หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

[บทความ] เลือกซื้อ iPhone 6 และ iphone 6 plus ที่ไหนดี ? ระหว่าง Apple Store กับ ผู้ให้บริการเครือข่ายมือ พร้อมสรุปข้อดีข้อเสีย



หลังจากที่ ผู้ให้บริการเครือข่ายในไทยอย่าง TrueMove H, dtac และ AIS ได้มีการเปิดให้ได้จอง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา และ บางค่ายก็จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ทาง Apple เองนั้น ก็เตรียมที่จะวางจำหน่าย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus อย่างเป็นทางการสำหรับประเทศไทย บน Apple Store เช่นเดียวกัน จึงทำให้หลายๆ คนอาจกำลังสงสัยว่า การซื้อ iPhone ผ่านทางผู้ให้บริการเครือข่ายในไทย กับ การซื้อผ่าน Apple Store นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร และ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไรบ้าง วันนี้ทีมงานเว็บไซต์ Techmoblog ได้รวบรวมมาให้ได้ชมกันเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่า จะซื้อผ่านทาง เครือข่ายต่างๆ หรือ ผ่าน Apple Store ดี ลองมาชมกันเลยครับ
 

ความแตกต่างในด้าน วิธีการซื้อ และ ชำระเงิน



การซื้อผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายในไทย : สำหรับการซื้อ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จากผู้ให้บริการเครือข่ายในไทยนั้น ถือว่ามีความสะดวกสบาย สำหรับคนที่ไม่ชอบการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต เพียงแค่คุณเดินไปยังศูนย์บริการเครือข่าย ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ก็สามารถเข้าไปซื้อได้เลย (ถ้าหากสินค้ายังมี) หรืออย่างน้อย ถ้าหากของหมด คุณก็อาจจะสามารถจอง และ มารับของในวันที่ระบุได้ ซึ่งการซื้อ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จากผู้ให้บริการฯ ก็จะสามารถชำระเงินด้วย เงินสด, บัตรเครดิต และ บัตรเดบิต ได้ทันที นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นการผ่อน 0% สำหรับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการด้วย

การซื้อผ่าน Apple Store : สำหรับการซื้อ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ผ่าน Apple Store นั้นก็ถือว่ามีความสะดวกสบายไม่แพ้กัน เพียงแค่เข้าไปที่เว็บไซต์ apple.com ก็สามารถเข้าไปสั่งซื้อ และ เลือกรุ่นที่ต้องการได้ทันที โดยระบบจะมีการบอกวันที่และเวลาการจัดส่งให้ได้ทราบอย่างชัดเจน ว่าสินค้าจะถูกส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณประมาณกี่วัน ส่วนเรื่องการชำระเงินนั้นคุณจำเป็นจะต้องมี บัตรเครดิต หรือ เดบิต ที่มีเครื่องหมาย VISA และ รองรับการชำระเงินออนไลน์ ด้วย เท่านั้น ไม่สามารถชำระเงินด้วยเงินสดได้ ซึ่งหลังจากการกดสั่งซื้อ ระบบจะมีการตัดยอดเงินทันที (สำหรับบัตรเดบิต) หรืออาจจะมีการกันวงเงิน ตามราคาสินค้า (สำหรับบัตรเครดิต) ในกรณีที่สินค้ายังไม่พร้อมส่ง และ จะทำการตัดวงเงินจริง (สำหรับบัตรเครดิต) เมื่อ Apple ส่งสินค้าให้คุณแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า วงเงินในบัตรเครดิต จะต้องครบตามจำนวนสินค้าที่ต้องการซื้อ
 
ข้อควรระวัง : ในบางกรณี (โดยเฉพาะช่วงที่สินค้าขาดตลาด) การซื้อด้วยบัตรเครดิต (บางธนาคาร) ควรตรวจสอบอย่างต่อเนื่องว่า Apple ได้ตัดยอดเงินในวงเงินบัตรเครดิตของคุณแล้วหรือยัง หากยัง ควรตรวจเช็คว่า วงเงินในบัตร มีเพียงพอจนกว่าการชำระเงินจะเสร็จสิ้น ซึ่งอาจกินเวลานานหลายวันกว่าแอปเปิ้ลจะตัดยอดจากบัตรเครดิตคุณ เพราะบัตรเครดิต (บางธนาคาร) อาจไม่มีการกันวงเงินไว้ให้ ทำให้ผู้ใช้อาจรูดซื้อสินค้าอื่น จนวงเงินไม่พอในวันที่ Apple จะตัดยอด แต่สำหรับบางเจ้าที่มีการกันวงเงินให้นั้น คุณอาจจะเห็นว่า วงเงินบัตรเครดิตของคุณจะยังไม่ได้ลดทันทีหลังจากการสั่งซื้อ ซึ่งวงเงินจะลดก็ต่อเมื่อสินค้าพร้อมส่งแล้ว อย่างไรก็ดี เคยมีกรณีที่วงเงินยังไม่ได้ตัด แต่ผู้ซื้อ นำบัตรเครดิตไปใช้รูดสินค้าอื่น ทำให้วงเงินไม่พอในวันที่ Apple ต้องการตัดยอด ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหา และ Apple อาจจะยังไม่ส่งสินค้าให้คุณจนกว่าจะได้รับการชำระเงินใหม่

ความแตกต่างในด้าน การส่งสินค้า และ ตรวจเช็คสินค้า



การซื้อผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายในไทย : คุณสามารถรับสินค้า และ ตรวจเช็คสินค้าได้ภายในวันเดียวกัน รวมถึง หากพบตำหนิ หรือตัวเครื่องมีปัญหา ก็สามารถเปลี่ยนเครื่องได้ในทันที ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีสำหรับการซื้อผ่านผู้ให้บริการฯ อย่างไรก็ดี บ่อยครั้งที่ผู้ให้บริการ อาจปฏิเสธ การเปลี่ยนเครื่อง หาก ตำหนิ หรือ ปัญหาที่พบ ไม่ตรงตามข้อกำหนดที่จะสามารถเปลี่ยนเครื่องได้ หรือในบางกรณี อาจพบว่า เมื่อคุณเดินออกจากช็อปไปแล้ว คุณจะไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ ต้องทำการส่งเคลม หรือได้เครื่อง Refurbished แทน อย่างไรก็ดี กรณีดังกล่าวอาจเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก นอกจากนี้ การซื้อสินค้าผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายนั้น ยังช่วยให้คุณอาจจะได้รับเครื่อง เร็วกว่าการสั่งซื้อจาก Apple Store ด้วย

การซื้อผ่าน Apple Store : คุณสามารถรับสินค้า ภายในช่วงเวลาที่แอปเปิลกำหนด ซึ่งหากเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม คุณอาจต้องรอ 3-4 สัปดาห์เลยทีเดียว แต่หากเป็นสินค้าทั่วไป อาจได้รับสินค้าภายใน 7 วัน โดย Apple จะจัดส่งให้ถึงบ้าน ส่วนเรื่องการเปลี่ยนเครื่องใหม่นั้น หากคุณแกะกล่องแล้วพบว่า สินค้ามีตำหนิ ก็เพียงแค่ อย่าเพิ่งเปิดเครื่อง คุณจะสามารถติดต่อ Apple ผ่านการโทร หรือส่งอีเมล ไปยัง Apple เพื่อขอเปลี่ยนเครื่องได้ เรื่อยๆ จนกว่าคุณจะพอใจ แต่อย่างไรก็ดี ขึ้นตอนการเปลี่ยนเครื่องนั้น จะใช้เวลานานกว่า เพราะจะต้องรอ ทาง Apple ส่งคนมารับเครื่องกลับไป และ ส่งเครื่องกลับมาให้คุณใหม่ ซึ่งอาจกินเวลานานถึง 1 สัปดาห์ ในการเปลี่ยนเครื่องแต่ละรอบ
 
หมายเหตุ : สำหรับกรณีที่เปิดเครื่องแล้ว แล้วมาพบตำหนิของเครื่องในภายหลัง Apple จะทำการพิจารณาเป็นเคสๆ ไป อย่างไรก็ดี หากพบว่า ปัญหาเกิดจากตัวเครื่องจริง Apple จะทำการเปลี่ยนเครื่องให้ใหม่เช่นเดียวกัน

ความแตกต่างในด้าน ประกัน และ บริการหลังการขาย



การซื้อผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายในไทย : สำหรับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus นั้นจะมีระยะเวลาประกันอยู่ที่ 1 ปี โดยการส่งซ่อม หรือเคลมเครื่องนั้น จะต้องนำเครื่องไปรับบริการที่เครือข่ายที่คุณซื้อเครื่องนั้นมา ซึ่งการพิจารณา ในการเคลม จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ จากทาง "ผู้ให้บริการในไทยเป็นอันดับแรก" ซึ่งโดยทั่วไปนั้นถ้าปัญหาเกิดขึ้นจากตัวเครื่องจริง ไม่ได้ทำตกน้ำ, ชื้น, ทำตกพื้น หรือมีร่องรอยที่เกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจต่างๆ ก็จะสามารถเคลมได้ แต่จากเคสต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น พบว่า การเคลมเครื่องผ่าน เครือข่ายในไทยนั้น จะมีการพิจารณา ที่อาจผิดพลาดอยู่บ้าง และ พบว่าในบางเคส การเคลมผ่านเครือข่าย ทำได้ยากพอสมควร
 



การซื้อผ่าน Apple Store : สำหรับระยะเวลาประกันของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่ซื้อผ่าน Apple Store จะได้รับระยะเวลาประกัน 1 ปีเท่ากัน และเช่นเดียวกัน หากคุณไม่ได้ทำตกน้ำ, ชื้น, ทำตกพื้น หรือมีร่องรอยที่เกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจต่างๆ จะสามารถส่งเคลมได้ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ มากกว่านี้ และ ซึ่งบางกรณี ที่เกิดจากผู้ใช้ทำให้ตัวเครื่องมีร่องรอยที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ เล็กๆ น้อยๆ Apple ยังยอมให้สามารถเคลมได้ตามปกติ
 
คำแนะนำเพิ่มเติม : ในบางครั้ง หากตัวเครื่องมีปัญหา และ "ติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายในไทยที่คุณซื้อเรียบร้อยแล้ว" แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ หรือไม่รับเคลม คุณสามารถติดต่อเพื่อร้องเรียนไปยัง Apple ได้ในภายหลัง (อย่างไรก็ดีต้องติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายก่อน) ซึ่งในบางเคส Apple จะประสานงานให้เครือข่ายที่คุณซื้อ และ เจรจาให้ฝั่งผู้ให้บริการ ยอมรับการเคลมจากคุณได้

ความแตกต่างในด้าน ราคา

 



การซื้อผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายในไทย :สำหรับราคาของเครือข่ายต่างๆ ในประเทศไทยนั้น หากเป็นเครื่องแบบติดสัญญารายเดือน (เครื่องพร้อมแพ็กเกจ) จะมีราคา ที่ถูกกว่าการซื้อบน Apple Store เล็กน้อย แต่หากคุณต้องการซื้อเครื่องเปล่าแล้วนั้น การซื้อผ่าน เครือข่าย จะมีราคาที่แพงกว่าพอสมควรเลยทีเดียว

การซื้อผ่าน Apple Store : สำหรับในด้านราคานั้น Apple Store จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการซื้อเครื่องเปล่า แบบไม่ติดสัญญาใดๆ กับเครือข่าย เนื่องจาก ราคาเครื่องเปล่าของ Apple Store นั้นจะถูกกว่าราคาเครื่องเปล่าาจากเครือข่ายอยู่พอสมควร

ดูข้อมูลราคา iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เครื่องศูนย์ เครื่องหิ้ว เพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่
 

การซื้อ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ผ่านผู้ให้บริการฯ เหมาะกับใคร

- ต้องการซื้อเครื่องในราคาถูกที่สุด เพราะใช้งานแพ็กเกจ เกิน 300 บาทต่อเดือนอยู่แล้ว
- ต้องการย้ายค่ายอยู่แล้ว ซึ่งจะได้รับสิทธิ์การซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจ ซึ่งถูกกว่า Apple Store
- ต้องการซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจโปรโมชั่นต่างๆ จากทางผู้ให้บริการฯ
- ต้องการตรวจสอบเครื่องก่อนชำระเงิน
- ต้องการได้เครื่องแบบที่ไม่ต้องรอส่งนานๆ (ถ้าเป็นช่วงที่เครื่องไม่ขาดสต็อก)
- ต้องการชำระค่าเครื่องด้วยเงินสด
- มีปัญหาส่งเคลมได้ด้วยตัวเองผ่านศูนย์บริการทั่วประเทศ
- ต้องการโปรโมชั่นสำหรับบัตรเครดิตต่างๆ

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับการซื้อผ่านผู้ให้บริการฯ

- ราคาเครื่องเปล่าแพงกว่า Apple Store
- มีปัญหาจากการใช้งานต้องติดต่อทางผู้ให้บริการฯ ก่อนทุกครั้ง
- ประสิทธิภาพการบริการหลังการขาย เป็นแบบสุ่ม ดีไม่ดี แล้วแต่ดวง
 

สรุป : การซื้อ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ผ่าน Apple Store เหมาะกับใคร

- ใจเย็น รอได้ ไม่รีบใช้เครื่อง
- ต้องการซื้อเครื่องเปล่าในราคาที่ถูกที่สุด
- ต้องการความสะดวกสบายในการสั่งซื้อ แบบออนไลน์
- ต้องการความสะดวกสบายในการรับสินค้า ที่ส่งถึงบ้าน
- การพิจารณาการเคลม เป็นไปตามเงื่อนไขจาก Apple โดยตรง
- ชื่นชอบบริการหลังการขายของ Apple

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับการซื้อผ่านผู้ให้บริการฯ

- ต้องชำระเงินด้วยบัตรเดบิต หรือ บัตรเครดิตเท่านั้น
- ไม่มีโปรโมชั่นบัตรเครดิตเหมือนการซื้อผ่านเครือข่าย
- ระยะเวลาในการรอเครื่องอาจนานหลายวัน
- ระยะเวลาการเคลมเครื่อง อาจใช้เวลาถึง 1 สัปดาห์ ในการส่งเครื่องกลับ และ รับเครื่องใหม่
 

สรุป : ความเห็นจากทีมงานสำหรับการเลือกซื้อ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus



โดยรวมแล้ว จะเห็นได้ว่า การซื้อผ่าน Apple Store หรือ ผู้ให้บริการฯ นั้นจะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป รวมถึง ทั้งสองแบบนั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของคุณเป็นหลัก ถ้าคุณไม่ชอบรอ บางทีการสั่งซื้อผ่าน Apple Store อาจจะไม่ถูกใจคุณ หรือถ้าคุณไม่ชอบที่จะต้องเสียเวลาไปเคลม หรือไปต่อคิวซื้อหน้าร้าน การซื้อผ่านเครือข่ายฯ ก็อาจจะไม่ถูกใจคุณก็เป็นได้ เพราฉะนั้น ทีมงานอาจจะสรุปให้ไม่ได้ว่า การซื้อผ่าน เครือข่าย หรือ Apple Store จะดีกว่ากัน แต่ทีมงานคิดว่า หากคุณพิจารณา ความต้องการของคุณ ว่าคุณต้องการอะไร จากการสรุปข้อดีข้อเสียที่ทีมงานได้กล่าวไว้ด้านบนแล้ว คุณอาจจะเลือกได้ง่ายขึ้นว่า ควรซื้อผ่าน Apple Store หรือ ผู้ให้บริการเครือข่ายในไทยอย่าง TrueMove H, dtac, หรือ AIS กันแน่ ท้ายนี้ ทีมงานหวังว่า ข้อมูลที่ได้รวบรวมมาให้ได้อ่านกันในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ
 
บทความที่เกี่ยวข้อง
 




Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy