“เน็ตรั่ว(EDGE รั่ว)” คืออะไร?
อาการของคนที่ “เน็ตรั่ว” หรือ “EDGE รั่ว” นั้นจะ
มีอาการในช่วงปลายเดือนครับ เมื่อพบเจอกับ บิลค่าโทรศัพท์มือถือ ที่มียอดค่าใช้จ่ายที่มากมาย…เห็นแล้วต้องหน้ามืด และที่ค่าใช้จ่ายนั้น ดันเป็น ค่าบริการอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือซะอีก แต่เราไม่ได้เล่นเน็ตบน มือถือเลยนะ แล้วค่าเน็ตนี้มันมายังไง……….
สาเหตุก็คือ โทรศัพท์ของเรามันต่อ internet ซะเองน่ะสิครับ ด้วยเหตุนี้เราจึงเรียกอาการนี้ว่า
เน็ตรั่ว(EDGE รั่ว)นั่นเองครับหรือจะเรียกอีกแบบว่า
“EDGE รั่ว” ก็ไม่ว่ากัน เพราะมือถือนั้น internet ผ่านสัญญาณ EDGE, GPRS (หรือ 3G ในบางรุ่นของโทรศัพท์) แล้วการแก้ไขปัญหา “เน็ตรั่ว” หรือ “EDGE รั่ว” นั้นต้องทำยังไงดีละเนี่ย?
สำหรับกรณีผู้ที่ใช้
iPhone จะเป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่พบปัญหา “เน็ตรั่ว” หรือ “EDGE รั่ว” ได้บ่อยที่สุดครับ เนื่องจาก
iPhone เป็นโทรศัพท์ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อกับ internet ตลอดเวลา เพื่อให้ผู้ใช้
iPhone สามารถรับข้อมูลข่าวสารจาก internet ได้อย่างรวดเร็วและทันที เช่น มีคนส่ง e-mail ให้เรา ด้วยการที่
iPhone มีการเชื่อมต่อ internet ตลอดเวลา จึงทำให้เราได้รับ e-mail อย่างรวดเร็ว เกือบจะทันทีทันใดเลยครับ จะแตกต่างการที่เราเลือกเปิดปิด internet ครับ เราจะรู้ว่ามีเมล์ใหม่ก็ต่อเมื่อเราเปิด internet เท่านั้น และเช่นเดียวกันด้วยรูปแบบเดียวกันนี้ยังมีใน โปรแกรมอื่นๆใน
iPhone ด้วยครับ เช่น facebook, twitter ซึ่งต้องการความรวดเร็วของการรับข้อมูลข่าวสารครับ
แต่ถ้าผู้ใช้ iPhone เลือกที่จะ เปิด-ปิด internet ใน iPhone เองล่ะจะทำยังไงดี
สำหรับ iPhone มี 3 วิธีสำหรับการ เปิด-ปิด internet หรือที่เรียกกันว่า “ปิด Edge”ครับ
- อัพเดท iOS 4.0 เพื่อปิด EDGE : การอัพเดท iOS 4.0 ก็คือ การปรับปรุงเวอร์ชั่น ระบบปฏิบัติการโดยวิธีการอัพเดท ดูที่นี่ครับ เมื่ออัพเดทแล้ว รีสตาร์ทเครื่องแล้วเข้าที่ Setting จะได้หน้าตาตามรูปซ้ายครับ เลือก Network และปรับ Cellular Data เป็น Off ตามรูปขวาครับ แค่นี้ iPhone ของเราก็จะปิด Edge แล้วครับ iPhone จะไม่มีการส่ง-รับข้อมูลกับ internet หรือ เน็ตรั่ว(EDGE รั่ว)แล้วครับ
- ใช้ App เพื่อปิด EDGE : สำหรับเครื่อง iPhone 2G หรือ iPhone รุ่นแรก นั้นจะไม่ได้สามารถลง iOS 4 ได้ต้องใช้วิธีการ JailBreak และลงโปรแกรม(App) SBsetting แทนครับ (กรณี iPhone 3G / iPhone 3Gs ที่ไม่อยากลง iOS 4 ก็ใช้วิธีได้ครับ) หลังจาก JailBreak แล้วก็ลง App ที่ชื่อว่า SBsetting ครับ(สำหรือมือใหม่ที่หัด JailBreak ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะครับ การ JailBreak มีผลข้างเคียงไม่น้อยครับ หลังจากลง SBsetting แล้ว เราจะได้โปรแกรมที่มีความสามารถในการเปิด-ปิด 3G/EDGE และ Wifi, Bluetooth ด้วยครับ
- แจ้ง Call Center เพื่อปิดบริการข้อมูล : ทั้งสองวิธีข้างต้น เป็นการ “เปิด” และ “ปิด” internet ได้ตามความสะดวกของผู้ใช้ครับ แต่ถ้าคุณเป็นผู้ใช้ iPhone ที่มั่นใจว่าจะไม่ใช้งาน internet อย่างแน่นอน ไม่ใช้ e-mail ไม่เปิดเว็บไซต์ ไม่เล่น facebook, twitter ล่ะก็ วิธีที่น่าสนใจอีกวิธีก็คือ การโทรไปที่ Call Center ของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของคุณ ให้ทำการ “ปิด” EDGE ของ iPhone ของคุณก็ได้ครับ วิธีนี้ ก็จะไม่ต้องใช้ความรู้เทคนิคอะไรให้ปวดหัวแต่อย่างใดครับ
โทรศัพท์
BlackBerry ก็เป็นโทรศัพท์ Smart Phone อีกตัว ที่มีการ
เชื่อมต่อ internet ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะ BlackBerry Instant Messenger หรือที่เราเรียกกันว่า BBM ที่ใช้สำหรับ
แชทคุยกับเพื่อนๆนั้นใช้การเชื่อมต่อผ่าน EDGE ครับ ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าเราปิด EDGE เพื่อไม่ใช้ internet เจ้าโทรศัพท์
BlackBerry ของเราก็จะพลอยใช้ BBM ไม่ได้ จะแชทกับใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นทางเลือกในการปิด EDGE ใน BlackBerry จึงไม่เหมาะซะแล้วสิครับ
ทางเลือกของผู้ใช้
BlackBerry ก็คือ ต้องทำความเข้าใจกับ โปรโมชั่น internet ที่ผู้ให้บริการแต่ละรายมีให้เราเลือกครับ เช่น โปรโมชั่นอินเตอร์เน็ต 350 บาท/เดือน ใช้งาน BBM, e-mail, facebook หมายความว่า เราใช้งานได้แค่ แชทคุยกับเพื่อน ใช้งานรับส่ง e-mail และเล่น facebook (ผ่าน app facebook บน BlackBerry)
ข้อควรระวัง
ต้อง
ระวังการกดลิงค์ที่อยู่ในอีเมล์ ลิงค์ที่มาจากข้อความที่เพื่อนส่งให้ใน BBM หรือจะเป็น ลิงค์ที่อยู่ใน facebook ….
ลิงค์ต่างๆเหล่านี้จะเปิด เว็บไซต์ขึ้นมาครับ บางครั้งเพื่อนเราก็ใจดีส่งเมล์ที่มี ลิงค์ไปดูคลิปวีดีโอตลกๆในเว็บต่างๆ ซึ่ง
การเปิดเว็บไซต์เหล่านี้…. เสียเงินนะครับ เนื่องจากไม่นับว่าเป็นการให้บริการ e-mail หรือ facebook ผู้ให้บริการจะคิดเงินค่าใช้บริการการเปิดเว็บไซต์ ตามจำนวนข้อมูลหรือตามระยะเวลาที่เปิดใช้งานตามแต่ตกลงในโปรโมชั่นนั้นๆครับ
ที่จะพูดถึงเป็นตัวสุดท้ายก็จะเป็น Smart Phone ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งครับ มันก็คือโทรศัพท์ตระกูล
Android ครับ ใครที่ไม่รู้จัก Android ลองอ่านบทความ
"Android คืออะไร" ก่อนครับ โทรศัพท์
Android Phone ก็จะมีรูปแบบให้บริการที่ต้องการเชื่อมต่อ Internet ตลอดเวลาเช่นกันครับ
Android Phone จะมีความคล้ายคลึงกับ iPhone มากครับ วิธีการ “ปิด” internet ก็คล้ายกันคือ
- ใช้ App ปิด EDGE : ทำการ root ตัวเครื่อง Android Phone และลง App ที่ชื่อว่า APNdroid เราก็จะสามารถเปิดปิดสัญญาณ EDGE/3G ซึ่งจะทำให้หายจากอาการเน็ตรั่ว(EDGE รั่ว) สามารถควบคุมระยะเวลาและปริมาณข้อมูลการใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ไม่ยากครับ (การ root ตัวเครื่อง Android Phone ก็คล้ายๆกับการ JailBreak iPhone ครับ เราต้อง root เครื่อง Android Phone เพื่อใช้สิทธิทางการรักษาความปลอดภัยตัวเครื่องที่สูงขึ้น แต่ต้องระวังเนื่องจากการ root ตัวเครื่องจะทำให้หมดประกันได้ครับ)
- Android Phone บางเครื่องเช่น Wellcom A88 จะมีเมนูสำหรับ การปิด-เปิดใช้งานข้อมูล ก็จะมีผลเหมือนกับ iPhone iOS 4 ปิด Cellular Data ครับ
- แจ้ง Call Center เพื่อปิดบริการข้อมูล : โทรไปยัง Call Center ของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น AIS, DTAC, TrueMove เพื่อขอปิดบริการข้อมูลครับ ด้วยวิธีง่ายๆนี้ เราจะไม่ต้องปวดหัวในเรื่องทางเทคนิคครับ แต่ข้อเสียก็คือ มันเป็นการ “ปิด” internet แบบกึ่งถาวรครับ จะ “เปิด” internet เพื่อใช้ก็ต้องโทรไปแจ้ง Call Center ครับ.. จะเปิด-ปิด ต้องคิดให้ดีครับ
อย่างไรก็ตาม ตามการออกแบบเครื่องโทรศัพท์
Smart Phone ของทั้งสามค่ายดังนั้น ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อกับ internet ตลอดเวลานะครับ เพื่อประสบการณ์การใช้งาน Smart Phone อย่างได้อรรถรส
เพื่อนๆอาจลองพิจารณาดูโปรโมชั่น internet แบบไม่จำกัดของแต่ละค่ายมือถือดูนะครับ นอกจากจะทำให้การใช้งาน Smart Phone
สนุกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว
ยังเป็นการแก้ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย จากเน็ตรั่ว(EDGE รั่ว)ที่ได้ผลเด็ดขาดเลยครับ.
Update : 06/07/2010
Mobile Phone
Blackberry
iPhone
Android
Article
Android Phone
EDGE
เน็ต รั่ว
EDGE รั่ว