้ายกาจ โดยก่อนหน้านี้แอปพลิเคชัน FindFace เคยถูกนำไปใช้ค้นหาตัวตนของผู้ใช้ Twitter จากใบหน้าจนหลายคนโดยเฉพาะผู้หญิงถูกล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัว ส่วนอีกด้านหนึ่ง Eva Blum-Dumontet เจ้าหน้าที่วิจัยจากองค์กร Privacy International ก็ออกมาสำทับว่า การแสดงออกทางสีหน้าอารมณ์นั้นแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมของแต่ละชนชาติ อัลกอริธึมที่ทำงานโดยมีการแสดงสีหน้าของชาวยุโรปเป็นพื้นฐานอาจมองว่าสีหน้าบางอย่างของชนชาติอื่นน่าสงสัย ทำให้ถูกตำรวจเพ่งเล็งได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งไม่เป็นธรรม

แต่ทาง NTechLab ก็ยังยืนยันว่า อัลกอริธึมตรวจจับใบหน้าควรจะนำไปใช้กันทั่วทุกมุมโลก เพราะในโลกปัจจุบันที่มีกล้อง CCTV ติดตั้งอยู่ทั่วและอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อถึงกันมันทำให้เราไม่มีความเป็นส่วนตัวเหลืออยู่อีกแล้ว เทคโนโลยีนี้จึงไม่ได้เป็นตัวการที่มาทำลายความเป็นส่วนตัวของผู้คน แต่เป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการรักษาความปลอดภัยสมัยใหม่

เส้นแบ่งระหว่างความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเริ่มจะจางลงทุกทีๆ ท้ายที่สุดแล้วเทคโนโลยีจะพาเราไปสู่โลกแบบไหนก็ต้องดูกันต่อไป

 

------------------------------------- 
ที่มา : Mashable (1), (2)

แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 01/08/2017

technology FindFace





Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy