ถ้าหากพูดถึงแบรนด์ Huawei นอกเหนือจากสมาร์ทโฟนรุ่นยอดนิยมอย่าง HUAWEI Mate 20-Series หรือ HUAWEI P30-Series แล้ว ในส่วนของสมาร์ทวอชเอง ก็ได้รับความสนใจไม่น้อยเช่นกัน โดยในงาน Thailand Mobile Expo 2019 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทาง Huawei ได้เปิดตัว HUAWEI WATCH GT สมาร์ทวอชดีไซน์สวย แบตอึด ในราคาสุดประหยัด ซึ่งมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ Sport Edition และ Classic Edition ที่เรียกได้ว่า ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดีเลยก็ว่าได้ และล่าสุด HUAWEI WATCH GT ซีรี่ส์นี้ ได้เปิดตัวเพิ่มอีก 2 รุ่น นั่นก็คือ Active Edition และ Elegant Edition ซึ่งเป็นรุ่นที่ทีมงานจะนำมารีวิวกันในวันนี้นั่นเอง
สำหรับ HUAWEI WATCH GT รุ่น Active Edition นั้น มาพร้อมกับตัวเรือนขนาด 46 มม. หน้าจอแบบสัมผัส AMOLED HD ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล เช่นเดียวกับรุ่น Sport Edition และ Classic Edition ส่วนรุ่น Elegant Edition จะมาพร้อมกับตัวเรือนขนาด 42 มม. หน้าจอแบบสัมผัส ขนาด 1.2 นิ้ว แบบ AMOLED HD ความละเอียด 390 x 390 พิกเซล ด้วยขนาดหน้าปัดที่เล็กกว่า จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทวอชหน้าปัดเล็ก หรือเป็นคนข้อมือเล็ก
นอกเหนือจากดีไซน์แล้ว จุดขายหลัก ๆ ของ HUAWEI WATCH GT นั่นก็คือ แบตเตอรี่ โดยรุ่น Active Edition จะรองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 2 สัปดาห์สำหรับการใช้งานแบบทั่วไป ส่วนรุ่น Elegant Edition จะรองรับการใช้งานได้ราว ๆ 1 สัปดาห์ และถ้าหากใช้งานในรูปแบบนาฬิกาทั่วไป จะใช้ได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุดถึง 30 วันเลยทีเดียว
ในด้านการออกกำลังกายนั้น ทั้ง HUAWEI WATCH GT รุ่น Active Edition และ Elegant Edition จะรองรับการติดตามการออกกำลังกายทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง เช่นเดียวกับรุ่น Sport Edition และ Classic Edition อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามา ก็คือ โหมดไตรกีฬา (Triathlon) ซึ่งรองรับกีฬา 3 ประเภท ได้แก่ ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยานกลางแจ้ง และวิ่งกลางแจ้ง ส่วนใครที่ใช้รุ่นเดิมอยู่ก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะจะได้รับฟีเจอร์โหมดไตรกีฬาผ่านการอัปเดตซอฟท์แวร์
นอกจากนี้ HUAWEI WATCH GT ยังสามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านทางเทคโนโลยี HUAWEI TruSeen 3.0, เทคโนโลยี TruSleep 2.0 ติดตามการนอนหลับ, มี GPS ในตัว ด้วย 3 สัญญาณดาวเทียม (GPS, GLONASS, GALILEO) รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทั้ง iPhone และมือถือ Android ที่สามารถแจ้งเตือนเมื่อมีสายเข้าหรือมีข้อความเข้าได้
เรียกได้ว่า แค่คุณสมบัติเบื้องต้น ก็ทำให้ HUAWEI WATCH GT รุ่นนี้ มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งในวันนี้ เราจะมาทดสอบให้ชมกันว่า HUAWEI WATCH GT สมาร์ทวอชราคาย่อมเยารุ่นนี้ สามารถทำอะไรได้บ้าง และการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร กับรีวิว HUAWEI WATCH GT โดยทีมงาน techmoblog.com
สำหรับดีไซน์ของ HUAWEI WATCH GT เป็นแบบหน้าปัดทรงกลมเหมือนนาฬิกาข้อมือทั่ว ๆ ไป ซึ่งรุ่น Active Edition (ซ้าย) มาพร้อมตัวเรือนขนาด 46 มม. และหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส ขนาด 1.39 นิ้ว แบบ AMOLED HD ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ส่วนรุ่น Elegant Edition (ขวา) จะเป็นตัวเรือนขนาด 42 มม. และหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส ขนาด 1.2 นิ้ว แบบ AMOLED HD ความละเอียด 390 x 390 พิกเซล
โดยตัวเรือนเป็นวัสดุเซรามิก พร้อมกรอบสแตนเลสและเคลือบด้วยวัสดุ DLC Diamond Carbon ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง, ทนทาน และช่วยป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนหรือรอยขนแมวต่าง ๆ
ด้านข้างตัวเครื่องจะเป็นเม็ดมะยมสำหรับควบคุมการทำงานต่าง ๆ ซึ่งปุ่มบนจะเข้าสู่การตั้งค่าใช้งานทั่ว ๆ ไป เช่น เปิดไฟฉาย, ดูสภาพอากาศ, นาฬิกาจับเวลา, การแจ้งเตือน, ตั้งค่าการแสดงผล และอื่น ๆ แต่ถ้าหากกดค้างไว้ จะเข้าสู่โหมดเปิด-ปิด-รีสตาร์ทตัวเครื่อง ส่วนปุ่มล่างจะเป็นปุ่มลัดสำหรับเข้าสู่การออกกำลังกายในรูปแบบต่าง ๆ
ส่วนด้านหลังตัวเครื่อง เป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคอล (Optical Heart Rate Sensor) ซึ่งจะปรากฏไฟสีเขียวเมื่อมีการทำงาน ส่วน 2 จุดนั้นบนและล่าง คือตำแหน่งสำหรับชาร์จแบตเตอรี่
สำหรับวิธีการถอดเปลี่ยนสายนาฬิกา ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตนเอง แค่สไลด์ปุ่มที่อยู่ตรงสายนาฬิกา เพียงแค่นี้สายนาฬิกาก็จะหลุดออก แล้วสามารถนำสายใหม่ใส่กลับเข้าไปได้เลยทันที
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในชุดจำหน่ายมาตรฐาน ประกอบด้วย แท่นชาร์จพร้อมสายชาร์จแบบ USB-C ซึ่งวิธีการชาร์จก็คือ ให้วาง HUAWEI WATCH GT ลงไปที่แท่นชาร์จ ถ้าหากวางในตำแหน่งที่ถูกต้องจะดูดติดกับตัวเครื่องทันที นอกจากนี้ ยังมีใบรับประกัน และคู่มือการใช้งานมาให้ในกล่องเช่นกัน
โดยแบตเตอรี่นั้น ถือว่าเป็นจุดขายหลัก ๆ ของ HUAWEI WATCH GT เลยก็ว่าได้ ซึ่งรุ่น Active Edition จะรองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 2 สัปดาห์สำหรับการใช้งานแบบทั่วไป ส่วนรุ่น Elegant Edition จะรองรับการใช้งานได้ราว ๆ 1 สัปดาห์ และถ้าหากใช้งานในรูปแบบนาฬิกาทั่วไป จะใช้ได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุดถึง 30 วันเลยทีเดียว
ก่อนจะเริ่มใช้งาน HUAWEI WATCH GT ผู้ใช้จะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Huawei Health มาใช้งานเสียก่อน โดยรองรับทั้งบน iPhone และมือถือ Android แต่ถ้าหากใช้งานมือถือ Huawei อยู่แล้ว แอปพลิเคชันดังกล่าวจะถูกติดตั้งไว้ในตัวเครื่อง ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดใหม่ และหลังจากที่ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน Huawei Health เรียบร้อยแล้ว ให้จับคู่ HUAWEI WATCH GT กับสมาร์ทโฟนเพื่อเริ่มใช้งาน
สำหรับแอปพลิเคชัน Huawei Health จะรวบรวมข้อมูลสถิติด้านการออกกำลังกายในแต่ละวันและแสดงผลในแอปฯ ซึ่งผู้ใช้สามารถดูข้อมูลได้ละเอียดขึ้น ในรูปแบบของกราฟ รวมถึงข้อมูลที่ได้จากการวัดอัตราการเต้นของหัวใจว่า อยู่ในระดับเกินเกณฑ์ที่ตั้งค่าไว้หรือไม่ พร้อมกับแจ้งเตือนในกรณีที่หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
ส่วนการนอนหลับ มาพร้อมกับฟังก์ชัน HUAWEI TruSleep 2.0 ในการตรวจสอบคุณภาพระหว่างนอนหลับ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นรายละเอียดแบบ Real-time และเป็นข้อมูลเดียวกันกับที่ปรากฏบน HUAWEI WATCH GT นั่นเอง นอกจากนี้ ยังสามารถอัปเดตเฟิร์มแวร์ใหม่ ๆ ได้ผ่านทางแอปฯ Huawei Health อีกด้วย
เมื่อทำการเชื่อมต่อ HUAWEI WATCH GT เรียบร้อยแล้ว มาดูกันดีกว่าว่า บน HUAWEI WATCH GT มีฟังก์ชันการใช้งานอะไรบ้าง
การปัดจากด้านบนลงล่าง จะเป็นการเข้าสู่ฟังก์ชันลัดต่าง ๆ ซึ่งได้แก่
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงข้อมูลปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือ, การเชื่อมต่อ Bluetooth และวันที่ในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน
ส่วนการปัดจากด้านล่างขึ้นด้านบน จะเข้าสู่เมนูการแจ้งเตือน (Notification) ซึ่งจะแสดงการแจ้งเตือนจากแอปฯ Messages, Facebook, LINE หรือสายที่ไม่ได้รับ เป็นต้น
เมนูการตั้งค่า (Settings) สามารถเลือกเปลี่ยนรูปแบบของหน้าปัด (Watch Face), ความสว่าง, เปิดใช้งานโหมด Do Not Disturb, System (Restart, Power Off, Reset) และข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับ HUAWEI WATCH GT
Watch Face สามารถเลือกเปลี่ยนได้หลายรูปแบบตามลักษณะการใช้งาน ซึ่งได้แก่ Energy, Energy Green, Simple Tech, Dark Blue, Classic, Three Needles, Exercise Rings, Explorer, Outdoors, Weather, Heart Rate, Dashboard, Elegant และ 24-Hour Time
เนื่องจาก HUAWEI WATCH GT เป็นสมาร์ทวอชที่เน้นใช้งานด้านการออกกำลังกายเป็นหลัก จึงรองรับฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ทั้งการวิ่ง (ในที่ร่มและกลางแจ้ง), การเดินกลางแจ้ง, การปีนเขา, การปั่นจักรยาน, การว่ายน้ำ และฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา นั่นก็คือ โหมดไตรกีฬา (Triathlon) โดยในขณะใช้งาน จะมีการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมกับเก็บข้อมูลให้ด้วยเช่นกัน
ส่วนระบบ GPS นั้น ถือว่ามีความแม่นยำ ไม่มีหลุด ประมวลผลและบันทึกข้อมูลแบบ Real-time ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากใช้ระบบ GPS ทั้งหมด 3 กลุ่ม นั่นก็คือ GPS, GLONASS และ GALILEO
Activity Records บันทึกข้อมูลการออกกำลังกายในแต่ละวัน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ จะถูกส่งไปยังแอปฯ Huawei Health เพื่อบันทึกเป็นสถิติแบบรายวัน, รายสัปดาห์, รายเดือน หรือรายปี ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดสรรการใช้เวลาในการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสุขภาพร่างกายได้
Find My Phone ฟีเจอร์สำหรับค้นหาสมาร์ทโฟนที่ทำการเชื่อมต่อกับ HUAWEI WATCH GT ในกรณีที่หาสมาร์ทโฟนดังกล่าวไม่เจอ ถ้าหากกดปุ่มนี้จะทำให้สมาร์ทโฟนส่งเสียงออกมา
HUAWEI WATCH GT มาพร้อมกับเทคโนโลยี HUAWEI TruSeen 3.0 ตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจทั้งในขณะที่เคลื่อนไหวและนอนหลับ ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการไหลเวียนของโลหิตด้วยแสง (PPG Optical) รวมไปถึงฮาร์ดแวร์และอัลกอริธึมอัจฉริยะเพื่อตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ได้อย่างแม่นยำ พร้อมกับตรวจสอบและแจ้งเตือนอัตราการเต้นหัวใจไม่ให้สูงเกินกว่าค่าที่กำหนด เพื่อให้ผู้ใช้ประเมินตนเองว่าควรจะออกกำลังกายต่อ หรือว่าหยุดพัก
มีไฟฉายในตัว ด้วยการเปลี่ยนหน้าจอแสดงผลให้เป็นแสงสีขาว ซึ่งจากการทดสอบในที่มืด ถือว่าให้แสงสว่างพอสมควร
ในกรณีที่มีสายเรียกเข้า ก็จะมีการแจ้งเตือนบน HUAWEI WATCH GT ด้วยเช่นกัน
จากการทดสอบใช้งาน HUAWEI WATCH GT พบว่า เป็นสมาร์ทวอชอีกรุ่นที่มีความน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะสายออกกำลังกายที่กำลังมองหาสมาร์ทวอชในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ซึ่งจุดเด่นของ HUAWEI WATCH GT ก็คือ แบตเตอรี่ที่รองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 2 สัปดาห์ สำหรับรุ่น Active Edition และใช้งานได้ยาวนาน 1 สัปดาห์ สำหรับรุ่น Elegant Edition ทำให้สามารถสวมใส่ใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมด และถ้าหากใช้งานในลักษณะนาฬิกาทั่วไป จะสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 30 วันเลยทีเดียว
ในด้านการออกกำลังกาย เรียกได้ว่า HUAWEI WATCH GT มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ทั้งการวิ่ง (ในที่ร่มและกลางแจ้ง), การเดินกลางแจ้ง, การปีนเขา, การปั่นจักรยาน, การว่ายน้ำ และฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา นั่นก็คือ โหมดไตรกีฬา (Triathlon) ที่รองรับการออกกำลังกายกลางแจ้ง 3 ประเภททั้ง ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน และวิ่ง ซึ่งตัวนาฬิกาจะบันทึกการออกกำลังของทั้ง 3 ประเภทแล้วนำมารวมเป็นข้อมูลสถิติชุดเดียวกัน
ด้านการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจนั้น มาพร้อมกับเทคโนโลยี HUAWEI TruSeen 3.0 ที่สามารถวัดและวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจแบบต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงทั้งในขณะเคลื่อนไหวหรือพัก ผ่านทางเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการไหลเวียนของโลหิตด้วยแสง (PPG Optical) พร้อมกับตรวจสอบและแจ้งเตือนอัตราการเต้นหัวใจไม่ให้สูงเกินกว่าค่าที่กำหนด เพื่อให้ผู้ใช้ประเมินตนเองว่าควรจะออกกำลังกายต่อ หรือว่าหยุดพัก นอกจากนี้ ยังมีระบบตรวจจับการนอนหลับในตอนกลางคืน กับเทคโนโลยี HUAWEI TruSleep 2.0 ตรวจจับคุณภาพของการนอนหลับ การหายใจ และอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ เพื่อบันทึก วิเคราะห์ ตลอดจนระบุปัญหาและให้คำชี้แนะการนอนหลับอย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น
เนื่องจาก HUAWEI WATCH GT ถูกออกแบบมาให้ใช้งานด้านการออกกำลังกายเป็นหลัก ฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ คุณสมบัติด้านการกันน้ำ ที่สามารถกันน้ำได้ที่ระดับ 5ATM สามารถใส่ว่ายน้ำได้อย่างสบาย ๆ นอกจากนี้ ยังมีระบบ GPS ในตัว ด้วย 3 สัญญาณดาวเทียม ซึ่งได้แก่ GPS, GLONASS และ GALILEO ทำให้สามารถจับสัญญาณได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากเลยทีเดียว
ในด้านดีไซน์นั้น ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับตัวเรือนแบบทรงกลม ที่สามารถเลือกเปลี่ยนรูปแบบของหน้าปัด หรือ Watch Face ได้ ซึ่ง HUAWEI WATCH GT รุ่น Active Edition มาพร้อมกับตัวเรือนขนาด 46 มม. หน้าจอสัมผัสขนาด 1.39 นิ้ว แบบ AMOLED HD ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ส่วนรุ่น Elegant Edition จะมาพร้อมกับตัวเรือนขนาด 42 มม. หน้าจอสัมผัสขนาด 1.2 นิ้ว แบบ AMOLED HD ความละเอียด 390 x 390 พิกเซล
และจากคุณสมบัติในข้างต้น จะเห็นว่า HUAWEI WATCH GT นั้น ออกแนวกึ่ง ๆ Smartwatch ผสมกับ Sport Watch เสียมากกว่า เพราะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง อย่างเช่น ไม่สามารถลงแอปพลิเคชันอื่นเพิ่มได้ รวมถึงไม่สามารถฟังเพลงจากตัวนาฬิกาได้ ฉะนั้น HUAWEI WATCH GT จึงเป็นสมาร์ทวอชที่เหมาะกับผู้ที่มองหานาฬิกาที่เน้นฟังก์ชันด้านการออกกำลังกายเป็นหลัก, เน้นแบตเตอรี่อึด แต่สามารถรับการแจ้งเตือนทั้งสายเรียกเข้าและข้อความจากสมาร์ทโฟนได้มากกว่า
สำหรับราคาของ HUAWEI WATCH GT ทั้งรุ่น Active Edition และ Elegant Edition อยู่ที่ 5,990 บาท เท่านั้น เรียกได้ว่า เป็นระดับราคาที่ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก โดยผู้ที่สนใจ สามารถหาซื้อได้ตามร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.huawei.com
จุดเด่นของ HUAWEI WATCH GT
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
---------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 27/05/2019
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |