สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้ iPhone จะต้องรู้ โดยเฉพาะผู้ที่กำลังมองหา ไอโฟนมือสอง มาใช้งาน นอกเหนือไปจากการตรวจเช็คสภาพรอบๆ ตัวเครื่อง และการรับประกันแล้ว การตรวจวัดความชื้น ถือว่า เป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่ง iPhone แต่ละรุ่น จะมี แถบวัดความชื้น (Liquid Contact Indicator) อยู่แล้ว ตรงพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ ถ้าหากตัวเครื่องเคยถูกความชื้น จะเปลี่ยนจากแถบสีขาว เป็นชมพู หรือสีแดงนั่นเอง ฉะนั้น ถ้าหากกำลังจะซื้อ ไอโฟนมือสอง แล้วเจอแถบวัดความชื้นเปลี่ยนสีแบบนี้ ห้ามซื้อเด็ดขาด ถึงจะเป็นเครื่องมีประกันเหลืออยู่แล้ว ก็ไม่สามารถเคลมได้ เพราะหมดประกันทันทีครับ
โดยในวันนี้ ทีมงาน techmoblog มีวิธีตรวจวัดความชื้นบน iPhone แต่ละรุ่น มาฝากกัน ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่ายด้วยตนเอง มาดูกันดีกว่าว่า แต่ละรุ่น มีแถบวัดความชื้นอยู่ตรงส่วนไหนของตัวเครื่องกันบ้าง
สำหรับ iPhone 3G และ iPhone 3GS แถบวัดความชื้นจะอยู่ตรง ช่องหูฟัง และพอร์ตสำหรับเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่
iPhone 4 และ iPhone 4S แถบวัดความชื้นจะอยู่ตรง ช่องหูฟัง และพอร์ตสำหรับเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่ เช่นเดียวกับ iPhone 3G และ iPhone 3GS
iPhone 5, iPhone 5C และ iPhone 5S แถบวัดความความชื้น อยู่ตรงถาดใส่ซิมการ์ด วิธีการตรวจสอบก็คือ ให้ถอดถาดใส่ซิมการ์ดออกมา แล้วใช้ไฟฉายส่อง หากเจอแถบเปลี่ยนเป็นสีแดง แสดงว่า เครื่องเกิดความชื้นครับ
ส่วน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ล่าสุด มีหลายท่านสงสัยว่า แถบวัดความชื้นอยู่ตรงไหนกันแน่ เนื่องจากส่องดูแล้วไม่พบ โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ แถบวัดความชื้น อยู่ภายในตัวเครื่องครับ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยการส่อง จะต้องแกะเครื่องเพื้อตรวจสอบเท่านั้น
สำหรับข้อมูลทั้งหมดนี้ เป็นการตรวจสอบความชื้นบน iPhone ในเบื้องต้น ถ้าหากพบเจอ แถบวัดความชื้น เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อไหร่ ห้ามซื้อ ไอโฟน เครื่องดังกล่าวมาใช้งานเด็ดขาดครับ
---------------------------------------
ข้อมูลโดย : techmoblog.com
Update : 26/03/2015
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |