หลายๆ ท่านที่ใช้ มือถือแอนดรอยด์ รวมไปถึง แท็บเล็ตที่รัน Android คงจะเกิดข้อสงสัยกันอย่างแน่นอนครับว่า เพราะเหตุใด เมื่อใช้ไปนานๆ การประมวลผลถึงทำได้ค่อนข้างช้า บางทีก็เกิดอาการหน่วง แฮงค์ ไม่เหมือนกับตอนที่เปิดใช้งานใหม่ๆ นั่นเป็นเพราะว่า บนระบบปฏิบัติการ Android นั้น แอปพลิเคชันที่ถูกเปิดใช้งาน จะมีการทำงานแบบเบื้องหลัง หรือ Background Mode ซึ่งการทำงานแบบนี้ ไม่ใช่เป็นการปิดการทำงานของแอปฯ นั้นแบบถาวร แต่เป็นการพักการทำงานเอาไว้ ซึ่งจะมีการกินพื้นที่ของ RAM ส่วนหนึ่งนั่นเอง
โดยการทำงานแบบ Multi-tasking บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้น หลายๆ ท่านมักจะคิดว่า การปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้ ก็คือ การกดปุ่ม Home เพื่อปิด แต่จริงๆ แล้ว เป็นการพักการทำงานให้อยู่ในโหมด Background Mode นั่นเอง ซึ่งถ้าหากมีการเปิด แอปพลิเคชัน ทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก แน่นอนครับว่า จะมีการกินทรัพยากรของตัวเครื่อง นั่นก็คือ RAM เมื่อ RAM เหลือน้อย การประมวลผลก็สามารถทำได้ช้า จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ ตัวเครื่องเกิดอาการหน่วง กระตุก และสร้างความหงุดหงิดในการใช้งานได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
และในวันนี้ ทีมงาน techmoblog มีเคล็ดลับดีๆ ในการเพิ่มความเร็วในการประมวลผล ให้กับ มือถือ Android รวมไปถึง แท็บเล็ต ด้วย มาดูกันครับว่า วิธีการเพิ่มความเร็วให้กับ มือถือแอนดรอยด์ มีอะไรกันบ้าง
หมั่นอัพเดทบ่อยๆ
คำว่า อัพเดท ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง ตัวแอปพลิเคชันเพียงอย่างเดียวนะครับ แต่รวมถึง เฟิร์มแวร์ ด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกครั้งที่มีการอัพเดท จะเป็นการแก้ไขจุดบอด หรือบั๊ก ที่เกิดจากเวอร์ชันเก่า ทำให้ตัวเครื่องประมวลผลได้ดีขึ้นนั่นเอง
ลบแอปฯ ที่ไม่ได้ใช้
การลบแอปพลิเคชัน ไม่ได้หมายถึง การปิดแอปฯ แบบกดปุ่ม Home นะครับ แต่หมายถึงการ Kill Task ลบแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้งานออกไป เพื่อเป็นการเพิ่ม RAM ให้กับตัวเครื่องนั่นเอง นอกจากนี้ แอปพลิเคชันใดที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ควรจะทำการ Uninstall ออกไปครับ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่ม RAM แล้ว ยังช่วยเพิ่มความจุภายในตัวเครื่องอีกด้วย
ลดการใช้ Widget หรือ Wallpaper แบบเคลื่อนไหว
จริงอยู่ที่ มือถือแอนดรอยด์ สามารถปรับแต่งหน้า Homescreen ได้ตามใจ มี Widget และ Wallpaper ให้เลือกใช้มากมาย แต่ทราบหรือไม่ครับว่า บางที Widget ก็คือปัญหาสำคัญที่ทำให้ตัวเครื่องช้าลง เนื่องจากต้องอัพเดทตลอดเวลา ควรจะเลือกใช้ Widget ที่จำเป็นต้องใช้งานจริงๆ นอกจากนี้ Wallpaper ควรเปลี่ยนมาใช้แบบภาพนิ่ง แทนภาพเคลื่อนไหว โดยวิธีนี้ นอกจากจะไม่กินทรัพยากรของตัวเครื่องแล้ว ยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่อีกด้วยครับ
ลบ Cache ทิ้งไป
Cache คือหน่วยความจำรูปแบบหนึ่ง ที่มีหน้าที่เก็บข้อมูลที่ถูกเปิดใช้งานบ่อยๆ ทำให้สามารถค้นหาได้เร็ว และไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดข้อมูลเหล่านั้นบ่อยๆ ซึ่ง Cache มีประโยชน์ก็จริงครับ แต่เมื่อมีการสะสมไว้เป็นปริมาณมากๆ นอกจากจะทำให้ตัวเครื่องเต็มเร็วแล้ว ยังทำให้ประมวลผลได้ช้าลงด้วย ซึ่งการลบ Cache ทิ้งไป จะเป็นการช่วยเพิ่มความเร็วได้อีกวิธีหนึ่ง
อย่าตั้งค่าแอปพลิเคชันให้มีการ sync ข้อมูลตลอดเวลา
จริงอยู่ที่การ รีเฟรชข้อมูล แบบอัตโนมัติ ทำให้เราสามารถรับรู้ข่าวสารที่อัพเดทตลอดเวลา แต่จำเป็นหรือไม่ที่เราจะต้องตั้งค่า สมาร์ทโฟน ให้มีการ sync ข้อมูลแบบ Real-time ยกตัวอย่างเช่น อีเมล ควรจะตั้งค่า รีเฟรชแบบ manual มากกว่าที่จะให้ รีเฟรชทุกๆ 5 นาที หรือ 10 นาทีครับ เพราะอย่างน้อย วิธีนี้ก็ช่วยเพิ่มความเร็วให้กับตัวเครื่องได้เช่นกัน
การ ROOT เครื่อง
สำหรับผู้ใช้ มือถือแอนดรอยด์ คงจะคุ้นหูกับคำว่า ROOT เครื่องกันอยู่แล้วอย่างแน่นอน แต่การ ROOT เครื่องนี้ เหมาะกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการ ROOT จริงๆ เพราะถ้าหากผิดพลาด อาจทำให้ตัวเครื่องพังได้ อีกทั้งการ ROOT เครื่อง จะทำให้ตัวเครื่องหมดประกันทันทีครับ ฉะนั้น วิธีนี้ เหมาะกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ส่วนผู้ใช้ทั่วไป ไม่แนะนำให้ ROOT นะครับ
Factory Reset
ถ้าหากวิธีข้างต้น ยังไม่ช่วยทำให้ตัวเครื่องเร็วขึ้นได้ วิธีสุดท้ายก็คือ Factory Reset หรือการตั้งค่าคืนจากโรงงาน ซึ่งจะทำให้ มือถือเป็นเครื่องใหม่เหมือนกับตอนที่ซื้อมาตั้งแต่ตอนแรก และเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดอีกด้วย แต่มีข้อแม้ว่า ก่อนที่จะทำการ Factory Reset จำเป็นจะต้อง back up ข้อมูลที่มีอยู่ในตัวเครื่องเสียก่อน อย่างเช่น รูปภาพ, คลิปวีดีโอ, รายชื่อผู้ติดต่อ เพราะการ Factory Reset คือการลบข้อมูลทั้งหมดที่มีในตัวเครื่องนั่นเอง
โดยวิธีการข้างต้นนี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มความเร็วให้กับตัวเครื่องแล้ว ยังช่วยทำให้ประหยัดแบตเตอรี่อีกด้วยครับ
---------------------------------------
ข้อมูลโดย : techmoblog.com
Update : 26/03/2015
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |