Moderna Therapeutics บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพในสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ได้พัฒนา mRNA-1273 ซึ่งเป็นวัคซีนต้าน COVID-19 ชุดแรก และได้ทำการจัดส่งตัวอย่างวัคซีนไปยังสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (National Institute of Allergy and Infectious Diseases) ในสหรัฐฯ เพื่อทำการศึกษาและวิจัยเพิ่มเติมเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน คาดว่า น่าจะพร้อมได้ใช้งานกับผู้ติดเชื้อในเดือนเมษายนนี้
We just announced that we have shipped vials of mRNA-1273, the Company’s vaccine against the novel coronavirus, to the NIH to be used in the planned Phase 1 study in the U.S. https://t.co/jNarQEkGhr pic.twitter.com/o7EoaYeQH1
— Moderna (@moderna_tx) February 24, 2020
โดยวัคซีนดังกล่าว ถูกพัฒนาขึ้นในเวลาอันรวดเร็วเนื่องจากเป็นการใช้โมเลกุล mRNA ที่ใช้ข้อมูลพันธุกรรมจำลองการติดเชื้อตามธรรมชาติเพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง อีกทั้งวัคซีนต้านชุดนี้ ยังสามารถจำลองโปรตีนที่ตรวจพบบน COVID-19 ได้อีกด้วย
ทางสถาบัน NIAID เผยว่า ตัววัคซีนจะพร้อมทดสอบใช้งานประมาณช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ ในกลุ่มผู้ติดเชื้อ 45 คน แต่ทั้งนี้ แม้จะคิดค้นวัคซีนที่สามารถต้านไวรัส COVID-19 ได้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถนำมาใช้อย่างเป็นทางการทั่วโลกได้ในทันที เนื่องจากจะต้องมีการทดลองแล้วติดตามผลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับวัคซีนตัวดังกล่าว ซึ่งคาดว่า น่าจะใช้เวลาในการติดตามผลอย่างน้อย 12-18 เดือน
ก่อนหน้านั้น สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Institutes of Health : NIH) ได้เริ่มทดลองใช้ยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) ที่เป็นยาตัวเดียวกับที่ใช้รักษาโรคอีโบลา (Ebola) กับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งคนไข้อาสาสมัครคนแรกนั้นเป็นผู้โดยสารที่ติดเชื้อบนเรือสำราญ Diamond Princess โดยยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) ได้เคยใช้ทดลองกับสัตว์มาแล้ว และพบว่า ออกฤทธิ์ต้านไวรัสที่ก่อให้เกิดโรค SARS และ MERS ได้เป็นอย่างดี
-------------------------------------
ที่มา : time.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 04/03/2020
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |