[17-ตุลาคม-2555] ย้อนกลับไปในวันที่ iPhone 5 นั้นเปิดตัว ในวันนั้นเอง ยังมีสินค้าจากแอปเปิ้ลอีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น iPod Touch Gen 5 และ iPod Nano ซึ่งสำหรับ iPod Nano ในตอนนี้นั้น เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่ 7 แล้ว ซึ่งในรุ่นนี้เอง ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อนหน้าอยู่พอสมควร เราลองมาดูกันว่า iPod Nano gen 7 นั้นจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง
ถึงแม้ว่า iPod Nano รุ่นก่อนหน้า หรือรุ่นที่ 6 นั้น จะมีจุดที่ผู้ใช้อาจจะรู้สึกว่ายังไม่ตอบโจทย์มากมายหลายประการ แต่ด้วยการออกแบบให้อยู่ในขนาดของ นาฬิกาข้อมือ ซึ่งภายหลังก็มีอุปกรณ์เสริมที่เป็น ริสแบนด์ ที่ใช้ร่วมกับ iPod Nano ได้อย่างเข้ากัน จึงทำให้ iPod Nano รุ่นที่ 6 หรือรุ่นก่อนหน้านั้น เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับ iPod Nano รุ่นที่ 7 นั้น ทางแอปเปิ้ลเองได้มีการนำเอา ข้อเสนอแนะจากผู้ใช้ มาปรับปรุงมากมาย โดยเฉพาะเรื่องความจุ จึงทำให้ iPod nano รุ่นที่ 7 แห่งปี 2012 นั้น มีความจุอยู่ที่ 16 GB และดีไซน์ของตัวเครื่องก็ย้อนกลับมาใกล้เคียงกับ iPod Nano รุ่นที่ 5 พอสมควรเลยทีเดียว
และด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า ด้วยขนาด 2.5 นิ้ว ความละเอียด 423 x 240 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนแล้วก็ถือว่า ยาวกว่าเดิมเกือบ 1 นิ้ว จึงทำให้หน้าจอของ iPod Nano Gen 7 กลายเป็น หน้าจอแบบ Widescreen ไปในทันที
สำหรับในรุ่นนี้ไม่ใช่แค่เพียงหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้น ยังมีการเปลี่ยนวัสดุที่ใช้มาเป็นอลูมิเนียม ในสีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สีดำ,สีม่วง,สีฟ้า,สีเงิน,สีเขียว,สีเหลือง,สีชมพู หรือ สีแดง การประกอบที่ดูเนี๊ยบอีกทั้งยังมีปุ่ม Home อยู่ด้านล่างอีกด้วย
ด้านข้างส่วนบนนั้นจะประกอบไปด้วย ปุ่ม Sleep / Wake หรือปุ่มเปิดปิด ส่วนช่องสำหรับเสียบชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรนั้นจะอยู่ทางด้านข้างส่วนล่าง นอกจากนี้ พอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ถูกเปลี่ยนมาเป็น Lightning Conector เช่นเดียวกันกับ iPhone 5 อีกด้วย
iPod Nano รุ่นนี้นั้น มีหน้าจอขนาดที่ใหญ่ขึ้น จึงช่วยให้การทัชสกรีนได้ง่ายยิ่งขึ้นนอกจากนี้ ด้วย ชุดหูฟังแบบใหม่อย่าง EarPods ที่มีพร้อมกับ Remote + Mic ก็จะช่วยให้การควบคุมฟังชั่นของตัวเครื่อง ตัวอย่างเช่นเปลี่ยนเพลง หรือเพิ่มลดเสียง ทำได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ด้านข้างฝั่งซ้ายของตัวเครื่องนั้น จะประกอบไปด้วย ปุ่ม 3 ปุ่ม ที่เป็นการควบคุมแบบเดียวกันกับปุ่มที่ติดอยู่กับ EarPods ซึ่งเราสามารถเพิ่มลดเสียง หรือเปลี่ยนเพลงได้ด้วยวิธีเดียวกัน จึงช่วยให้ผู้ใช้ที่เคยใช้ iPhone หรืออุปกรณ์อื่นๆที่มีชุดหูฟังพร้อมรีโมทอยู่แล้ว สามารถเข้าใจการใช้งานตัวเครื่องได้ง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ปุ่มโฮมที่อยู่ด้านล่างนั้นก็ช่วยให้เราสามารถใช้งาน iPod Nano รุ่นที่ 7 นี้ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกจาก Application หรือ การเรียกใช้งาน VoiceOver ด้วยการใช้ปุ่มโฮมนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าคุณใช้ iPhone หรือ iPod Touch อยู่แล้ว คุณก็จะรู้สึกว่า ปุ่มนี้มันช่วยให้เราใช้งาน iPod Nano ได้ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว
หากย้อนกลับไปเมื่อรุ่นก่อนหน้า ผู้ใช้หลายคนยังคงรู้สึกว่า หน้าจอของ iPod Nano รุ่นที่ 6 นั้นยังคงเล็กเกินไปสำหรับการใช้งานแบบทัชสกรีน แต่ด้วยหน้าจอที่ขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยให้การใช้งานทัชสกรีน ได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งบน iPod Nano รุ่นที่ 7 นี้ มีการควบคุมด้วยระบบทัชสกรีน ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการ ทัชเพื่อ เล่นเพลงซ้ำอีกครั้ง หรือการจิ้มเพื่อโชว์ เนื้อเพลงเป็นต้น
และด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นนี้เอง ที่ยิ่งช่วยให้การใช้งาน แอพพลิเคชั่นต่างๆที่มีอยู่บน iPod Nano Gen 7 ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ รายชื่อเพลง ที่เราจะสามารถเห็นจำนวนของรายชื่อเพลงได้มากขึ้น แอพพลิเคชั่น Clock ที่สามารถแสดงรายละเอียดของเวลาได้มากยิ่งขึ้น หรือแม้แต่การดูภาพถ่าย ที่สามารถใช้งาน Pinch to Zoom ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นนี้ ยังช่วยให้คุณเลื่อนหน้าจอน้อยลง เนื่องจากแสดงผลได้มากขึ้น
แต่สำหรับ iPod Nano รุ่นที่ 7 นี้ยังมี แอพพลิเคชั่น Clock ที่จะแสดงผลเหมือนนาฬิกาข้อมือ ได้เพียง 6 แบบ ซึ่งถือว่าน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้า ที่มีให้เลือกถึง 18 แบบ และนอกจากนี้คุณยังสามารถเปลี่ยน Wallpaper เพิ่มเติมได้อีก 4 แบบ ซึ่งสีของ Wallpaper นั้นจะเป็นรูปแบบเดียวกันกับสีของตัวเครื่อง นั่นหมายความว่า เครื่องแต่ละสีนั้น จะมี Wallpaper ที่แตกต่างกันออกไป
แน่นอนว่า ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น (ยาวขึ้น) ก็ทำให้เจ้า iPod Nano รุ่นนี้ กลายเป็นหน้าจอแบบ Widescreen Ratio 16:9 ไปโดยทันที แต่ถึงแม้ว่าหน้าจอจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ก็น่าจะพอแก้ขัดได้ดีพอสมควร แต่สำหรับ iPod Nano นั้นจะไม่สามารถใช้ Video Out ได้
สำหรับไฟล์วีดีโอที่ iPod Nano รุ่นที่ 7 นี้รองรับ ก็จะเป็น H.264 และ MP4 ที่มีขนาดสูงสุด 720 x 576 บนเฟรมเรท 30 fps และหากเปิดไฟล์ที่ตัวเครื่องนั้นไม่รองรับตัวเครื่องจะยังคงแสดงผลเป็นจอดำแต่ยังคงสามารถกดปุ่ม Home เพื่อออกไปได้
และด้วยระบบ มัลติทัช ที่มีอยู่บนรุ่นที่ 7 นี้ ยังช่วยให้คุณควบคุม Timeline หรือ ปรับเสียง หรือ Pause ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ซึ่งการเล่นไฟล์วีดีโอบน iPod Nano รุ่นนี้ ถือว่ามีความใกล้เคียยงกับการเล่นไฟล์วีดีโอบน iPod Touch หรือ iPhone มากเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ภาพที่ได้นั้นยังมีความคมชัด และให้สีสันที่สมจริง ซึ่งถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้ชมวีดีโอผ่านทาง iPod Touch มากมายนัก แต่การที่ตัวเครื่องสามารถทำได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าเพิ่มความคุ้มค่ามากขึ้นกว่าเดิมพอสมควรเลยทีเดียว
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ iPod Nano นั้นมีความโดดเด่นนั่นก็คือการฝังชิพ Bluetooth เข้าไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งเราสามารถใช้งาน Bluetooth เชื่อมต่อกับชุดหูฟัง หรือแม้แต่ Nike + Sensor และ เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ ซึ่งบน iPod Nano Gen 7 นั้นจะเป็น Bluetooth เวอร์ชั่น 4.0 พร้อมเทคโนโลยี LE (Low Energy) ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม
การเชื่อมต่อ (Pairing) ระหว่างอุปกรณ์ บลูธูต กับ iPod Nano นั้นก็สามารถทำได้อย่างง่ายได้ โดยการ ทัชที่ไอค่อน Setting และ เลือก Bluetooth เป็น ON ระบบจะทำการค้นหาอุปกรณ์บลูธูตให้ทันที ซึ่งเมื่อเจออุปกรณ์ที่ต้องการ เราก็เพียงแค่ทัชลงไปที่ชื่ออุปกรณ์นั้นๆ อีกครั้งเท่านั้นเอง
แน่นอนว่าสำหรับ iPod Nano รุ่นล่าสุดนี้ ก็ยังคงไม่รองรับการเชื่อมต่อไวไฟ แต่ล่าสุดทางแอปเปิ้ลได้เริ่มปล่อยฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้องกับระบบ คลาวด์ มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น iTunes Match จึงทำให้ หรือแม้แต่ระบบ Wi-Fi Sync ก็ตาม จึงทำให้ในอนาคต เป็นไปได้สูงว่า iPod Nano ในรุ่นต่อๆไป อาจจะรองรับการเชื่อมต่อไวไฟก็เป็นได้
แน่นอนว่า สำหรับ iPod Nano นั้นไม่ได้มีความสามารถเพียงแค่เป็นเครื่องเล่น MP3 ที่มีหน้าจอแบบทัชสกรีนเท่านั้น อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่า มันยังสามารถ เปิดชมไฟล์ภาพยนตร์ได้อีกด้วย แต่นั่นไม่ใช่ความสามารถทั้งหมดของ iPod Nano Generation 7 ตัวนี้ ซึ่งนอกจากจะดูหนังฟังเพลงได้แล้วนั้น ยังคงสามารถใช้เป็นเครื่องเล่นวิทยุ (FM) แบบพกพาได้อีกด้วย
แอปเปิ้ลได้กล่าวไว้ว่า iPod Nano รุ่นใหม่นี้ จะสามารถฟังเพลงได้นานถึง 30 ชั่วโมงต่อการชาร์จจนเต็ม 1 ครั้ง และสำหรับการชมไฟล์ภาพยนตร์ จะสามารถชมได้นาน 3.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ นอกจากนี้ การชาร์จ ตั้งแต่ 0-80% นั้นจะใช้เวลาแค่เพียง 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น และจะใช้เวลาแค่เพียง 3 ชั่วโมงสำหรับการชาร์จจนเต็ม
นอกจากนี้ในเรื่องของไฟล์เสียงนั้น iPod Nano ก็จะรองรับทั้งไฟล์ AAC (8 ถึง 320 Kbps) และไฟล์ Protected AAC ที่อยู่บน iTunes Store และยังรองรับไฟล์ AIFF, Apple Lossless, Audible, HE-AAC, MP3 (8 ถึง 320 Kbps), MP3 VBR และ WAV
สำหรับ iPod Nano Gen 7 นั้นถือว่าเป็นเครื่องเล่น MP3 ที่มาพร้อมกับหน้าจอแบบทัชสกรีน และความสามารถที่หลากหลาย จึงทำให้กลายเป็นหนึ่งใน Gadget ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว และด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ก็จะช่วยให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างถนัดขึ้น แสดงผลข้อมูลต่างๆได้มากขึ้น และด้วยราคาเพียง 149$ สำหรับเครื่องเล่นระดับนี้ ถือว่าไม่แพงจนเกินไป อีกทั้งตัวเครื่องยังมาพร้อมกับชุดหูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Earpods อีกด้วย ซึ่งถ้าใครที่กำลังสนใจและอยากซื้อเครื่องเล่น MP3 ที่มีความสามารถในการเล่นไฟล์วีดีโอ พร้อมฟังก์ชั่นอื่นๆอีกมากมายนั้น iPod Nano รุ่นที่ 7 นี้ น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวแน่นอนครับ
---------------------------------------
รายละเอียดเพิ่มเติม : mashable.com
Update : 17/10/2012
ipod nano gen 7 ราคา ipod nano gen 7 ipod nano 7g ipod nano 7 ราคา ipod nano 7g ราคา ipod nano 7
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |