[iOS Tips] วิธีชาร์จแบต iPhone ให้เต็มเร็ว และปลอดภัย ง่าย ๆ ใน 2 ขั้นตอน

สำหรับ Fast Charging หรือเทคโนโลยีการชาร์จแบตเร็วนั้น ปกติจะเป็นเทคโนโลยีที่อยู่บน มือถือ Android ซึ่งพบได้ทั้งรุ่นระดับกลาง และรุ่นเรือธง กับคุณสมบัติในการชาร์จ 50% ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง แต่สำหรับ iPhone นั้น รุ่นปัจจุบันอย่าง iPhone 7 ยังไม่รองรับเทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งสาวก iPhone ก็ได้หวังแต่ว่า iPhone รุ่นถัดไปอย่าง iPhone 7S จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแล้ว

แต่ถึงแม้ว่า iPhone จะยังไม่รองรับ Fash Charging แต่เราก็สามารถชาร์จ iPhone ให้เต็มเร็วและเต็มไวได้เช่นกัน มาดูกันว่า เทคนิคการชาร์จ iPhone ให้เต็มเร็วนั้น ทำอย่างไรได้บ้าง

1. เปิด Airplane Mode ขณะชาร์จ

การเปิด Airplane Mode นั้น จะเป็นการหยุดการเชื่อมต่อทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Wi-Fi, Bluetooth และสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งจะเป็นการลดการใช้พลังงาน ทำให้ตัวเครื่องชาร์จแบตเต็มได้เร็วขึ้นนั่นเอง ซึ่งวิธีการเปิดใช้งาน Airplane Mode บน iPhone ก็ไม่ยาก เพียงแค่เปิด Control Center ขึ้นมา แล้วแตะที่ไอคอนรูปเครื่องบิน ถ้าหากไอคอนเปลี่ยนเป็นสีสัม นั่นหมายความว่า Airplane Mode ได้เปิดใช้งานแล้ว แต่อย่าลืมปิด Airplane Mode เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้วด้วยนะครับ

2. ใช้ที่ชาร์จของ iPad

การชาร์จ iPhone โดยใช้ที่ชาร์จของ iPad นั้น จะช่วยลดเวลาในการชาร์จลงไปได้มาก เนื่องจาก อะแดปเตอร์ของ iPad จะจ่ายไฟแบบ 12W, 2.1A เทียบกับของ iPhone ที่จ่ายไฟเพียง 5W, 1A มากกว่าเท่าตัว ซึ่ง แอปเปิล เอง ก็ได้ระบุในคู่มือการใช้งาน iPhone ว่า สามารถใช้ร่วมกับอะแดปเตอร์ที่จ่ายไฟขนาด 12W ได้ และมีความปลอดภัย ซึ่งนอกจากจะมี iPhone แล้ว Apple Watch เอง ก็รองรับที่ชาร์จขนาด 12W เช่นเดียวกัน

สำหรับการชาร์จ iPhone 7 Plus ด้วยอะแดปเตอร์ของ iPhone จะใช้เวลาในการชาร์จเต็มที่ราว ๆ 3 ชั่วโมง แต่ถ้าหากเปลี่ยนมาใช้ อะแดปเตอร์ของ iPad ชาร์จ iPhone 7 Plus จะใช้เวลาในการชาร์จเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ลดเวลาในการชาร์จไปได้ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว และที่สำคัญ อะแดปเตอร์ของ iPhone (5W) กับของ iPad (12W) มีราคาเท่ากันที่ 790 บาทอีกด้วย

ปกติแล้ว การใช้ที่ชาร์จ iPad ชาร์จ iPhone ก็ช่วยทำให้แบตเต็มเร็วอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเปิด Airplane Mode ด้วย รับประกันได้เลยว่า iPhone จะชาร์จเต็มเร็วมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

---------------------------------------
ที่มา : 9to5mac.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 13/03/2017

iPhone iOS tips