เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ iOS 17 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่มีการอัปเกรดแบบครั้งใหญ่ ทั้งแอปโทรศัพท์, FaceTime, ข้อความ, แชร์ AirDrop ได้ง่ายขึ้น และโหมด Standby แสดงข้อมูลแบบพักหน้าจอในแนวนอน
แอปโทรศัพท์อัปเกรดครั้งใหญ่
แอปโทรศัพท์บน iPhone มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น โปสเตอร์ของรายชื่อผู้ติดต่อสามารถปรับแต่งได้ ทั้งการแต่งรูปภาพหรือ Memoji รวมถึงฟอนต์ที่สามารถแต่งสีสันได้ ซึ่งแอปการโทรของผู้พัฒนารายอื่นสามารถใช้คุณสมบัติดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Live Voicemail ถอดเสียงออกมาเป็นข้อความแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ตัดสินใจรับสายได้ในขณะที่ผู้โทรกำลังฝากข้อความ แต่สำหรับสายที่ผู้ให้บริการระบุว่าเป็นสแปม จะไม่แสดงฟีเจอร์ Live Voice Mail เนื่องจากจะถูกตัดสายทันที
FaceTime เพิ่มข้อความแบบเสียงและวิดีโอ
FaceTime รองรับข้อความทั้งแบบเสียงและวิดีโอ เมื่อผู้ใช้โทรหาผู้ที่ยังไม่สะดวกรับสาย จึงสามารถแชร์ข้อความไว้เพื่อให้มาเปิดในภายหลังได้ นอกจากนี้ สายโทร FaceTime มาพร้อมลูกเล่นอย่าง Reaction อย่างเช่น หัวใจ, ลูกโป่ง, พลุ, แสงเลเซอร์, สายฝน และอื่น ๆ
แอปข้อความ
แอปข้อความได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่บน iOS 17 ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ Check In แจ้งเตือนให้เพื่อน ๆ หรือสมาชิกในครอบครัวทราบว่าไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยแล้ว, ค้นหาข้อความได้อย่างละเอียดและแม่นยำมากขึ้นด้วยตัวกรองการค้นหา, มีลูกศรติดตามการสนทนา ทำให้ทราบถึงตำแหน่งล่าสุดที่ผู้ใช้อ่านข้อความค้างไว้
แชร์ง่ายกว่าเดิมด้วย AirDrop และ NameDrop
AirDrop เพิ่มวิธีใหม่ ๆ ในการแชร์ด้วย AirDrop NameDrop สามารถแชร์ข้อมูลได้ง่ายขึ้นแค่นำ iPhone ไว้ใกล้กัน หรือหัน iPhone เข้าหา Apple Watch
StandBy แสดงข้อมูลแนวนอนแบบเต็มจอในขณะชาร์จ
iOS 17 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง StandBy เมื่อวาง iPhone แบบแนวนอนขณะชาร์จ จะแสดงข้อมูลต่าง ๆ ที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เช่น นาฬิกา, รูปภาพ, วิดเจ็ตต่าง ๆ, Siri, สายโทรเข้า และการแจ้งเตือน ซึ่งฟีเจอร์นี้รองรับเฉพาะ iPhone 14 Pro กับ iPhone 14 Pro Max เนื่องจากมี Always-On Display
นอกจากนี้ iOS 17 ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติอื่น ๆ ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- Safari ยกระดับการปกป้องการท่องเว็บแบบส่วนตัว ทั้งจากตัวติดตาม, เบราว์เซอร์ของผู้ใช้ และบุคคลที่อาจเข้าถึงอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้
- รหัสผ่านและพาสคีย์ สามารถแชร์ได้กับกลุ่มรายชื่อติดต่อที่เชื่อถือได้
- แอปสุขภาพ เพิ่มคุณสมบัติใหม่ ๆ ด้านสุขภาพจิต สามารถบันทึกอารมณ์ในชั่วขณะหนึ่งและอารมณ์ประจำวัน เห็นสิ่งที่อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจ ได้รับความสะดวกในการเข้าถึงการประเมินภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลที่มักใช้ในคลินิก
- แอปแผนที่ เพิ่มคุณสมบัติแผนที่แบบออฟไลน์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแผนที่แบบเจาะจงพื้นที่และเข้าถึงการนำทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยว, เห็นเวลาที่คาดว่าจะมาถึง, ค้นหาสถานที่ในแผนที่ และอื่น ๆ ได้แบบออฟไลน์ นอกจากนี้ แอปแผนที่ยังเพิ่มความสะดวกมากกว่าเดิมในการค้นหาเส้นทางเดินป่าหลายพันแห่งในอุทยานต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ และมีข้อมูลความพร้อมใช้งานแบบเรียลไทม์ของการชาร์จสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า
- AirTag แชร์กันกับผู้อื่นได้มากที่สุดถึง 5 คน เพื่อน ๆ และครอบครัวจึงช่วยกันติดตามสิ่งของได้ในแอปค้นหาของฉัน ทุกคนในกลุ่มจะเห็นตำแหน่งที่ตั้งของสิ่งของ เปิดเสียง และสามารถใช้คุณสมบัติตำแหน่งที่ตั้งจริงเพื่อระบุตำแหน่งที่ตั้งอย่างแม่นยำเมื่อ AirTag ที่แชร์นั้นอยู่ใกล้ ๆ นอกจากนี้ยังสามารถดำเนินการดังกล่าวกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่อยู่ในเครือข่ายค้นหาของฉันได้อีกด้วย
- Apple Music เปิดตัว Collaborative Playlist ซึ่งทำให้ฟังเพลงร่วมกันเพื่อน ๆ ได้ง่ายกว่าที่เคย และการใช้ SharePlay ในรถยนต์ก็ช่วยให้ผู้โดยสารทุกคนช่วยกันเลือกเพลงที่จะเปิดได้ ผู้ฟังสามารถควบคุมเพลงจากอุปกรณ์ของตัวเองได้แม้ว่าจะไม่ได้สมัครใช้งาน Apple Music
- AirPods ได้รับคุณสมบัติอันทรงพลังใหม่ ๆ อย่าง Adaptive Audio, Personalized Volume และ Conversation Awareness ที่มอบนิยามบทใหม่ให้กับประสบการณ์การรับฟังเสียงส่วนบุคคล พร้อมมีการปรับปรุงเรื่องการสลับอุปกรณ์อัตโนมัติจึงทำให้ AirPods ใช้งานง่ายขึ้นไปอีก
- แอปบ้าน (Home) เพิ่มความสามารถที่ช่วยให้ผู้ใช้เห็นประวัติกิจกรรมในช่วง 30 วันที่ผ่านมาของตัวล็อคประตู, ประตูโรงรถ, ระบบสัญญาณแจ้งเหตุ และเซ็นเซอร์การสัมผัส นอกจากนี้ยังสามารถใช้คุณสมบัติการล็อค 2 รายการที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน HomeKit อย่างแตะเพื่อปลดล็อคและรหัส PIN ได้กับตัวล็อคที่ใช้ได้กับ Matter เพื่อเพิ่มวิธีในการเชื่อมต่อเข้ากับบ้าน
- แอปเตือนความจำ มีรายการจ่ายตลาดที่จัดกลุ่มสินค้าที่เพิ่มเข้ามาโดยอัตโนมัติเพื่อให้เลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนวิธีการจัดกลุ่มได้ แล้วรายการจะจดจำการตั้งค่านั้นไว้
- คุณสมบัติค้นดูจากภาพ ใช้งานได้กับภาพที่ได้จากการหยุดเฟรมวิดีโอ ตอนนี้ผู้ใช้สามารถใช้คุณสมบัตินี้เพื่อระบุอาหาร หน้าร้าน เครื่องหมาย และสัญลักษณ์ต่าง ๆ รวมถึงดึงวัตถุขึ้นจากรูปภาพและวิดีโอ
- Siri สามารถเปิดใช้งานได้เพียงพูดว่า "Siri" เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ใช้สามารถใช้หลายคำสั่งติดต่อกันได้โดยไม่ต้องเปิดใช้งานผู้ช่วยแยกแต่ละครั้งอีก
- แอปรูปภาพ มีอัลบั้มผู้คนซึ่งจะใช้การเรียนรู้ของระบบแบบบนอุปกรณ์เพื่อเสริมความสามารถในการจำแนกบุคคลที่ผู้ใช้ชื่นชอบ และรวมถึงแมวและสุนัขด้วย
โดยนักพัฒนาสามารถทดสอบใช้งาน iOS 17 เวอร์ชันเบต้าได้ตั้งแต่วันนี้ที่ developer.apple.com ส่วนเวอร์ชันเบต้าสำหรับบุคคลทั่วไปจะสามารถดาวน์โหลดได้ในเดือนหน้า และผู้ใช้งาน iPhone จะสามารถดาวน์โหลด iOS 17 มาใช้งานได้ภายในปีนี้ คาดว่าจะปล่อยให้ดาวน์โหลดหลังการเปิดตัว iPhone 15 series ในเดือนกันยายน
**อัปเดต : iOS 17 ปล่อยอัปเดตทางการ วันที่ 18 กันยายน 2023
iOS 17 รองรับบน iPhone รุ่นใดบ้าง ?
- iPhone 15
- iPhone 15 Plus
- iPhone 15 Pro
- iPhone 15 Pro Max
- iPhone 14
- iPhone 14 Plus
- iPhone 14 Pro
- iPhone 14 Pro Max
- iPhone 13
- iPhone 13 mini
- iPhone 13 Pro
- iPhone 13 Pro Max
- iPhone 12
- iPhone 12 mini
- iPhone 12 Pro
- iPhone 12 Pro Max
- iPhone 11
- iPhone 11 Pro
- iPhone 11 Pro Max
- iPhone XS
- iPhone XS Max
- iPhone XR
- iPhone SE 2
- iPhone SE 3
-------------------------------------
ที่มา : Apple
นำเสนอบทความโดย : techmoblog.com
Update : 18/09/2023
iPhone
Apple
WWDC
iOS 17
WWDC23