ยังคงเป็น iPad ที่น่าสนใจเหมือนเช่นเคย กับ iPad mini 2 หรือ iPad mini with Retina Display ที่มาพร้อมกับ ความสดใหม่กว่าเดิม โดยถึงแม้ว่า iPad mini 2 นั้น จะมีขนาดหน้าจอเท่ากับรุ่นแรก ที่ขนาด 7.9 นิ้ว แต่มาหน้าจอแบบ Retina Display ที่คมชัดยิ่งขึ้น และละเอียดสูงถึง 2048 x 1536 พิกเซล นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core Processor ความเร็ว 1.3 GHz และชิปเซ็ต Apple A7 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตตัวเดียวกับ iPhone 5S นั่นเองครับ
มาชมกันดีกว่าว่า iPad mini 2 รุ่นนี้ จะมีความน่าสนใจมากกว่ารุ่นก่อนหน้าแค่ไหน กับ บทความ รีวิว iPad mini 2 (Retina) โดยทีมงาน techmoblog ครับ
สเปค iPad mini 2
- จอแสดงผลกว้าง 7.9 นิ้ว แบบ LED-backlit Multi-Touch display (Retina display) พร้อมเทคโนโลยี IPS ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล
- หน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core Processor ความเร็ว 1.3 GHz
- ชิปเซ็ต Apple A7 พร้อมเทคโนโลยีการประมวลผลแบบ 64-bit และหน่วยประมวลผล M7 motion coprocessor สำหรับการใช้งานเกี่ยวกับสุขภาพ และการออกกำลังกาย
- RAM 1 GB
- หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16 GB, 32 GB, 64 GB และ 128 GB
- กล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
- กล้องด้านหลัง ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
>> สเปค iPad mini 2 อย่างละเอียด คลิกที่นี่
รีวิว iPad mini 2 : สเปค และ การออกแบบ
สำหรับ iPad mini 2 (iPad mini with Retina Display) ที่นำมา รีวิว ให้ชมกันในวันนี้ เป็นรุ่น Wi-Fi + Cellular ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว แบบ Retina Display ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล น้ำหนักตัวเครื่อง อยู่ที่ 341 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ Accelerometer Sensor ช่วยหมุน หรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้, เซ็นเซอร์ Ambient Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอโดยอัตโนมัติ และกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล เป็นปุ่ม Home ซึ่งเป็นปุ่มแบบปกติ ไม่ใช่ปุ่มที่บรรจุเซ็นเซอร์ Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือ แบบ iPhone 5S (ไอโฟน 5S)
มาดูกันต่อที่ ปุ่มควบคุมการทำงานด้านข้างตัวเครื่องกันบ้างครับ โดยด้านขวามือของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่มเปิด-ปิดเสียง หรือ ปุ่มล็อคการหมุนของหน้าจอ (ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า), ปุ่มปรับระดับเสียง และถาดใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM ซึ่งจะมีเฉพาะ iPad mini 2 รุ่น Wi-Fi + Cellular เท่านั้น ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มควบคุมการทำงานใดๆ
ซึ่งวิธีการถอดถาดใส่ซิมการ์ด ให้ใช้เข็มจิ้มซิมการ์ด ที่บรรจุมาให้ในกล่อง จิ้มเข้าไปในรูเล็กๆ แล้วค่อยๆ ถอดถาดใส่ซิมการ์ดออกมา
ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน และปุ่ม Power เปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อคหน้าจอ ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง เป็นพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ Lightning Connector และลำโพงเสียงแบบ สเตอริโอ
ด้านหลังของตัวเครื่อง ประกอบด้วย กล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ถัดมา เป็นไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง และด้านล่างตัวเครื่อง มีการระบุคำว่า iPad อย่างชัดเจนครับ
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่อง ประกอบด้วย เข็มสำหรับจิ้มถาดซิมการ์ด, สาย data สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และ adapter แบบ wall charger ซึ่งในกล่อง iPad mini 2 จะไม่มี หูฟัง มาให้นะครับ จะต้องซื้อเพิ่มเอง
รีวิว iPad mini 2 : เปรียบเทียบ iPad mini vs iPad mini 2
iPad mini (ซ้าย) vs iPad mini 2 (ขวา)
จากรูปด้านบน จะเห็นได้ว่า การออกแบบ และ ขนาด ระหว่าง iPad mini และ iPad mini 2 หน้าจอ Retina Display นั้น เหมือนกันครับ ซึ่งถ้าวางคู่กัน อาจจะแยกความแตกต่างได้ยาก แต่ถ้าหากเปรียบเทียบอย่างละเอียดแล้ว จะเห็นว่า iPad mini 2 จะมีความคมชัดมากกว่า เนื่องจากมาพร้อมหน้าจอความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล นั่นเอง ในขณะที่ iPad mini รุ่นแรก มาพร้อมหน้าจอความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล เท่า iPad 2 ครับ
รีวิว iPad mini 2 : อินเทอร์เฟส และการใช้งานเบื้องต้น
iPad mini 2 หน้าจอ Retina Display มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 7.0.4 ที่มีความแตกต่างจาก iOS 6 อย่างเห็นได้ชัด โดย แอปเปิล ได้ออกแบบ อินเทอร์เฟส ให้มีความเรียบง่ายมากขึ้น ซึ่งการปลดล็อคหน้าจอ สามารถทำได้ด้วยการ ปัดจากด้านซ้ายไปขวา นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งรหัส passcode สำหรับปลดล็อค เพื่อเพิ่มความปลอดภัยด้านการใช้งานได้อีกด้วย
สำหรับหน้า Homescreen นั้น เป็นอินเทอร์เฟสที่ผู้ใช้ iOS คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วนั่นเอง โดยเป็น ไอคอน เรียงกัน ซึ่งภาพด้านบนนั้น เป็น แอพพลิเคชั่นพื้นฐาน ที่มีให้ใช้งานบน iPad mini 2 ครับ
Notification Center คุณสมบัติใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาบน iOS 7 ทำให้ผู้ใช้ไม่พลาดทุกการติดต่อ โดยจะมีการแจ้งเตือนทั้ง ปฏิทิน, การนัดหมาย, ข้อความ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถเข้าใช้งานด้วยการ ลากจากขอบด้านบนลงด้านล่าง
Control Center เป็นแหล่งรวมเมนูลัดต่างๆ เช่น เปิด-ปิดการเล่นเพลง, เปิด-ปิดเสียง, เปิด-ปิด Wi-Fi, Airplane Mode, Bluetooth, ล็อคการหมุนของหน้าจอ, ปรับความสว่างของหน้าจอ หรือจะเข้าใช้งานกล้องถ่ายรูป และนาฬิกา ก็สามารถคลิกใช้งานได้ที่ Control Center ซึ่งถือว่า สะดวกมากเลยทีเดียว โดยสามารถเข้าใช้งานด้วยการ ลากจากขอบด้านล่างขึ้นด้านบน
Multitasking ได้รับการออกแบบใหม่บน iOS 7 ครับ โดยจะมีภาพ พรีวิว แอพฯ ต่างๆ และสามารถปิดใช้งาน ด้วยการปัดขึ้นด้านบน แทนการแตะค้างที่ไอคอน แล้วคลิกเครื่องหมายกากบาทปิด
FaceTime แอพพลิเคชั่นสนทนาแบบ Video call สำหรับผู้ที่ใช้อุปกรณ์ที่รัน iOS หรือ OS X ครับ ซึ่งก่อนเข้าใช้งาน จะต้องล็อคอิน Apple ID เสียก่อน
Calendars หรือ ปฏิทิน สำหรับจดบันทึกประจำวัน หรือ บันทึกตารางนัดหมายล่วงหน้า ซึ่งสามารถตั้งเสียงแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ ทำให้ไม่พลาดทุกการติดต่อ นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับ Facebook เพื่อดู วันเกิด ของผู้ติดต่อ ได้อีกด้วย
Clock นาฬิกา สามารถดูได้ทั้ง เวลาปัจจุบัน หรือตั้งค่าเพื่อดูเวลาโลก นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นนาฬิกาปลุก และนาฬิกาจับเวลาได้อีกด้วย
Apple Maps แผนที่นำทาง พร้อมระบบนำทางด้วยเสียง ไม่ว่าจะไปที่ไหน จะในประเทศหรือต่างประเทศ แค่เปิด Apple Maps ก็ไม่หลงทางแล้วครับ
Notes แอพพลิเคชั่นสำหรับจดบันทึก รองรับการพิมพ์ภาษาไทยเต็มรูปแบบ สามารถแชร์โน้ต ผ่านทาง Messages หรือ อีเมล ก็ได้
Photo Booth แอพฯ ถ่ายรูปแบบเก๋ๆ ที่มีฟิลเตอร์ให้เลือกถึง 9 แบบด้วยกัน ได้แก่ Thermal Camera, Mirror, X-Ray, Kaleidoscope, Normal, Light Tunnel, Squeeze, Twirl และ Stretch โดยเลือกฟิลเตอร์ที่ต้องการก่อน จากนั้นค่อยกดถ่ายรูป สามารถใช้ได้ทั้ง กล้องด้านหน้า และ กล้องด้านหลัง
Game Center เกมสังคมออนไลน์ สำหรับ iPod Touch, iPhone และ iPad ที่จะช่วยขยายเครือข่ายเพื่อนที่เล่นเกมออนไลน์ ให้กว้างขึ้นอีกหลายเท่าตัว โดยก่อนเข้าใช้งาน จะต้องล็อกอินด้วย Apple ID เสียก่อน ซึ่งจะเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา จนกว่าผู้ใช้จะ Log out ออก
Newsstand ชั้นวางหนังสือ นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ ที่ผู้ใช้ได้ทำการ subscribe หรือซื้อเอาไว้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ Apple ID ในการซื้อนิตยสาร หรือหนังสือต่างๆ ครับ ซึ่งถ้าหากมีการสมัครสมาชิกรายเดือนเอาไว้ เมื่อใดก็ตามที่เล่มใหม่ออกมา จะดาวน์โหลดเล่มใหม่ให้อัตโนมัติ
iTunes Store ตลาดรวมเพลง, ภาพยนตร์ และหนังสือ e-book แบบออนไลน์ ซึ่งมีเพลงใหม่ๆ ภาพยนตร์ใหม่ๆ ให้เลือกซื้อทุกวัน โดย iTunes Store จะเชื่อมต่อกับ Apple ID เช่นกัน
App Store แหล่งรวมแอพพลิเคชั่นทุกประเภท สำหรับ iPhone, iPod Touch และ iPad ที่ได้รับการคัดสรรจากพนักงานของ Apple แล้วว่า ดีที่สุด ซึ่งมีให้เลือกหลายหมวดหมู่ นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการอัพเดทแอพพลิเคชั่นแบบอัตโนมัติได้อีกด้วย
Settings หน้าการตั้งค่าสำหรับ iPad ไม่ว่าจะเป็น การตั้งค่า iCloud, FaceTime หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่ง iPad mini 2 รุ่นที่นำมารีวิวนี้ สามารถใช้งานเป็น hotspot ได้อีกด้วยครับ
iMessage โปรแกรมแชทสำหรับผู้ใช้ iOS ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับ OS X ได้ด้วยเช่นกัน โดยสามารถส่งได้ทั้ง ข้อความ, รูปภาพ และคลิปวีดีโอ รองรับการเชื่อมต่อ ผ่านทาง Wi-Fi และเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออย่าง 3G และ 4G LTE
Mail กล่องจดหมายขนาดใหญ่ รองรับทั้ง Gmail, Yahoo mail, Outlook และอีเมลอื่นๆ
ทดสอบการใช้งานเบราว์เซอร์อย่าง Safari ครับ รองรับการแสดงผลภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ สามารถใช้งานได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน
Photos แหล่งรวมภาพที่ถ่ายทั้งหมด ทั้งภาพจากกล้องถ่ายรูป และภาพ screenshot ซึ่งสามารถแชร์ภาพแบบออนไลน์ ผ่าน iCloud ได้อีกด้วย
รีวิว iPad mini 2 : ทดสอบกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
สำหรับกล้องดิจิตอลบน iPad mini 2 นั้น เป็นกล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ไม่มีไฟแฟลช รองรับระบบ Auto-focus โดยมีอินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่าย แต่ไม่มีฟิลเตอร์ให้ปรับ เหมือนกับการใช้งานบน iPhone ครับ โดยรองรับการถ่ายภาพแบบปกติ, แบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส (Square) และถ่ายภาพวีดีโอ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งกล้องด้านหน้า และ กล้องด้านหลัง มาชมตัวอย่างภาพถ่ายจาก กล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล บน iPad mini 2 (Retina) กันครับ (คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดเต็ม แบบไม่ผ่านการตกแต่งใดๆ)
รีวิว iPad mini 2 : บทสรุปการใช้งาน
สำหรับ iPad mini 2 หรือ iPad mini with Retina Display รุ่นนี้ แม้ว่า จะมีดีไซน์เหมือนกับ iPad mini รุ่นแรก แต่ในเรื่องของฮาร์ดแวร์นั้น ถือว่า ได้พัฒนาจากรุ่นแรกไปมากพอสมควร โดยเฉพาะหน้าจอแบบ Retina Display ที่ช่วยทำให้การแสดงผล คมชัดขึ้น และละเอียดมากขึ้น นอกจากนี้ ในเรื่องของการประมวลผลก็ยังดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว เนื่องจากใช้ชิป Apple A7 แบบ Dual-Core Processor ความเร็ว 1.3 GHz (64-bit) ที่ช่วยทำให้การเล่นเกมภาพกราฟฟิคหนักๆ หรือตัดต่อคลิปวีดีโอผ่านแอพพลิเคชั่น iMovie ไม่สะดุด และสุดท้าย ยังคงเป็นตัวเครื่องที่มาพร้อมกับ หน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว ที่มีการออกแบบที่เพรียวบาง น้ำหนักเบา สะดวกต่อการพกพานั่นเอง
ส่วนราคา iPad mini 2 นั้น เริ่มต้นที่ 13,400 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi ความจุ 16 GB และราคาเริ่มต้นที่ 17,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 16 GB สามารถหาซื้อได้ตามตัวแทนจำหน่าย หรือสั่งซื้อออนไลน์ ผ่านทาง Apple Online Store ครับ
จุดเด่นของ iPad mini 2
• จอแสดงผลกว้าง 7.9 นิ้ว แบบ LED-backlit Multi-Touch display (Retina display) พร้อมเทคโนโลยี IPS ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล
• หน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core Processor ความเร็ว 1.3 GHz
• ชิปเซ็ต Apple A7 พร้อมเทคโนโลยีการประมวลผลแบบ 64-bit และหน่วยประมวลผล M7 motion coprocessor สำหรับการใช้งานเกี่ยวกับสุขภาพ และการออกกำลังกาย
• หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB
• หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16 GB, 32 GB, 64 GB และ 128 GB
• กล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
• กล้องด้านหลัง ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Auto-focus
• ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก
• บอดี้ตัวเครื่อง เป็นอะลูมิเนียม ซึ่งให้ความแข็งแรง และดูหรูหรา
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
• ไม่รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD card
• มีราคาที่ค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับแท็บเล็ตที่มีขนาดหน้าจอใกล้เคียงกันรุ่นอื่นๆ
Apple ประกาศราคา iPad mini 2 แล้ว
Apple ประกาศวางจำหน่าย iPad mini 2 (ไอแพด มินิ 2) หน้าจอ Retina display อย่างเป็นทางการแล้วครับ เริ่มต้นที่ 13,400 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi 16GB โดยสามารถสั่งซื้อผ่าน Apple Online Store ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยใช้เวลาจัดส่ง 5-10 วันครับ
สรุป ราคา iPad mini 2 ในไทย
• iPad mini 2 16GB Wi-Fi ราคา 13,400 บาท
• iPad mini 2 32GB Wi-Fi ราคา 16,900 บาท
• iPad mini 2 64GB Wi-Fi ราคา 20,400 บาท
• iPad mini 2 128GB Wi-Fi ราคา 23,900 บาท
• iPad mini 2 16GB Wi-Fi + Cellular ราคา 17,900 บาท
• iPad mini 2 32GB Wi-Fi + Cellular ราคา 21,400 บาท
• iPad mini 2 64GB Wi-Fi + Cellular ราคา 24,900 บาท
• iPad mini 2 128GB Wi-Fi + Cellular ราคา 28,400 บาท
อ่านต่อ : ราคา iPad mini 2 (ไอแพด มินิ 2) ในไทย อัพเดทล่าสุด
เปิดตัวตาม iPad Air มาติดๆ กับ iPad mini 2 (ไอแพด มินิ 2) หรือ iPad mini with Retina Display ที่มาพร้อมสเปคตามคาดครับ นั่นก็คือ มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Retina display นั่นเอง โดยดีไซน์ของ iPad mini 2 นั้น ยังคงเหมือนเดิม ขนาดหน้าจอเท่าเดิมที่ 7.9 นิ้ว แต่ปรับความละเอียดของหน้าจอใหม่ และซีพียูตัวใหม่ รายละเอียดมีดังนี้ครับ
iPad mini 2 (iPad mini with Retina Display) มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว แบบ Retina display ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล (326 ppi) ใช้ชิปประมวลผล Apple A7 แบบ 64-bit ซึ่งเป็นชิปตัวเดียวกับที่ใช้บน iPhone 5S และ iPad Air นั่นเอง โดยชิปประมวลผลตัวใหม่นี้ ทำให้ iPad mini 2 ประมวลผลด้าน CPU เร็วขึ้น 4 เท่า และด้าน GPU เร็วขึ้น 8 เท่า เมื่อเทียบกับ iPad mini รุ่นแรกครับ นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งานยาวนานถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ส่วนสเปคอื่นๆ บน iPad mini 2 (iPad mini with Retina Display) ยังคงคล้ายๆ รุ่นแรกครับ ไม่ว่าจะเป็น กล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และรองรับ LTE
ราคา iPad mini 2 (iPad mini with Retina Display)
iPad mini 2 (ไอแพด มินิ 2) มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา Space Gray และ สีเงิน Silver ส่วนหน่วยความจำในตัวเครื่อง มีให้เลือก 4 ความจุด้วยกัน ได้แก่ 16GB, 32GB, 64GB และ 128GB ราคาเป็นดังนี้ครับ
รุ่น Wi-Fi
• iPad mini 2 16GB Wi-Fi ราคา 13,400 บาท
• iPad mini 2 32GB Wi-Fi ราคา 16,900 บาท
• iPad mini 2 64GB Wi-Fi ราคา 20,400 บาท
• iPad mini 2 128GB Wi-Fi ราคา 23,900 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular
• iPad mini 2 16GB Wi-Fi + Cellular ราคา $529
• iPad mini 2 32GB Wi-Fi + Cellular ราคา $629
• iPad mini 2 64GB Wi-Fi + Cellular ราคา $729
• iPad mini 2 128GB Wi-Fi + Cellular ราคา $829
ถ้าเปรียบเทียบกับ ราคา iPad mini รุ่นแรก จะเห็นว่า iPad mini 2 ราคาปรับตัวสูงขึ้นนะครับ โดย iPad mini 16GB Wi-Fi อยู่ที่ $329 เท่านั้น ทั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะหน้าจอแบบ Retina display ที่ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นนั่นเอง
iPad mini รุ่นแรก ปรับราคาแล้ว
ตามธรรมเนียมครับ เมื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ รุ่นเก่าก็จะมีการปรับราคาลงตามระเบียบ โดย ราคา iPad mini รุ่นแรก หลังปรับราคาแล้ว เป็นดังนี้
รุ่น Wi-Fi
• iPad mini 16GB Wi-Fi ราคา 9,900 บาท
• iPad mini 32GB Wi-Fi ราคา 13,400 บาท
• iPad mini 64GB Wi-Fi ราคา 16,900 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular
• iPad mini 16GB Wi-Fi + Cellular ราคา 14,400 บาท
• iPad mini 32GB Wi-Fi + Cellular ราคา 17,900 บาท
• iPad mini 64GB Wi-Fi + Cellular ราคา 21,200 บาท
---------------------------------------
ข้อมูลโดย : techmoblog.com
Update : 19/07/2013
iPad mini 2 ไอแพด มินิ 2 สเปค ipad mini 2 ราคา iPad mini 2 เปิดตัว iPad mini 2 รีวิว iPad mini 2
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |