เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา สำหรับ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ไอโฟนรุ่นใหม่ประจำปี 2019 ที่ในปีนี้ เน้นอัปเกรดกล้องเป็นหลักทั้งกล้องด้านหน้า และกล้องด้านหลัง รวมถึงสเปกที่แรงขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่ดีไซน์ยังคงเป็นดีไซน์จอบาก และรองรับ Face ID โดยในงานนี้ มีสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเปิดตัวมากมาย พร้อมกับพรีวิว iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ให้ชมกันอีกด้วย มาดูกันดีกว่าว่า ดีไซน์โดยรวมของ iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่น จะเป็นอย่างไรกันบ้าง
พรีวิว iPhone 11
สำหรับ iPhone 11 นั้น คือรุ่นสานต่อของ iPhone XR ไอโฟนราคาย่อมเยาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งยังคงมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว แบบ Liquid Retina HD ความละเอียด 1792 x 828 พิกเซล และเป็นดีไซน์จอบากเหมือนเดิม ส่วนกล้องถ่ายรูปนั้น ได้รับการอัปเกรดให้ดีขึ้นทั้งกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง โดยกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) ส่วนกล้องด้านหลัง เป็นกล้องคู่ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ประกอบด้วย เลนส์ Wide และเลนส์ Ultra-Wide ซึ่งใครที่ชอบถ่ายภาพแบบมุมกว้าง ก็น่าจะชอบมากเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเพิ่ม Night Mode สำหรับถ่ายภาพในที่แสงน้อยอีกด้วย
ด้านการประมวลผลนั้น มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A13 Bionic และ Neural Engine รุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตตัวเดียวกับรุ่นใหญ่อย่าง iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max, รองรับ Face ID, รองรับ 2 ซิม (nanoSIM + eSIM), พอร์ต Lightning และกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68
ส่วนราคาของ iPhone 11 ในไทยนั้น ประกาศราคาทางการออกมาแล้วอยู่ที่ 24,900 บาท ซึ่งถูกกว่าตอนเปิดตัว iPhone XR เสียอีก น่าจะเป็นอีกรุ่นที่ขายดีเพราะราคาระดับนี้ ตัดสินใจได้ไม่ยากนั่นเอง
พรีวิว iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max
มาดูกันที่รุ่นพรีเมียมอย่าง iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max กันบ้าง ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้คือรุ่นสานต่อของ iPhone XS และ iPhone XS Max นั่นเอง แต่ในปีนี้ เพิ่มคำว่า Pro เข้ามา โดยทั้ง 2 รุ่นยังคงมีขนาดหน้าจอเท่าเดิมที่ 5.8 นิ้ว สำหรับ iPhone 11 Pro และ 6.5 นิ้ว สำหรับ iPhone 11 Pro Max
สำหรับกล้องถ่ายรูปด้านหลัง อัปเกรดเป็นกล้อง 3 ตัว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งประกอบด้วย เลนส์ Wide, เลนส์ Ultra-Wide และเลนส์ Telephoto ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ถึง 3 มุมมอง อีกทั้งยังมี Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนเช่นเดียวกับ iPhone 11 ซึ่งดีไซน์กล้องด้านหลังนั้น อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมคล้ายกับ Huawei Mate 20 แต่อยู่มุมบนซ้ายมือ ส่วนกล้องด้านหน้า อัปเกรดเป็นความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
ด้านการประมวลผลนั้น ไม่แตกต่างจาก iPhone 11 มากนัก ทั้งชิปเซ็ต Apple A13 Bionic และ Neural Engine รุ่นที่ 3, รองรับ Face ID, รองรับ 2 ซิม (nanoSIM + eSIM), รองรับระบบชาร์จเร็ว (18W) และพอร์ต Lightning ส่วนคุณสมบัติด้านการกันน้ำฝุ่นนั้น อยู่ที่ระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 4 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) โดยปีนี้ ได้มีการเพิ่มสีใหม่อย่าง สีเขียว Midnight Green ทำให้มีให้เลือกถึง 4 สีด้วยกัน ได้แก่ Silver, Gold, Space Gray และ Midnight Green
สำหรับราคาของ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ในไทย ประกาศออกมาแล้วเช่นกัน เริ่มต้นที่ 35,900 บาท และ 39,900 บาท ตามลำดับ ส่วนวันวางจำหน่ายของ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ในไทย ทีมงานจะรายงานให้ทราบกันต่อไป
-------------------------------------
ที่มา : 9to5mac.com , engadget (1) , (2)
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 12/09/2019
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |