อาการหน้าจอแตก ถือว่า เป็นปัญหาใหญ่ และเป็นฝันร้ายของ ผู้ใช้สมาร์ทโฟนทุกท่าน เลยก็ว่าได้ครับ เพราะเชื่อได้เลยว่า คงไม่มีใคร อยากทำให้ สมาร์ทโฟน ที่ควักเงินซื้อเครื่องละหมื่นสองหมื่น เป็นรอย ตกพื้น หรือใช้งานไม่ได้ ทุกๆ คนต่างก็รัก สมาร์ทโฟน ที่ใช้อยู่กันทั้งนั้น แต่เหตุการณ์แบบนี้ บางครั้งก็เกิดขึ้นเอง โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งในบางที แค่ตัวเครื่องเป็นรอย ยังพอรับได้ ด้วยการหาเคสมาใส่ปกปิดรอยกันไป แต่ถ้าเกิดว่า iPhone หน้าจอแตก บางท่านคงถึงกับ มึนงง คิดอะไรไม่ออก เพราะไม่รู้จะแก้ปัญหาด้วยการ ซื้อใหม่ หรือ นำไปเคลม ส่งซ่อมดี เพราะทุกอย่าง ต่างก็ต้องเสียเงินด้วยกันทั้งนั้น
ในวันนี้ ทีมงาน techmoblog มีวิธีแนะนำ เพื่อจัดการกับปัญหา iPhone หน้าจอแตก มาฝากกัน มาดูกันครับว่า ทำได้อย่างไรกันบ้าง
1. เคลมผ่านศูนย์บริการ
ปกติแล้ว ผลิตภัณฑ์ของ Apple ทุกชิ้น จะมีการรับประกันเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งในช่วงเวลา 1 ปีนั้น ถ้าหาก iPhone ที่ใช้อยู่เกิดปัญหา สามารถส่ง เคลม ได้ที่ศูนย์บริการที่ซื้อมาได้โดยตรง ยกตัวอย่างเช่น ซื้อจาก iStudio ก็เคลมที่ iStudio หรือซื้อจาก TrueMove H ก็เคลมที่ TrueMove H ไม่สามารถเคลมที่ Dtac ได้ เป็นต้น ส่วนผู้ที่ซื้อ iPhone ผ่านทาง Apple Online Store สามารถเคลมได้ที่ Authorized Service Provider (AASP)
สินค้า Refurbished คืออะไร ?
สำหรับ iPhone ที่ผ่านการเคลม ด้วยการเปลี่ยนเครื่อง เครื่องที่ถูกเปลี่ยนมาให้นั้น จะเรียกว่า เครื่อง Refurbished ครับ ซึ่งเครื่อง Refurbished นั้น จริงๆ แล้ว ไม่ใช่เครื่องมือสองอย่างที่เข้าใจกันนะครับ โดยเครื่อง Refurbished คือ เครื่องที่ถูกผลิตมาแล้วผิดสเปค หรือเครื่องที่ผู้ซื้อไม่ชอบในตัวสินค้า และขอส่งคืน โดยที่ยังไม่ได้เปิดใช้งานเครื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งทางโรงงาน จะนำสินค้าดังกล่าว ไปตรวจสอบ และทดสอบเหมือนกับเครื่องใหม่ทุกประการ เพื่อให้แน่ใจว่า สินค้าตัวนี้ จะสามารถทำงานได้เทียบเท่าเครื่องใหม่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง นอกจากนี้ ยังได้รับการประกันเป็นเวลา 1 ปี เหมือนกับเครื่องใหม่อีกด้วย
สรุปง่ายๆ ก็คือ เครื่อง Refurbished เป็นเครื่องที่มีสภาพสมบูรณ์ เทียบเท่าเครื่องใหม่ แต่ไม่ใช่เครื่องมือสองครับ
ศูนย์บริการ ไม่รับเคลมเครื่อง
ปัญหาใหญ่ที่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Apple มักจะพบเจอเมื่อนำสินค้าไปเคลม เพื่อเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นั่นก็คือ ศูนย์บริการปฏิเสธการเคลม แม้ว่า สินค้าที่เราใช้อยู่นั้น จะยังอยู่ในระยะรับประกันก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้ จำเป็นต้องรับทราบก็คือ การรับประกันจาก Apple จะครอบคลุมเฉพาะกรณีที่ ตัวเครื่องทำงานผิดปกติอันเกิดมาจากการผลิตเท่านั้น ซึ่งทางศูนย์บริการ จะไม่รับเคลม ในกรณีดังต่อไปนี้
(ก) ชิ้นส่วนที่ใช้สิ้นเปลือง เช่น แบตเตอรี่ หรือสารเคลือบป้องกันผิวซึ่งถูกกำหนดให้ลดน้อยลงไปตามระยะเวลา เว้นแต่ความล้มเหลวได้เกิดขึ้นจากความบกพร่องในด้านวัสดุหรือฝีมือการผลิต
(ข) ความเสียหายต่อความสวยงาม ซึ่งรวมถึงโดยไม่จำกัดเฉพาะรอยขีดข่วน รอยบุ๋ม และพลาสติกแตกตามช่องต่างๆ
(ค) ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น
(ง) ความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ การใช้งานผิดวัตถุประสงค์ การใช้งานผิดวิธี การสัมผัสกับของเหลว ไฟไหม้ แผ่นดินไหว หรือสาเหตุภายนอกอื่นๆ
(จ) ความเสียหายที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์แอปเปิลนอกเหนือแนวทางการใช้ที่จัดพิมพ์โดยแอปเปิล
(ฉ) ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบริการ (ซึ่งรวมถึงการยกระดับ และการขยาย) ที่ทำโดยบุคคลซึ่งมิใช่ผู้แทนของแอปเปิล หรือมิใช่ผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตของแอปเปิล (“AASP”)
(ช) ผลิตภัณฑ์แอปเปิลที่ถูกดัดแปลงเพื่อเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือความสามารถโดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากแอปเปิล
(ซ) การชำรุดบกพร่องที่เกิดจากการใช้งานตามปกติ หรือโดยประการอื่นอันเนื่องจากการมีอายุตามปกติของผลิตภัณฑ์แอปเปิล
(ฌ) ถ้าหมายเลขประจำเครื่องของผลิตภัณฑ์แอปเปิลได้ถูกแกะออกหรือขีดฆ่า
** รายละเอียดเพิ่มเติม : apple.com
ซึ่งจากกรณีข้างต้นนั้น สรุปง่ายๆ ก็คือ ถ้าหาก iPhone เสียหาย อันเนื่องมาจากการใช้งานของผู้ใช้เอง จะไม่สามารถเคลม เพื่อเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่ได้ฟรีครับ ฉะนั้น ในกรณีที่ หน้าจอ iPhone แตก แล้วนำเครื่องไปเคลม จะต้องเสียเงินเพื่อเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่สถานเดียว
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเคลมเครื่อง เมื่อเกิดปัญหา iPhone หน้าจอแตก อยู่ที่ราวๆ 8,900 บาท และจะได้เครื่อง Refurbished มาใช้งานครับ นอกจากนี้ สินค้าที่ถูกเคลมด้วยการเปลี่ยนเครื่อง จะได้ต่อระยะเวลาประกันไปอีก จนครบ 90 วัน ยกตัวอย่างเช่น ประกันเหลือ 40 วัน หลังจากเคลมแล้ว จะปรับระยะเวลารับประกันเป็น 90 วัน แต่ถ้าหากเหลือระยะเวลารับประกัน มากกว่า 90 วันอยู่แล้ว จะไม่ได้รับการต่อระยะเวลารับประกันครับ
ส่วน iPhone ที่หมดประกันแล้ว และมีปัญหาหน้าจอแตก สามารถส่งเคลมที่ราคา 8,900 บาทได้เช่นกัน แต่ในกรณีนี้ จะไม่ได้ระยะเวลารับประกันเพิ่มครับ
2. ไปร้านรับซ่อมมือถือ
ถ้าหากการนำ iPhone หน้าจอแตก ไปเคลมที่ศูนย์บริการ และต้องจ่ายเงิน 8,900 บาท เพื่อเปลี่ยนเครื่องนั้น เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป อีกวิธีหนึ่งก็คือ นำเครื่องไปร้านรับซ่อมมือถือ หรือร้านตู้ เพื่อเปลี่ยนเฉพาะหน้าจอที่แตก ซึ่งกรณีนี้ จะมีค่าใช้จ่ายไม่เกิน 4,000 บาท และถือว่า เป็นค่าใช้จ่ายที่คนส่วนใหญ่ สามารถรับได้ แต่ข้อเสียก็คือ จะต้องวัดดวงในเรื่องของคุณภาพการใช้งานกันเอาเองครับว่า เจอร้านดีหรือไม่ดี เพราะบางร้าน อาจจะนำ กระจกหน้าจอราคาถูก มาเปลี่ยนให้ก็ได้ และอาจจะใช้งานได้ไม่ทนนัก แถมเครื่องของคุณ จะหมดประกันทันทีอีกด้วย
สำหรับกรณีนี้ มีข้อดีคือ ราคาถูกกว่า แต่ข้อเสียคือ ต้องวัดดวงกับร้านที่นำไปเปลี่ยนครับ ฉะนั้น แนะนำว่า เพิ่มเงินเพื่อเปลี่ยนเครื่องใหม่กับทางศูนย์ให้บริการจะดีกว่า เพราะได้เครื่องใหม่ แบตเตอรี่ใหม่ แถมยังได้ประกันเพิ่มอีกด้วย
สรุปแล้ว วิธีไหนดีกว่า?
ปัจจัยที่เป็นตัวตัดสินใจว่า ควรจะเลือกวิธีที่ 1 หรือ 2 อยู่ที่ เงินในกระเป๋าเป็นหลักครับ ถ้าหากงบน้อย ก็เปลี่ยนเฉพาะหน้าจอที่แตก ในงบประมาณไม่เกิน 4,000 บาท แต่ถ้าหาก มีงบปานกลาง ก็ควรจะนำเครื่องไปเคลม เพื่อเปลี่ยนเป็นเครื่อง Refurbished ซึ่งได้เครื่องที่มีสภาพสมบูรณ์ เทียบเท่าเครื่องใหม่ แต่กรณีสุดท้าย ถ้าหากงบประมาณไม่ใช่ปัญหา แนะนำให้ซื้อเครื่องใหม่ เพื่อความสบายใจของผู้ใช้ครับ
---------------------------------------
ข้อมูลโดย : techmoblog.com
Update : 26/03/2015
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |