สำหรับระบบชาร์จเร็วหรือ Fast Charge บน iPhone มีมาตั้งแต่สมัยเปิดตัว iPhone X แล้ว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้การชาร์จไอโฟนจนเต็ม 100% ใช้เวลาน้อยลง แต่สำหรับผู้ใช้ที่รู้สึกว่า iPhone ใช้เวลาในการชาร์จนานเกินไป ทั้ง ๆ ที่ตัวเครื่องรองรับระบบ Fast Charge บางครั้งอาจจะชาร์จผิดวิธี บทความนี้จะมาแนะนำวิธีการชาร์จ iPhone อย่างไรให้เต็มไว และใช้เวลาน้อยลง มาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีไหนบ้าง
1. ใช้สาย Lightning ร่วมกับหัวชาร์จ
ปลั๊กรางที่วางขายในปัจจุบัน บางยี่ห้อจะมีช่อง USB-C หรือ USB-A สำหรับชาร์จโดยไม่ต้องใช้ Adapter หรือผู้ใช้บางคนอาจจะถนัดชาร์จ iPhone กับ MacBook หรือคอมพิวเตอร์ผ่านสาย Lightning ซึ่งวิธีนี้สะดวกต่อการชาร์จก็จริง แต่ไม่ได้ช่วยทำให้ iPhone ชาร์จเต็มเร็วกว่าเดิม โดยวิธีที่ดีที่สุดก็คือ ใช้สาย Lightning ร่วมกับ Adapter
2. เลือกใช้หัวชาร์จที่มีกำลังไฟสูง
การชาร์จ iPhone ให้เต็มไว นอกจากจะต้องใช้สาย Lightning ร่วมกับ Adapter แล้ว จะต้องเลือกใช้ Adapter ที่มีกำลังไฟสูงด้วยเช่นกัน ซึ่ง iPhone รุ่นใหม่ ๆ อย่าง iPhone 12 และ iPhone 13 รองรับการชาร์จไวที่ 20W หรือสูงกว่า แต่ไม่ควรเลือกใช้ร่วมกับ Adapter ที่มีกำลังไฟมากจนเกินไป แม้จะชาร์จได้เต็มเร็วก็จริง แต่เป็นการทำร้ายแบตเตอรี่ทางอ้อม และทำให้แบตเสื่อมไวขึ้น
3. เลี่ยงการชาร์จแบบไร้สาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การชาร์จแบบไร้สายเป็นวิธีชาร์จที่สะดวกมาก อีกทั้งไม่มีสายวางเกะกะกวนใจ แต่การชาร์จแบบไร้สาย ปกติแล้วจะใช้เวลาในการชาร์จนานกว่าการชาร์จแบบมีสาย แม้จะเป็นการชาร์จด้วย MagSafe ของ Apple เองก็ตาม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ใช้งานด้วยเช่นกัน
4. ชาร์จในอุณหภูมิปกติ
iPhone ฉลาดมากพอที่จะรู้ว่า บริเวณที่ตัวเครื่องวางอยู่มีอุณหภูมิสูงเกินไปหรือไม่ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ตัวเครื่องร้อนมากเกินไป การชาร์จจะใช้เวลานานขึ้นหรือหยุดชาร์จไปเลย ฉะนั้น ควรทำการชาร์จ iPhone ในห้องที่มีอุณหภูมิปกติ และไม่ควรชาร์จไปและใช้งานไปในเวลาเดียวกัน
5. ปิดใช้งานฟีเจอร์การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่
สำหรับฟีเจอร์ Optimized Battery Charging หรือการชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่ เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่งจะเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จของผู้ใช้ และเมื่อ iPhone มีระดับพลังงานแบตเตอรี่แตะที่ 80% ก็จะเริ่มทำการชาร์จอย่างช้า ๆ จนกว่าจะเต็ม 100% ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการช่วยถนอมแบตเตอรี่อีกทางหนึ่ง แต่ในทางตรงกันข้ามก็คือ iPhone จะชาร์จได้ช้าลง
โดยผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์ดังกล่าวได้ถ้าหากมีความจำเป็นต้องชาร์จแบตให้เต็มไว ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Battery, Battery Health > ปิด Optimized Battery Charging
ทั้งนี้ เพื่อยืดอายุของแบตเตอรี่ ควรจะต้องเปิดฟีเจอร์ Optimized Battery Charging เอาไว้ และปิดใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น
6. หลีกเลี่ยงการใช้ iPhone ในขณะชาร์จ
การหลีกเลี่ยงการใช้งาน iPhone ในขณะที่กำลังชาร์จ นอกจากจะช่วยทำให้ชาร์จได้เร็วขึ้นแล้ว ยังเป็นการถนอมแบตเตอรี่อีกวิธีหนึ่งด้วย
7. เปิด Airplane Mode
เมื่อเปิดใช้งาน Airplane Mode จะเป็นการตัดการเชื่อมต่อเครือข่ายทั้ง Cellular รวมถึง Wi-Fi และ Bluetooth ซึ่งปกติแล้ว การเชื่อมต่อ Cellular จะใช้พลังงานค่อนข้างมากเพื่อค้นหาสัญญาณที่ดีที่สุด ฉะนั้น การเปิด Airplane Mode เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ชาร์จได้ไวขึ้น และเปิดใช้งานอีกครั้งเมื่อ iPhone ถูกชาร์จจนเต็มแล้ว
8. เปิด Low Power Mode
Low Power Mode เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ ด้วยการลดกิจกรรมที่ต้องประมวลผลแบบเบื้องหลัง (Background Mode) และทำให้แบตเตอรี่ชาร์จได้ไวขึ้น แต่ทั้งนี้สิ่งที่ผู้ใช้จะต้องทราบก็คือ การเปิด Low Power Mode จะเป็นการหยุดกิจกรรมการทำงานแบบเบื้องหลัง ทำให้ไม่ได้รับการแจ้งเตือนบางอย่าง เช่น อีเมล หรือข้อความสำคัญ ๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถปิดโหมดดังกล่าวได้เมื่อแบตเตอรี่ชาร์จจนเต็ม
-------------------------------------
ที่มา : idropnews.com
เรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 23/11/2021
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |