รวม 10 ไฮไลท์เด่นในงาน Google I/O 2018 พร้อมสรุปฟีเจอร์ใหม่บน Android P มีอะไรน่าสนใจบ้าง ?

เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับงาน Google I/O ซึ่งเป็นอีเวนท์ใหญ่ของฝั่ง Android ประจำปี 2018 โดยในปีนี้มีนักพัฒนาจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 7,000 คนเลยทีเดียว ซึ่งไฮไลท์เด่นประจำงานนั่นก็คือ Android P นั่นเอง มาดูกันว่า ในงาน Google I/O 2018 มีปีนี้ นอกจาก Android P แล้ว มีอะไรน่าสนใจบ้าง

 

1. Android P

พระเอกของงาน Google I/O 2018 ปีนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ Android P ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ที่ทาง Google ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานนี้เป็นครั้งแรก แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะมีการปล่อยเวอร์ชัน Developer Preview ออกมาแล้ว แต่ยังไม่เห็นของใหม่แบบเป็นรูปเป็นร่างมากนัก ซึ่ง Android P นั้น มีของเล่นใหม่และความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

• Adaptive Battery บน Android P จะมีการจัดลำดับความสำคัญของการใช้พลังงาน ซึ่งแอปฯ ไหนที่ไม่ได้เปิดใช้งานบ่อย หรือเปิดทุกวัน จะมีการจำกัดการเข้าถึงการใช้พลังงาน ทำให้ลดภาระของการประมวลผล CPU ลง ส่งผลให้ตัวเครื่องประหยัดแบตมากขึ้น

• ใช้ Gesture แทนที่การกดปุ่มแบบเดิม ๆ โดยมีการปรับปรุงหน้าอินเทอร์เฟสใหม่เพื่อให้การใช้งานสลับระหว่างแอปฯ นั้นสะดวกขึ้นกว่าเดิม และกลับสู่หน้า Home ได้ด้วยการปัดขึ้น

• Manual Rotation ปกติแล้วบนเวอร์ชันก่อน ๆ ตัวเครื่องจะทำการหมุนหน้าจอเองอัตโนมัติเมื่อมีการใช้งานแนวนอน แต่บน Android P ผู้ใช้สามารถกำหนดเองได้

• App Actions สำหรับฟีเจอร์นี้จะเป็นการนำระบบ AI เข้ามาใช้งานร่วมด้วย ด้วยการเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ และจดจำว่าเราจะทำสิ่งใดต่อไป ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีการเสียบหูฟัง ก็จะมีคำแนะนำแอปฯ สำหรับฟังเพลง เช่น Spotify รวมถึงแนะนำ Playlist ที่ฟังอยู่เป็นประจำ เป็นต้น

• Slices จะเป็นการให้คำแนะนำเมื่อมีการเปิดใช้งานแอปฯ นั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น ค้นหาคำว่า Lyft ฟีเจอร์ Slices นอกจากจะทำการเปิดแอปฯ Lyft ให้แล้ว ยังมีการแจ้งราคา รวมถึงระยะเวลาที่ใช้เดินทาง เป็นต้น

• Dashboard เป็นตัวเก็บข้อมูลผู้ใช้ว่าในแต่ละวันใช้เวลากับการใช้งานแอปฯ ต่าง ๆ ไปมากน้อยแค่ไหน, มีแจ้งเตือนมากี่รอบ หรือปลดล็อกหน้าจอไปกี่ครั้ง เป็นต้น
• App Timer จะอ้างอิงข้อมูลที่ได้จาก Dashboard มากำหนดเวลาในการใช้งานแอปฯ ในแต่ละวัน พร้อมกับมีแจ้งเตือนถ้าหากใช้งานแอปฯ ดังกล่าวนานเกินไป
• Wind Down เป็นการกำหนดเวลาที่จะหยุดใช้สมาร์ทโฟนชั่วคราว โดยเมื่อถึงเวลาที่ตั้งค่าไว้ หน้าจอจะปรับเป็นสีขาวดำ พร้อมกับปิดการแจ้งเตือนทุกอย่าง

 

2. เสียงใหม่บน Google Assistant

สำหรับเสียงของ Google Assistant มีให้เลือกเพิ่มอีก 6 เสียงใหม่ มีทั้งเสียงผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งมีข้อดีก็คือ สามารถเลือกตั้งค่าได้ว่า เสียงนี้จะใช้กับใคร เหมาะสำหรับบ้านหรือครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน โดยเสียงปกติของ Google Assistant เดิม ใช้ชื่อ Holly และในช่วงปลายปีนี้ จะมีเสียงของ John Legend เพิ่มเข้ามาอีกด้วย

 

3. Google Duplex

ภายในงานได้มีการเดโมความสามารถของ Google Assistant ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Google Duplex ที่สามารถสนทนาถามตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับว่ากำลังใช้คนพูดอยู่จริง ๆ ซึ่งจากตัวอย่างคลิปวิดีโอที่นำเสนอในงาน จะเห็นว่า Google Assistant ได้มีการนัดหมายร้านทำผม โดยมีน้ำเสียงเหมือนกับมนุษย์กำลังพูดอยู่จริง ๆ ซึ่งผู้ที่รับสายไม่ทราบเลยว่า กำลังพูดคุยอยู่กับ AI

โดยทาง Google เผยว่า Google Duplex ยังอยู่ในช่วงพัฒนา และยังไม่พร้อมให้ใช้งานในเร็ว ๆ นี้

 

4. Smart Display

จากการเปิดตัวของ Google Home ลำโพงอัจฉริยะที่วางจำหน่ายเมื่อปลายปี 2016 ล่าสุด ทาง Google ได้เปิดตัว Smart Display ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นอัปเกรดของ Google Home และสิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือ มีหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายขึ้นมากกว่าการสั่งการด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว ซึ่งรองรับการใช้งาน Video Call ร่วมกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมถึงค้นหาข้อมูลอื่น ๆ ได้อย่างสะดวกมากขึ้น เช่น สภาพอากาศ ผ่านทางหน้าจอของ Smart Display ได้เลย และเมื่อไม่ได้ใช้งาน หน้าจอ Smart Display จะเปลี่ยนเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะ หรือสามารถตั้งค่าให้เป็นกรอบรูปดิจิทัลได้

นอกจากนี้ ทาง Google ยังได้จับมือกับผู้ผลิตชั้นนำของโลก อย่างเช่น JBL, Lenovo, LG และ Sony ในการผลิต Smart Display รุ่นอื่น ๆ ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะได้เห็น Smart Display จากแบรนด์อื่น ๆ ตามมาด้วย โดยทาง Google เผยว่า Smart Display จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคมนี้ แต่ยังไม่ระบุว่าเป็นของแบรนด์ใด

 

5. ร่างหรือเขียนอีเมลบน Gmail ได้เร็วและไวขึ้น

บน Gmail ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Smart Compose ด้วยการนำระบบ AI เข้ามา ทำให้ผู้ใช้สามารถเขียนร่างอีเมลได้ไวขึ้น โดยจะมีการแนะนำคำหรือประโยคที่เหมาะสมกับอีเมลนั้น ๆ หลังจากที่ผู้ใช้ได้ร่างเพียงไม่กี่คำ ซึ่งฟีเจอร์ Smart Compose จะปล่อยให้ใช้งานบน Gmail ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้

 

6. Google Maps เพิ่มฟีเจอร์ใหม่

สำหรับ Google Maps นั้น ได้มีการผสมผสานโลกโซเชียลเข้ามาอย่างเต็มตัว ซึ่งนอกจากจะแสดงแผนที่นำทางแล้ว มีการเพิ่มแท็บใหม่ For You กับการแนะนำสถานที่หรือร้านอาหารใกล้เคียง พร้อมกับมีการให้คะแนนจากลูกค้าที่เข้าไปรับบริการ, บอกระดับราคา และสามารถแชร์ให้เพื่อนได้อีกด้วย

 

7. Google Maps ใช้ AR นำทางแบบ Street View

บน Google Maps ได้มีการนำฟีเจอร์ Street View มาใช้งานร่วมกับ AR ซึ่งนอกจากจะได้ใช้งานเหมือนกับอยู่ในสถานที่นั้น ๆ จริง ๆ แล้ว ยังมีคำแนะนำระหว่างการเดินทางอีกด้วย

 

8. Google Photos

สำหรับ Google Photos บน Android P นั้น มีการเพิ่มฟีเจอร์น่าใช้หลายอย่างด้วยกัน ด้วยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ ทำให้สามารถแยกวัตถุออกจากฉากหลัง พร้อมกับสีของพื้นหลังให้เป็นขาวดำ (โดยที่ตัววัตถุยังคงเป็นไม่เปลี่ยนสี) รวมถึงให้คำแนะนำในการปรับแต่งภาพให้สวยงามขึ้น เช่น การปรับแสง นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสามารถในการสแกนรูปภาพและเอกสาร อย่างเช่น ถ่ายภาพเอกสารแล้วแปลงให้เป็นไฟล์ PDF พร้อมใช้งาน หรือเปลี่ยนรูปภาพแบบขาวดำให้กลายเป็นภาพสี เป็นต้น

 

9. Google News

สำหรับ Google News หรือแอปฯ อ่านฟีดข่าว จะมีการปรับโฉมใหม่ด้วยการนำ AI เข้ามาช่วยจัดการข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่เราสนใจมานำเสนอให้อัตโนมัติอีกด้วย

 

10. Google Lens

สำหรับ Google Lens เป็นฟีเจอร์ที่เคยเปิดตัวมาแล้วก่อนหน้านั้น ซึ่งเป็นบริการที่ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ได้จากภาพถ่าย ด้วยการหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายรูปสถานที่ หรือสิ่งที่น่าสนใจ เพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติมและใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นได้ทันที นอกจากนี้ ยังได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ คัดลอกข้อมูลจากรูปภาพ และสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้สินค้าต่าง ๆ เหล่านั้นได้

 

 

--------------------------------------
ที่มา : phonearena.com , theverge.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 09/05/2018

Android P Google I/O 2018