จริงอยู่ที่การหลีกเลี่ยงสายชาร์จ Lightning ของปลอม ก็คือ การสั่งซื้อจาก Apple Store หรือผ่านทางตัวแทนของ Apple โดยตรง แต่ด้วยราคาค่าตัวที่เริ่มต้นที่ 790 บาท ทำให้มีผู้ใช้หลายท่านเลือกที่จะซื้อสาย Lighting จากผู้ผลิตรายอื่นเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า แต่ทราบกันหรือไม่ว่า สายชาร์จ Lightning ของปลอมนั้น อาจแฝงมาด้วยปัญหาต่าง ๆ มากมาย เช่น ชาร์จไฟไม่เข้า, ใช้งานไม่ได้ ทำให้ตัวเครื่องเกิดความเสียหาย และอาจร้ายแรงถึงขั้นระเบิดได้เลยทีเดียว
โดยในวันนี้ ทีมงาน techmoblog จะมาแนะนำวิธีการสังเกตสายชาร์จ Lightning ของแท้ แตกต่างจากของปลอมตรงไหนบ้าง หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยเห็นโฆษณาบางร้านขายสาย Lightning ที่อ้างว่า เป็นของแท้ที่มาจากโรงงานผลิตโดยตรง ซึ่งจะแท้จริงตามคำโฆษณาหรือไม่นั้น ถ้าไม่อยากเสียรู้พ่อค้าแม่ค้า มาหาคำตอบกันได้ที่บทความนี้
วิธีการสังเกตสายชาร์จ Lightning ของแท้ vs ของปลอม
เริ่มกันที่บรรจุภัณฑ์กันก่อน ซึ่งถ้าหากเป็นสาย Lightning จากผู้ผลิตอื่นที่ผ่านการรับรองจาก Apple จะต้องมีโลโก้ MFi (ตามภาพ) บนบรรจุภัณฑ์
ตัวสาย Lightning จะต้องมีข้อความ "Designed by Apple in California" กับ "Assembled in China", "Assembled in Vietnam" หรือ "Indústria Brasileira" บนสาย ห่างจากหัวต่อ USB ประมาณ 7 นิ้ว พร้อมกับหมายเลขประจำสินค้า 12 หลักท้ายข้อความนี้ ส่วนสาย Lightning ของบริษัทอื่นที่ผ่านการรับรองส่วนใหญ่จะมีตราผลิตภัณฑ์ของบริษัทอยู่ที่ส่วนปลายขั้วต่อ Lightning
สำหรับปลายขั้วต่อ USB มีวิธีการสังเกตดังนี้
(ซ้าย) ของแท้ vs (ขวา) ของปลอม
ส่วนปลายขั้วต่อ Lightning มีวิธีการสังเกตดังนี้
(ซ้าย) ของแท้ vs (ขวา) ของปลอม
การใช้สาย Lightning ที่ไม่ได้มาตรฐาน แม้จะมีราคาที่ถูกกว่า แต่อาจจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมา ยกตัวอย่างเช่น ทำให้อุปกรณ์เสียหาย, ตัวสายเสียหายได้ง่าย, ปลายขั้วต่ออาจหลุดออก มีความร้อนสูง รวมถึงไม่สามารถซิงก์หรือชาร์จอุปกรณ์ได้ ทางป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ เลือกซื้อสาย Lightning ที่ได้มาตรฐาน ทั้งจาก Apple Store, ผ่านทางตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรองและเชื่อถือได้ หรือซื้อกับแบรนด์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพจาก Apple อย่างเช่น Belkin หรือ Anker เป็นต้น
--------------------------------------
ที่มา : cultofmac.com , apple.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 21/02/2018
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |