เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน WWDC 2017 เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สำหรับ iPad Pro 10.5 ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติเด่นหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น จอภาพขนาดใหม่ 10.5 นิ้ว ที่ลดขนาดขอบจอลง 40% ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดไม่ใหญ่เทอะทะ แถมมีน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัม นอกจากนี้ หน้าจอยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ นั่นก็คือ ProMotion ทำให้การเลื่อนดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ลื่นไหลและสบายตากว่าเดิม รวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะมาพร้อมบน iOS 11 ที่เรียกได้ว่า พัฒนามาเพื่อ iPad โดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุด เว็บไซต์ต่างประเทศอย่าง cultofmac ได้ทำการ รีวิว iPad Pro 10.5 ให้ชมกัน มาดูกันดีกว่าว่า iPad Pro หน้าจอใหม่รุ่นนี้ มีดีอย่างไรบ้าง
** หมายเหตุ : บทความนี้เป็นบทความรีวิวจากต่างประเทศ
สำหรับขนาดของ iPad Pro 10.5 (ซ้าย) เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมอย่าง iPad 9.7 (ขวา) จะเห็นว่า มีขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย โดย iPad Pro 10.5 มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 250.6 x 174.1 x 6.1 มม. ส่วน iPad 9.7 มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 240 x 169.5 x 7.5 มม. ซึ่ง iPad Pro 10.5 นิ้ว มีความบางเฉียบกว่า แม้จะตัวเครื่องจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า แต่น้ำหนักตัวเครื่องกลับเท่ากัน อยู่ที่ 469 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 477 กรัม สำหรับรุ่น Cellular
ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้น iPad Pro 10.5 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 10.5 นิ้ว แบบ LED-backlit ความละเอียด 2224 x 1668 พิกเซล (264 ppi) ซึ่งหน้าจอเคลือบด้วย Fingerprint-resistant oleophobic coating ป้องกันไม่ให้เกิดรอยนิ้วมือขณะใช้งาน, เคลือบสารกันแสงสะท้อน, เทคโนโลยี ProMotion และแสดงผลแบบ True Tone ในขณะที่รุ่น 9.7 นิ้ว มีเพียงแค่เคลือบสารกันรอยนิ้วมือเท่านั้น
ด้านชิปเซ็ตและการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A10X Fusion รุ่นที่ 4 แบบ 64-bit พร้อมชิปประมวลผลร่วม M10 coprocessor เมื่อเปรียบเทียบความเร็วกับ Apple A8 แล้ว พบว่า Apple A10X Fusion นี้ ประมวลผลด้าน CPU ได้เร็วกว่า 2.5 เท่า และด้านกราฟิกเร็วกว่า 4.3 เท่า ซึ่งชิปเซ็ตตัวนี้ เป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้บน iPad Pro 12.9 รุ่นแรกอีกด้วย (แต่ผู้ทำการทดสอบเผยว่า เมื่อลองเทียบการใช้งานแล้ว ให้ความรู้สึกว่า iPad Pro 10.5 ประมวลผลได้เร็วกว่าเล็กน้อย)
เทคโนโลยี ProMotion บน iPad Pro ดีอย่างไร ?
สำหรับเทคโนโลยี ProMotion ในตอนนี้ รองรับเฉพาะบน iPad Pro แค่ 2 รุ่นเท่านั้น นั่นก็คือ iPad Pro 12.9 และ iPad Pro 10.5 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ให้อัตราการรีเฟรช (Refresh rate) สูงถึง 120Hz ทำให้การเลื่อนดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ลื่นไหล เนียนตา และตอบสนองได้ดีกว่าเดิม อยากรู้ว่าลื่นและเนียนตามากแค่ไหน ลองดูคลิปวีดีโอเปรียบเทียบระหว่าง iPad Pro 10.5 กับ iPad 9.7 ครับ
Slow-mo vid showing ProMotion on iPad Pro 10.5" vs 9.7". pic.twitter.com/efehry9dmj
— Matt Gemmell (@mattgemmell) June 13, 2017
รองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil
iPad Pro 10.5 รองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil (วางจำหน่ายแยกต่างหาก) ซึ่งสามารถเขียนลายเส้นได้หลายรูปแบบ ทั้งลายเส้นปกติ, แรเงา, รูปวาด เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบวาดภาพเป็นประจำ และด้วยเทคโนโลยี ProMotion บนหน้าจอ ทำให้ Apple Pencil สามารถตอบสนองได้ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้การวาดลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
iOS 11 ทำให้ iPad Pro 10.5 สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ถึงแม้ว่าในตอนนี้ iOS 11 จะยังไม่เปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการ แต่สำหรับ iOS 10 เวอร์ชันปัจจุบัน ก็ทำให้ iPad Pro ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมอยู่แล้ว โดยเฉพาะการทำงานแบบ Multitasking ทั้งฟีเจอร์ Split View กับ Slide Over ซึ่ง iOS 11 นั้น จะเพิ่มฟังก์ชันการทำงานบน iPad เข้ามาอีก เรียกได้ว่า มีหลายฟังก์ชันที่ผู้ใช้ iPad ต่างรอคอยกันมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น Drag and Drop หรือการลากแล้ววางแบบ Multi-Touch สามารถย้ายรูปภาพ, ข้อความ หรือไฟล์จากแอปฯ หนึ่งไปยังอีกแอปฯ หนึ่งได้ง่ายขึ้น, เพิ่มแอปฯ Files จัดเก็บทุกอย่างไว้ในที่เดียว, Dock แบบใหม่ เข้าถึงเอกสารหรือแอปฯ ที่ใช้งานบ่อยได้จากทุกหน้าจอ รวมไปถึงเพิ่มคุณสมบัติให้กับ Apple Pencil ให้สามารถใช้งานกับแอปฯ อื่นได้หลากหลายมากขึ้น
ด้านผู้รีวิว iPad Pro 10.5 จากเว็บไซต์ cultofmac เผยว่า แท็บเล็ตไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดยี่ห้อใดก็ตาม สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่า แท็บเล็ตรุ่นนั้น ๆ ดีหรือไม่ดี อยู่ที่ว่าสามารถสร้างประสบการณ์ด้านการใช้งานให้กับผู้ใช้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจากการทดสอบและใช้งาน iPad Pro 10.5 พบว่า ให้ความรู้สึกที่ประทับใจมากเลยทีเดียว ทั้งในเรื่องของความเร็ว, การตอบสนอง รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ มีอยู่สิ่งเดียวที่ขัดใจ นั่นก็คือ ราคาค่อนข้างสูง ซึ่ง iPad Pro 10.5 ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 24,500 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi ความจุ 64 GB แพงกว่ารุ่นที่ไม่ใช่ Pro ถึง 2 เท่า (iPad 9.7 ราคาเริ่มต้นที่ 12,500 บาท ความจุ 32 GB Wi-Fi) แต่สำหรับใครที่ชอบเก็บทั้งเพลงและวีดีโอใน iPad ขนาด 64 GB คงไม่พอต่อการใช้งาน อาจจะต้องเป็นรุ่น 256 GB แทน แต่ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก
---------------------------------------
ที่มา : cultofmac.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 05/07/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |