เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเกิดเรื่องฮือฮาขึ้นในรัฐเวอร์จิเนีย เมื่อรถ Ford คันหนึ่งวิ่งไปบนถนนทั่วเมืองโดยที่ภายในรถมีแต่เบาะเปล่าๆ ไม่มีใครอยู่ในรถเลยสักคนเดียว หลายคนเชื่อว่า Ford ซุ่มพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจนสมบูรณ์แบบแล้วนำมาอวดให้ผู้คนตกใจเล่นๆ แต่ความจริงก็คือ รถคันนี้ไม่ได้ควบคุมด้วย AI อัจฉริยะ แต่ควบคุมด้วยมนุษย์ล้วนๆ เพียงแต่คนขับพรางตัวเป็นเบาะเท่านั้นเอง
การส่งรถไร้คนขับ (ปลอม) ไปโลดแล่นบนถนนครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเล่นแผลงๆ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองด้านเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยเกิดจากการร่วมมือกันระหว่างสถาบัน Virginia Tech’s Transportation Institute (VTTI) และ Ford เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของผู้ใช้รถใช้ถนนต่อรถยนต์ไร้คนขับ การทดลองจะโฟกัสไปที่แถบไฟกระพริบบนกระจกหน้ารถซึ่งใช้ส่งสัญญาณสื่อสารกับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ เพื่อดูว่าคนทั่วไปเข้าใจสัญญาณหรือไม่ และให้ความสนใจกับไฟสัญญาณของรถยนต์ที่ไม่มีคนขับมากน้อยแค่ไหน
ในขณะนี้ การสื่อสารผ่านสัญญาณไฟหน้ารถของ Ford ยังเป็นเพียงสัญญาณแบบง่ายๆ เช่น ไฟกะพริบถี่ๆ หมายถึงรถกำลังจะออกตัว ไฟกะพริบช้าๆ หมายถึงให้ทาง และแถบไฟค้างหมายถึงรถกำลังขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติ ส่วนเหตุผลที่เลือกใช้เส้นไฟสีขาวนั้น Ford กล่าวว่า ไฟสีอื่นๆ มีความหมายแตกต่างกันไฟในแต่ละประเทศ Ford จึงต้องการให้สัญญาณเป็นที่เข้าใจกันได้ทั่วโลกและเพื่อไม่ให้ดูเป็นการให้ความสำคัญกับภาษาใดภาษาหนึ่งมากเกินไปนั่นเอง
ปัญหาของสัญญาณไฟในตอนนี้ก็คือ ยังไม่มีคนที่เข้าใจมันมากเท่าไหร่ แต่ Ford ก็ยังคงมีเวลาให้คิดเรื่องนี้อีกนาน เพราะ Ford วางแผนจะส่งรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบลงสู่ถนนในปี 2021 โดยตั้งเป้าให้เป็นรถที่ขับเองได้ 100% ในทุกสถานการณ์ และการทดลองครั้งนี้ก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของเป้าหมายที่ Ford วางไว้เท่านั้นครับ
---------------------------------------
ที่มา : The Verge
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 14/09/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |