เปรียบเทียบการใช้งาน iOS VS Android: ใครเจ๋งเดี๋ยวรู้กัน!

ทุกวันนี้โลกของเราหมุนไปด้วยความถี่ที่รวดเร็วขึ้นอย่างน่าตื่นเต้น เทคโนโลยีมากมายที่พร้อมจะตอบสนองการใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้น
ในปัจจุบันแอนดรอยด์ (Android) ของกูเกิล (Google) และไอโอเอส (iOS) ของแอปเปิล (Apple) เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่ใช้บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต (Tablet) ถ้าพูดในแง่ของความนิยม แอนดรอยด์ดูจะนำหน้ากว่าเล็กน้อย สาเหตุคงมาจากความหลากหลายของแบรนด์และโอกาสที่ดีสำหรับนักคิดทั้งหลายที่ชื่นชอบในการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่น (Application)

ในขณะที่ไอโอเอสมีความเป็นมิตรกับผู้ใช้มากกว่า

ไอโอเอส 9 (iOS 9) เปิดตัวให้โลกได้ยลโฉมกันมาตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้ทั่วโลก ในขณะที่แอนดรอยด์ (Android) ก็ไม่น้อยหน้า เปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่เช่นกันในวันที่ 17 สิงหาคม แอนดรอยด์ 6.0 หรือที่รู้จักกันในโค้ดเนม มาร์ชเมลโล่ (Marshmallow)

แล้วทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

ตามรายงานของเว็บไซต์โมบายวิกิ (Mobiwiki)

ในด้านของหน้าจอแสดงผล

แอปเปิลมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างที่สุดและน่าตื่นเต้นไม่น้อยคือการที่แอปเปิลได้ใส่ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence ) เข้าไปในระบบปฏิบัติการ ทำให้ทุกๆ ที่ ที่เราไป ทุกๆ อากัปกริยาที่ทำกระทำต่อไอโฟน (iPhone) จะถูกจดจำไว้และตอบสนองอัตโนมัติเมื่อเราทำซ้ำ กล่าวคือ หากว่าเราออกไปที่ฟิตเนส แล้วเสียบหูฟังเข้ากับตัวเครื่อง ระบบจะตอบรับด้วยการรันแอพพลิเคชั่นฟังเพลงและเข้าสู่รายการเพลงที่เราตั้งไว้สำหรับการเข้าฟิตเนสโดยอัตโนมัติ น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

ในขณะที่ทางแอนดรอยด์ (Android) มีความเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย หน้าจอแสดงผลที่สวยงามขึ้น การเปลี่ยนแปลงของนาฬิกาแสดงผลบนหน้าจอและหน้ารวมแอพพลิเคชั่นที่ดูเฉียบคมขึ้น กล่าวโดยรวมคือทั้งยกระดับและมีการออกแบบที่อยู่ในสมัยนิยมขึ้น

ในด้านระบบการสั่งการด้วยเสียง

เมื่อแอปเปิล (Apple) มีสิริ (Siri) แอนดรอยด์ (Android) เองก็มีกูเกิลนาว (Google Now) ซึ่งทั้งสองค่ายได้พัฒนาระบบไปในทิศทางที่ยอดเยี่ยม มันฉลาดมากขึ้นกว่าเดิมจนแทบจะไม่ต้องใช้ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจออีกต่อไป

ในด้านการเข้าถึงความเป็นส่วนตัว

มาร์ชเมลโล่ (Marshmallow) ของแอนด์ดรอย์ (Android) มีความเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน สิ่งที่สำคัญที่สุดคงเป็นเรื่องการขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวทุกๆ ครั้ง แต่หลังจากการเปลี่ยนแปลง ระบบจะไม่ถามถึงความเป็นส่วนตัวใดๆ ของเราอีก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางด้านสุขภาพ หรือรูปส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น เราสามารถเลือกได้ว่าจะยินยอมหรือไม่โดยที่ยังสามารถลงแอพพลิชั่นได้ตามปกติ

ส่วนทางด้านไอโอเอส (iOS) ของแอปเปิล นโยบายการเข้าถึงความเป็นส่วนตัวยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบในตัวของมันเองอยู่แล้ว
ในด้านของการสำรองพลังงาน

ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักในส่วนของไอโอเอส (iOS) แต่แอปเปิลเอง (Apple) ก็ประกาศออกมาว่า Low battery mode ของพวกเขาสามารถยืดเวลาของแบตเตอร์รี่ออกไปได้ราว 3 ชั่วโมง นอกจากนี้แล้ว ไอโอเอส 9 (iOS 9) ที่ได้ทำการติดตั้งไว้ในสมาร์ทโฟนยังสามารถยืดอายุของแบตเตอรี่ออกไปได้อีกราว 1 ชั่วโมง

ทางแอนดรอยด์ (Android) เองก็มีความพยายามอย่างมากที่จะยกระดับการสำรองพลังงานให้สูงขึ้นในมาร์ชเมลโล่ (Marshmellow) ในระบบปฏิบัติการล่าสุด หัวข้อของพลังงานยังน่าเป็นห่วง แต่แน่นอนอย่างที่สุดว่าในอนาคต ปัญหาเรื่องพลังงานคงจะค่อยๆ ยกระดับไปในทางที่ดีขึ้น

รูปภาพจาก Lazada iphone(https://www.lazada.co.th/iphone/) และ Aston(https://www.lazada.co.th/shop-mobiles/aston/)

Update : 18/12/2015