หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

iOS 11 สรุปข้อมูลที่น่าสนใจโค้งสุดท้ายก่อนเปิดตัวคืนนี้! คาดมาพร้อม 10 ฟีเจอร์ใหม่ และอัปเกรด Siri ให้ดีกว่าเดิม

เป็นอีกหนึ่งงานที่ สาวกแอปเปิล เฝ้ารอเลยก็ว่าได้ สำหรับงาน WWDC 2017 หรือ Worldwide Developers Conference 2017 ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นสำหรับบรรดานักพัฒนาจากทั่วทุกมุมโลก ได้มารวมตัวกันและร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมไปถึงได้เรียนรู้และพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ที่หาไม่ได้จากที่ไหน ซึ่งไฮไลท์สำคัญที่สุดในงาน นั่นก็คือ ช่วง Keynote ที่นอกจากจะเป็นการสรุปการดำเนินงานของแอปเปิลแล้ว ยังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จากแอปเปิลอีกด้วย

โดยในปีนี้ งาน WWDC 2017 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 มิถุนายน 2017 ณ McEnery Convention Center ที่เมือง San Jose รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งช่วง Keynote นั้น จะจัดขึ้นเป็นวันแรกในวันที่ 5 มิถุนายน หรือค่ำคืนนี้ ตรงกับเวลาเที่ยงคืนตามเวลาในประเทศไทยนั่นเอง สำหรับ iOS 11 ที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดู สรุปโค้งสุดท้าย iOS 11 มีฟีเจอร์ใดน่าสนใจกันบ้าง ก่อนเปิดตัวค่ำคืนนี้กันเลยดีกว่า

▶▶ อ่านบทความเปิดตัว iOS 11 อย่างเป็นทางการจาก Apple ที่นี่

 

อัปเกรดความสามารถของ Siri

สำหรับผู้ช่วยส่วนตัวด้านสั่งการด้วยเสียงอย่าง Siri บน iOS 11 ปีนี้ คาดว่า น่าจะได้รับการอัปเกรดแบบครั้งใหญ่ ที่จะแปลงโฉมจากระบบสั่งการด้วยเสียง มาเป็นผู้ช่วยระดับ AI อย่างเต็มตัว โดยในปีนี้ คาดว่าจะมีการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ ในชื่อ Siri Speaker ซึ่งมีหน้าที่เป็น Hub หรือศูนย์กลางระหว่างการออกคำสั่งด้วยเสียง กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้าน ถ้าหากใครนึกไม่ออก Siri Speaker ก็จะคล้ายกับ Google Home และ Amazon Echo ที่เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านั้นนั่นเอง

แต่ Siri Speaker จะมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างนั้น ต้องติดตามกันต่อไปงานเปิดตัวคืนนี้

 

Group FaceTime รองรับการเฟสไทม์แบบกลุ่ม

ปกติแล้ว ฟีเจอร์ FaceTime รองรับการใช้งานแบบ video call ที่สามารถเห็นหน้าค่าตากันได้แบบ 1:1 เท่านั้น แต่บน iOS 11 จะอัปเกรดคุณสมบัติเป็นแบบ Group FaceTime ที่สามารถคุยพร้อมกับได้มากกว่า 3 สาย ซึ่งฟีเจอร์นี้ เป็นความเป็นไปได้สูงที่จะเปิดตัวบน iOS 11

 

FaceTime Audio

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่คาดว่า น่าจะเปิดตัวบน iOS 11 นั่นก็คือ FaceTime Audio ที่สามารถโทรหากันได้ คล้ายกับ LINE หรือ Facebook Messenger โดยใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi หรือ 3G/4G ซึ่งฟีเจอร์นี้ จะรองรับการใช้งานการโทรจาก iPhone ไปยัง iPhone เท่านั้น และน่าจะถูกใจผู้ใช้ iPhone อย่างมาก เนื่องจากช่วยประหยัดค่าโทรศัพท์ไปได้มาก แถมยังใช้ data ไม่มากเท่าการใช้งานแบบ Video Call

 

เพิ่มแอปพลิเคชันใหม่ Sleep Tracking

ก่อนหน้านั้น แอปเปิล ได้เข้าซื้อกิจการของ Beddit ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาแอปพลิเคชันที่ติดตามและเก็บข้อมูลการนอนหลับของผู้ใช้ ทำให้คาดกันว่า บน iOS 11 น่าจะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ Sleep Tracking เช่นกัน

 

ปรับปรุงฟีเจอร์ Low Power Mode

ปกติแล้วบนอุปกรณ์ iOS จะมีฟีเจอร์ Low Power Mode หรือโหมดประหยัดพลังงานให้ใช้งานกันอยู่แล้ว แต่บน iOS 11 ฟีเจอร์ Low Power Mode จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น  "Intelligent Low Power Mode" ซึ่งจะมีการประยุกต์ใช้ระบบ AI เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้งานว่า มีการเปิดโหมด Low Power ในช่วงเวลาใด และปิดการใช้งานเมื่อใด ซึ่งตัวระบบจะนำไปสร้างเป็นตารางเพื่อเปิด-ปิดโหมดพลังงานต่ำให้ผู้ใช้งานแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ ระบบใหม่สามารถตรวจจับข้อมูลผู้ใช้งานจาก GPS ได้ด้วย ซึ่งหากเราเดินออกจากบ้าน, เลิกเชื่อมต่อ Wi-Fi และ iPhone มีแบตเหลือน้อยกว่า 20% ก็จะเข้าสู่โหมดพลังงานต่ำเช่นเดียวกัน

 

Dark Mode

มีข่าวแว่ว ๆ ว่าจะมา แต่ก็ยังไม่มาเสียที กับ Dark Mode หรือโหมดเปลี่ยนแบ็คกราวน์ให้เป็นสีทึบขึ้น เพื่อให้สามารถใช้งาน iPhone ได้อย่างสบายตาในกรณีที่ต้องจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน ๆ หรือใช้งานในที่แสงน้อย

 

Drag and Drop

เพิ่งมีข่าวหลุดมาสด ๆ ร้อน ๆ ก่อนงานเปิดตัว สำหรับฟีเจอร์ Drag and Drop บน iPad ที่คาดกันว่า จะเป็นส่วนเสริมของฟีเจอร์ Split View (รองรับการใช้งาน 2 แอปฯ ในหน้าจอเดียว) ซึ่งมีผู้พบฟีเจอร์ดังกล่าวจาก Feedback รายงานบั๊ก และพบชื่อของ Drag and Drop ที่ยังไม่มีให้ใช้งานบน iOS 10 เวอร์ชันปัจจุบัน ทำให้คาดกันว่า น่าจะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ดังกล่าวในคืนนี้

 

เปิดตัวแอปฯ ใหม่ในชื่อ Files

ตาม Drag and Drop มาติด ๆ กับแอปพลิเคชัน Files ที่มีคนตาดีพบแอปฯ ดังกล่าวหลุดมาบน App Store ที่คาดกันว่า น่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับการจัดการไฟล์ในเครื่อง โดยเบื้องต้นนั้น ยังไม่มีรายละเอียดว่า มีคุณสมบัติอะไรบ้าง พบแค่ข้อมูลว่า รองรับการใช้งานทั้งบน iPhone และ iPad และคาดว่า น่าจะเป็นแอปฯ พื้นฐานที่มาพร้อมกับ iOS 11 เลย

 

Control Center สามารถปรับแต่งรูปแบบเองได้

Control Center หรือเมนูลัดควบคุมการทำงานบน iPhone ปกติแล้วผู้ใช้จะไม่สามารถปรับแต่งการทำงาน หรือเพิ่มเมนูใหม่เองได้ แต่บน iOS 11 จะเพิ่มคุณสมบัติให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการทำงานได้เอง เพิ่มลดเมนูการใช้งานหลักได้ตามใจ ทำให้การใช้งานสะดวกมากขึ้นไปอีก

 

ปิดแอปฯ ที่ไม่ใช้งานทั้งหมดได้ในปุ่มเดียว

ปกติแล้ว ตรงส่วนของ Mutitasking นั้น การปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้งานจะทำได้ทีละแอปฯ ด้วยการปัดขึ้น แต่บน iOS 11 จะเพิ่มความสะดวกในส่วนนี้ด้วยการเปิดปุ่ม Clear All ปิดแอปฯ ทั้งหมดในครั้งเดียว

 

สำหรับข้อมูลข้างต้นนั้น เป็นเพียงแค่การคาดเดาจากสื่อต่างประเทศ​ และจากนักพัฒนาเท่านั้น ซึ่งงาน WWDC 2017 ในค่ำคืนนี้ จะมาเฉลยปริศนาทั้งหมดว่า iOS 11 จะมีการอัปเกรดในด้านใดบ้าง รวมไปถึงการเปลี่ยนอินเทอร์เฟสแบบครั้งใหญ่จริงหรือไม่ ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ เป็นการเปิดให้นักพัฒนาได้นำไปทดสอบเพื่อหาจุดบกพร่องกันก่อน แต่จะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ดาวน์โหลดไปใช้งานกันในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ หรือหลังจากงานเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่อย่าง iPhone 8 นั่นเอง

สามารถติดตามงาน WWDC 2017 ช่วง Keynote กันได้ในค่ำคืนนี้ เวลาเที่ยงคืนตามเวลาในประเทศไทย และติดตามบทสรุปงานเปิดตัวกันได้ที่เว็บไซต์ techmoblog ครับ

 

 

---------------------------------------
ที่มา :
techradar.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 06/06/2017

Apple iOS 11





Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy