เผยความลับเบื้องหลังชื่อ Apple A11 Bionic ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่ติดตั้งบน iPhone X มีความหมายอะไรแอบแฝงเอาไว้ ?

หนึ่งในของใหม่ที่ติดตั้งไว้บน iPhone X เรือธงรุ่นล่าสุดจาก Apple นั่นก็คือ ชิปเซ็ตประมวลผลระดับไฮเอนด์รุ่นล่าสุด Apple A11 Bionic ที่มาพร้อมกับจุดเด่นด้านความแรงในการประมวลผลของ CPU ซึ่งก็มีผลทดสอบออกมาว่า สามารถทำคะแนนได้เหนือกว่าเรือธงจากฝั่ง Android รวมไปถึงแล็ปท็อปอย่าง Macbook Pro เลยทีเดียว แต่เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า ชื่อ "Bionic" ที่ต่อท้ายชิปเซ็ต Apple รุ่นใหม่นั้น มีความหมายแอบแฝงหรือไม่ ? เพราะหากย้อนกลับไปดูการตั้งชื่อชิปเซ็ต A-Series ครั้งที่ผ่านมาๆ Apple มักจะตั้งเป็นตัวเลขเท่านั้น ไม่มีชื่อต่อท้ายแต่อย่างใด

แต่ล่าสุด เราไม่ต้องเดากันให้ยุ่งยากแล้ว เพราะ Apple ได้ออกมาเปิดเผยถึงความหมายที่แท้จริง ของชื่อที่พ่วงท้ายชิปเซ็ตรุ่นใหม่ให้ทราบกันเป็นที่เรียบร้อย โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากชื่อของชิปเซ็ตรุ่นเก่าๆ อย่าง Apple A8 หรือ Apple A9 อาจดูไม่ค่อยเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับชิปเซ็ตของฝั่งคู่แข่ง ดังนั้น Apple จึงได้เพิ่มคำต่อท้ายชื่อชิปเซ็ตเอาไว้ด้วย โดยเริ่มตั้งแต่รุ่น Apple A10 ที่มีคำว่า Fusion พ่วงท้ายเอาไว้ด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเพื่อให้ผู้ใช้สามารถจดจำชื่อชิปเซ็ตของ Apple ได้ขึ้นใจนั่นเอง

จะเห็นได้ว่า ชื่อต่อท้ายที่เพิ่มเข้ามาเป็นเพียงกิมมิคของ Apple เพื่อทำการตลาด และดึงความสนใจของผู้ใช้งานเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายแอบแฝงแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ดี ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Apple พยายามสร้างกิมมิคให้แก่ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ซึ่งเป็นปีที่ iPhone 4 เปิดตัว ทาง Apple ได้ชูจุดเด่นของ iPhone รุ่นดังกล่าว ด้วยการมาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A4 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกที่ Apple ออกแบบเอง รวมถึงในปี 2013 ที่ iPhone 5s เปิดตัวครั้งแรก ทาง Apple ก็ชูจุดเด่นด้านการเลือกใช้งานชิปเซ็ตแบบ 64-bit เป็นรุ่นแรกของโลกมาแล้ว

---------------------------------------
ที่มา : PhoneArena, BGR
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 22/09/2017

Apple iPhone X IT Apple A11 Bionic