ในที่สุดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก Apple ประจำปี 2017 ก็วางจำหน่ายแล้วในหลายๆ ประเทศทั่วโลกรวมไปถึงบ้านเรา ซึ่งในปีนี้มีการเปิดตัวทีเดียวถึง 3 รุ่นได้แก่ iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X แม้ว่าตอนนี้กระแสความนิยมจะเทไปทาง iPhone X เสียเป็นส่วนใหญ่เพราะมีดีไซน์และสเปกที่โดดเด่นกว่า แต่ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ระดับแถวหน้าที่ครบเครื่องทั้งสเปกและฟีเจอร์เช่นกัน โดยมาพร้อมกับดีไซน์บอดี้กระจก metal-glass sandwich ที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมยิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยชิปเซ็ต Apple A11 Bionic ที่เร็วแรงที่สุดในวงการ ณ เวลานี้ อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จเร็วและชาร์จไร้สายอีกด้วย
สำหรับในวันนี้ทางทีมงน Techmoblog ก็ได้รับ iPhone 8 Plus มาอยู่ในมือแล้วจึงถือโอกาสจับมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกัน ตั้งแต่ดีไซน์ภายนอก การใช้งานเบื้องต้น ไปจนถึงความสามารถใหม่ๆ ของกล้องคู่ จะพัฒนาขึ้นจากรุ่นที่แล้วอย่างไรไปดูพร้อมๆ กันเลยครับ
ก่อนอื่นก็มาดูกันตั้งแต่แพ็คเกจจิงกันเลยครับ โดย iPhone 8 Plus จะมาในกล่องสีขาวสะอาดดีไซน์เรียบๆ พร้อมภาพตัวเครื่องด้านหลังใหญ่ๆ ชัดๆ ที่บ่งบอกสีของตัวเครื่องในกล่อง ซึ่งเครื่องนี้เป็นสีทอง (Gold) แต่สีทองเวอร์ชันนี้จะต่างออกไปจากสีทองที่เราเคยเห็นกันบน iPhone โดยจะออกสีนำตาลอมชมพูครับ
เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับคู่มือการใช้งาน, อแดปเตอร์, สาย Lightning, หูฟัง Lightning EarPods และตัวเครื่อง iPhone 8 Plus
หูฟัง EarPods ที่แถมมาด้วยจะเป็นแบบ Lightning ซึ่งเอาไปใช้งานกับ iPhone 7 และ iPhone 8 ได้โดยไม่ต้องใช้สายแปลง
อย่างไรก็ดีทาง Apple ก็ได้แถมสายแปลง Lightning เป็นแจ็คหูฟัง 3.5 มม. มาให้ในกล่องด้วยเช่นกัน
เนื่องจาก iPhone 8 Plus ที่นำมารีวิวนี้ไม่ใช่เครื่องศูนย์ไทย อแดปเตอร์ชาร์จไฟจึงเป็นแบบ 3 ขาอย่างที่เห็น หากเป็นเครื่องที่วางจำหน่ายในไทยจะมาพร้อมกับอแดปเตอร์แบบ 2 ขาที่เหมาะกับปลั๊กไฟบ้านเรามาให้แทน
ตัวเครื่อง iPhone 8 Plus มีขนาด 158.4x78.1x7.5 มม. หนัก 202 กรัม หน้าจอแสดงผล Retina HD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p (1080x1920 พิกเซล)
ส่วนด้านหลังของ iPhone 8 Plus จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากรุ่นก่อนๆ เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้ดีไซน์ Metal-Glass Sandwich ที่มีกระจกครอบทับบอดี้โลหะเอาไว้ ทำให้ดูเงาวาวและหรูหรากว่าเดิม แต่ก็แตกร้าวได้ง่ายกว่าเดิมเช่นกัน
บริเวณขอบล่างของหน้าจอจะเป็นที่อยู่ของปุ่มโฮมและเซ็นเซอร์ Touch ID ที่เราคุ้นเคย ซึ่งเป็นแบบ capacitive touch ที่ไม่สามารถกดได้ แต่จะตอบสนองด้วยการสั่นแบบเดียวกับปุ่มโฮมของ iPhone 7
บริเวณขอบบนหน้าจอประกอบด้วยลำโพงสนทนา เซ็นเซอร์ต่างๆ และกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง F/2.2 รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด Full HD และไม่รองรับการสแกนใบหน้า 3 มิติ (Face ID) แบบ iPhone X
บอดี้ของ iPhone 8 Plus มีการหุ้มด้วยเฟรมโลหะสีทองเป็นชิ้นเดียว ด้านซ้ายมีปุ่มเปิด-ปิดเสียง (หรือล็อกการหมุนของหน้าจอ) และปุ่มปรับระดับเสียง ด้านขวามีถาดใส่ซิม (nanoSIM) และปุ่ม Power ส่วนด้านล่างจะเป็นลำโพงคู่และพอร์ต Lightning ไม่มีช่องเสียบหูฟัง
กล้องหลังของ iPhone 8 Plus เป็นกล้องคู่ (Dual-Camera) ที่มีการจัดวางแบบแนวนอน ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (f/1.8, 28mm, OIS) + 12 ล้านพิกเซล (f/2.8, 57mm) มีระบบโฟกัส PDAF รองรับการซูมแบบ Optical 2 เท่า ไฟแฟลช quad-LED (dual tone) รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K และ Slowmotion
และฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาสำหรับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus คือ True Tone ที่จะปรับอุณหภูมิสีบนหน้าจอตามสภาพแวดล้อมรอบๆ เพื่อให้การแสดงผลสมจริงอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ภายใต้สภาวะแสงแบบใด
หลายคนคงจะสงสัยว่า iPhone 8 Plus กับ iPhone 7 Plus นั้นมีรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างกันตรงไหนอย่างไร เราจึงนำมาถือเทียบให้ดูกันชัดๆ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้ง 2 รุ่นมีดีไซน์ภายนอกที่เหมือนกันมาก และยังมีขนาดเท่าๆ กัน จะแตกต่างกันที่ความเงาวาวของบอดี้กระจก iPhone 8 Plus เท่านั้นครับ
iPhone 8 Plus ที่นำมารีวิวเป็นรุ่นความจุ 64 GB และมาพร้อมกับ iOS 11.0.2 ตั้งแต่แกะกล่อง
iPhone 8 Plus มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 11 ตั้งแต่แกะกล่อง เมื่อเราเปิดเครื่องขึ้นมาเราจึงเจอกับวอลเปเปอร์มาตรฐานของ iOS เวอร์ชันนี้ จากหน้าจอ lockscreen หากปัดไปทางซ้ายจะพบกับ widget ต่างๆ ซึ่งเราสามารถเข้าไปปรับแต่งทีหลังได้ หากปัดไปทางขวาจะเป็นทางลัดเข้าสู่กล้องถ่ายรูป
เมื่อเข้ามาสู่หน้าจอหลักก็จะพบกับการจัดวางไอคอนของแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุ้นตาและ Dock ที่ขอบจอล่างสำหรับเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ใช้บ่อยอย่างรวดเร็ว เป็นการออกแบบ UI ที่เข้าใจง่ายและใช้เวลาทำความคุ้นเคยไม่นาน
เมื่อปัดนิ้วจากขอบจอด้านล่างขึ้นมาจะเป็นการเปิดแผง Control Center ซึ่งมีหน้าตาเปลี่ยนไปใน iOS 11 โดยจะมีลักษณะดังภาพ หากกดหนักลงบนทางลัดจะเป็นสามารถเข้าถึงการตั้งค่าที่ละเอียดขึ้น
เราสามารถเลือกว่าจะให้ทางลัดการตั้งค่าแบบใดมาอยู่ใน Control Center บ้างโดยการเข้าไปตั้งค่าในหมวด Settings
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่เพิ่มเข้ามาใน iOS 11 คือ Emergency SOS ที่จะช่วยให้เราโทรหาหมายเลขที่ตั้งค่าไว้ได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินโดยไม่ต้องปลดล็อกหน้าจอ เพียงแค่กดปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียงค้างไว้พร้อมกัน หรือกดทั้ง 2 ปุ่มรัวๆ 5 ครั้ง สามารถบันทึกหรือเปลี่ยนแปลงหมายเลขโทรฉุกเฉินได้ที่แอปพลิเคชัน Health
App Store ก็ได้รับการปรับโฉมใหม่ในเวอร์ชันนี้เช่นกัน
ทีเด็ดของ iPhone 8 Plus อย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยีการแสดงผลกราฟิก Augmented Reality ของ ARkit ที่ทำได้สมจริงทั้งมิติและแสงเงา ซึ่งใน AppStore จะมีเกมที่รองรับเทคโนโลยีนี้โดยตรงอยู่ด้วย และบางเกมก็เป็น Exclusive สำหรับ iOS เท่านั้น อย่างในภาพด้านบนนี้เป็นเกม Stacks เวอร์ชัน AR ที่เหมือนกับเรากำลังต่อบล็อกบนโต๊ะทำงานจริงๆ ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของการเล่นเกมครับ
ตัวอย่างอีก 1 เกมที่มีการแสดงผลแบบ AR
กล้องคู่ด้านหลังเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ iPhone 8 Plus นอกจากจะอัปเกรดฮาร์ดแวร์แล้ว ยังอัปเกรดซอฟต์แวร์ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้าไป ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็น Studio Light ที่ช่วยปรับแสงของภาพให้ดูราวกับถ่ายในสตูดิโอ ซึ่งสามารถดูตัวอย่างภาพถ่ายได้ในหัวข้อถัดไป
ในส่วนของฟิลเตอร์ก็ยังมีให้เลือกหลายแบบ และปรับได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเช่นเคย
นอกเหนือจากตัวเลือกการตั้งค่าในแอปพลิเคชันแล้ว เราสามารถเข้าไปตั้งค่าความละเอียดของรูปถ่ายและวิดีโอ รวมไปถึงการตั้งค่าปลีกย่อยอื่นๆ ได้ในหน้า Settings
ในส่วนของค่า Benchmark นั้น iPhone 8 Plus ทำคะแนนได้น่าประทับใจ โดยทำคะแนนของ AnTuTu ได้ 184115 และของ 3DMark ทำได้ 63714 จัดว่าสูงมากๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
กล้องหน้าของ iPhone 8 Plus ไม่ได้มีสเปกหรือฟีเจอร์อะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษ โดยมีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง F/2.2 รองรับการบันทึกวิดีโอ Full HD แต่ภาพที่ถ่ายจะมีสีสันค่อนข้างแม่นยำสมจริง ตามตัวอย่างด้านล่าง :
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
กล้องหลังของ iPhone 8 Plus เป็นกล้องคู่ (Dual-Camera) ที่มีการจัดวางแบบแนวนอน ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (f/1.8, 28mm, OIS) + 12 ล้านพิกเซล (f/2.8, 57mm) มีระบบโฟกัส PDAF รองรับการซูมแบบ Optical 2 เท่า ไฟแฟลช quad-LED (dual tone) รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K และ Slowmotion นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ Studio Lighting ที่ช่วยให้เราเล่นแสงเงาได้มากขึ้น ถือเป็นจุดขายสำคัญของ iPhone 8 Plus ภาพที่ถ่ายด้วยฟีเจอร์ใหม่นี้จะออกมาเป็นอย่างไร เราไปดูตัวอย่างด้านล่างกันเลยครับ :
Natural Light (โหมดแสงปกติ)
Studio Light
Contour Light
Stage Light
Stage Light Mono
เปรียบเทียบภาพถ่ายโหมด Natural, Studio และ Contour
เปรียบเทียบภาพถ่ายโหมด Stage Light และ Stage Light Mono
จากภาพตัวอย่างข้างต้น สังเกตได้ว่าโหมด Studio Lightning จะเพิ่มแสงให้กับบุคคลในภาพในลักษณะคล้ายกับการส่องด้วยไฟในสตูดิโอ ทำให้ใบหน้าสว่างและโดดเด่นขึ้น ส่วนในโหมด Contour Light จะช่วยทำให้เงาบนใบหน้าชัดเจนยิ่งขึ้น สำหรับ Stage Light จะมี 2 โหมด คือโหมดภาพสี และภาพขาวดำ ซึ่งในโหมดนี้จะทำให้ฉากหลังมืดไปทั้งหมด เพื่อไฮไลท์ที่ตัวบุคคล แต่ดูเหมือนว่าซอฟท์แวร์ประมวลผลภาพจะยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร การตัดขอบแยกแยะบุคคลกับพื้นหลังยังทำได้ไม่ดีนักโดยเฉพาะบริเวณปอยผม ซึ่งเชื่อว่า Apple คงจะปล่อยอัปเดตออกมาแก้ไขให้ดีขึ้นในอนาคต
iPhone 8 Plus เป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2017 แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะแทบไม่ต่างจาก iPhone 7 Plus และไม่ได้เป็นดีไซน์ไร้ขอบอย่างที่กำลังนิยมกัน แต่ก็ปรับเปลี่ยนวัสดุตัวเครื่องใหม่เป็นโลหะที่ครอบทับด้วยกระจก (metal-glass sandwich) ทำให้ดูหรูหรายิ่งขึ้น และรองรับการชาร์จไร้สายได้ ส่วนสเปกภายในก็มีการอัปเกรดเช่นกันโดยเฉพาะชิปเซ็ต Apple A11 Bionic ตัวเดียวกับที่ใช้ใน iPhone X จึงทำงานได้รวดเร็วไม่แพ้กัน (หรืออาจจะเร็วกว่าด้วยซ้ำเพราะ iPhone 8 Plus ไม่ต้องประมวลผล Face ID) แต่ RAM ยังคงเป็น 3GB เท่าเดิม
ในด้านการถ่ายภาพ iPhone 8 Plus มีกล้องคู่ด้านหลังที่ได้รับการอัปเกรดมาจากรุ่นที่แล้วทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะฟีเจอร์ Studio Lighting ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ปรับแสงเงาของภาพถ่ายได้หลายแบบในอารมณ์ต่างๆ กัน ทำให้การถ่ายภาพสนุกขึ้นกว่าเดิม แต่การตัดขอบเบลอพื้นหลังยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะการตัดขอบในโหมด Stage Light ซึ่งคาดว่า Apple จะปล่อยอัปเดตออกมาปรับปรุงในส่วนนี้ต่อไปในอนาคต
iPhone 8 Plus เครื่องเปล่ามีราคาเริ่มต้น 32,500 บาท มีให้เลือก 3 สีคือสีทอง สีเงิน และสีเทาสเปซเกรย์ วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ววันนี้ตามร้านตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วไป พร้อมโปรโมชันอีกมากมายครับ
จุดเด่นของ iPhone 8 Plus
จุดที่ต้องพิจารณา
ข้อควรทราบ : เครื่อง iPhone 8 Plus ในบทความรีวิวนี้ ไม่ใช่เครื่องศูนย์ไทย คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่ตรงกับเครื่องที่วางจำหน่ายในประเทศไทย 100%
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 14/05/2020
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |