[รีวิว] JBL Boombox ลำโพงไร้สายไซส์บิ๊กแบบพกพา ด้วยเสียงเบสทรงพลัง พร้อมแบตขนาดใหญ่ถึง 20,000 mAh รองรับการใช้งานได้ 24 ชั่วโมง และเป็น Powerbank ได้ในตัว บนบอดี้กันน้ำ IPX7 เคาะราคาที่ 17,900 บาท

ถ้าหากพูดถึง ลำโพงไร้สายแบบพกพา รวมไปถึงหูฟังแบบไร้สายนั้น แบรนด์ที่จะถูกนึกถึงเป็นลำดับต้น ๆ นั่นก็คือ JBL นั่นเอง ซึ่งลำโพงไร้สายจาก JBL นั้น มีให้เลือกมากมายหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น JBL Pulse 3 ลำโพงกันน้ำไฟ LED รอบทิศ พร้อมระบบเสียงแบบ 360 องศา, JBL Flip 4 ลำโพงพกพาขนาดกะทัดรัด รวมไปถึงหูฟังแบบ On-Ear และ In-Ear อีกมากมาย ซึ่งเอกลักษณ์ของลำโพงไร้สายจาก JBL ก็คือ มาพร้อมกับดีไซน์สวยหรู ที่นอกจากจะสามารถตั้งเป็นของแต่งบ้านได้แล้ว ยังสามารถพกพาไปนอกสถานที่ได้เช่นกัน

โดย ลำโพงไร้สายจาก JBL ที่จะนำมารีวิวกันในวันนี้ นั่นก็คือ JBL Boombox ลำโพงไซส์บิ๊กขนาดพกพา ที่มาพร้อมกับจุดเด่นถึง 6 อย่างด้วยกัน ซึ่งได้แก่ รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนแบบไร้สายผ่าน Bluetooth,  แบตเตอรี่อึดจุใจถึง 20,000 mAh ใช้งานได้นานถึง 24 ชั่วโมง และสามารถเป็น Powerbank สำหรับชาร์จสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ในตัว, คุณสมบัติด้านการกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IPX7, รองรับฟังก์ชัน JBL Connect+, เลือกปรับแต่งเสียงให้เหมาะสมกับโหมด Indoor และ Outdoor และสุดท้ายกับคุณภาพเสียงอันทรงพลังพร้อมเสียงเบสแน่น เรียกได้ว่า JBL Boombox รุ่นนี้ ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกสถานการณ์เลยทีเดียว

สเปกและคุณสมบัติเบื้องต้นของ JBL Boombox

• รองรับ Bluetooth เวอร์ชัน 4.2
• รองรับ A2DP 1.3, AVRCP 1.6, HFP 1.6
• Transducers: 4-inch woofer x 2, 20mm Tweeter x 2
• Output power: 2 x 30W (AC mode); 2 x 20W (Battery mode)
• Frequency response: 50Hz-20kHz
• Signal-to-noise ratio: 80dB
• Power supply: 20V/4A
• แบตเตอรี่ : Lithium-ion Polymer (74Wh)
• ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่อยู่ที่ 6.5 ชั่วโมง
• รองรับการเล่นเพลงนานสูงสุด 24 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับระดับเสียงและคอนเทนต์ต่าง ๆ )
• Bluetooth transmitter power: 0-9dBm
• Bluetooth transmitter frequency range: 2.402GHz-2.480GHz
• Bluetooth transmitter modulation: GFSK, 8DPSK, π/4DQPSK
• ขนาดตัวเครื่อง : 254.5 x 495 x 195.5 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก : 5.25 กิโลกรัม

สำหรับดีไซน์ของ JBL Boombox นั้น เป็นรูปทรงกระบอกเหมือนกับลำโพง JBL รุ่นอื่น แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามา นั่นก็คือ หูจับที่ด้านบน เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักค่อนข้างมาก ราว ๆ 5 กิโลกรัม ซึ่งหูจับจะช่วยทำให้การเคลื่อนย้ายไปนอกสถานที่ทำได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น งานปาร์ตี้ริมสระ หรืองานเลี้ยงภายในบ้าน

โดยด้านบนของหูจับนั้น มีระบุชื่อรุ่น Boombox อย่างชัดเจน ซึ่งด้านล่างของหูจับจะมีลักษณะขรุขระ ทำให้การจับถือไม่ลื่นมือนั่นเอง ส่วน Woofer ร์มีทั้งหมด 2 ตัว ขนาด 4 นิ้ว และ Tweeter มี 2 ตัว ขนาด 20mm.

เมนูควบคุมการทำงานด้านบน ประกอบด้วย

• ปุ่ม Bluetooth สำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
• ปุ่มปรับระดับเสียง
• ปุ่ม Power เปิด-ปิดเครื่อง
• ปุ่ม JBL Connect+ เป็นฟังก์ชันในการเชื่อมต่อลำโพงของ JBL (ที่รองรับฟังก์ชันนี้) แบบไร้สาย รองรับได้มากกว่า 100 ตัว
• ปุ่ม Music Control สำหรับควบคุมการเล่นเพลง ไม่ว่าจะเป็น เล่นเพลง, หยุดเล่นเพลงชั่วคราว หรือกด 2 ครั้งเพื่อเล่นเพลงถัดไป, รับสายเรียกเข้า

สำหรับด้านล่าง จะเป็นฐานสำหรับตั้งลำโพงซึ่งทำมาจากยาง ยึดเกาะพื้นผิวได้ดี

โหมดปรับเสียงให้เลือก 2 แบบ นั่นก็คือ โหมดในร่ม (รูปบ้าน) กับโหมดกลางแจ้ง (รูปต้นไม้) โดยแตกต่างกันตรงที่โหมดในร่ม (Indoor) จะมีระดับเสียงที่พอดีและเสียงจะกระจายไปทั่วทั้งห้อง ในขณะที่โหมดกลางแจ้ง (Outdoor) จะให้เสียงที่ดังมากกว่าปกติและเสียงเบสค่อนข้างทุ้มหนักมากกว่า ซึ่งโหมดไหนเสียงจะไพเราะมากกว่ากันนั้น ก็อยู่ที่ความชื่นชอบของผู้ฟัง เพราะบางทีการอยู่ในร่มก็ไม่จำเป็นต้องใช้โหมดในร่มเสมอไป สามารถใช้โหมดกลางแจ้งได้เช่นกัน

ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อนั้น จะมีจุกยางกันน้ำปิดอีกชั้น ประกอบด้วย พอร์ต AUX สำหรับเชื่อมต่อลำโพงกับอุปกรณ์อื่น (ในกรณีที่ไม่ได้เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth), พอร์ต USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต (มีให้ 2 พอร์ต), พอร์ต microUSB สำหรับอัปเกรดเฟิร์มแวร์ (เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์) และสุดท้ายก็คือ ช่อง Adapter สำหรับชาร์จแบตเตอรี่

สำหรับแบตเตอรี่บน JBL Boombox นั้น มีขนาดความจุมากถึง 20,000 mAh โดยรองรับการฟังเพลงได้ต่อเนื่องสูงสุด 24 ชั่วโมง และใช้เวลาในการชาร์จราว ๆ 6 ชั่วโมง ถือว่าใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ข้อดีก็คือ สามารถเป็น Powerbank ชาร์จสมาร์ทโฟนได้ในตัว

นอกจากนี้ JBL Boombox ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำและป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IPX7 โดนน้ำสาด, น้ำกระเซ็น หรือฝนตก ก็ยังใช้งานได้ไม่มีปัญหา หรือถ้าหากเผลอทำตกสระน้ำ ก็ยังใช้งานได้ตามปกติ เนื่องจากมาตรฐาน IPX7 นั้น สามารถอยู่ในน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาทีนั่นเอง

ส่วนใครที่กังวลว่า ถ้าเผลอทำลำโพง JBL Boombox ตกน้ำแล้วเครื่องจะจมน้ำ จากการทดสอบคือ ตัวลำโพงลอยน้ำได้ แต่อย่าลืมว่า ถ้าหากจำเป็นต้องใช้งานใกล้น้ำ ฝาปิดกันน้ำด้านหลังตัวเครื่องจะต้องแน่นสนิททุกครั้ง

ด้านการเชื่อมต่อลำโพง JBL Boombox หลัก ๆ ก็คือการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth โดยให้กดปุ่มเปิดเครื่อง แล้วกดที่ปุ่ม Bluetooth 1 ครั้ง จากนั้นไปที่หน้า Settings บนสมาร์ทโฟน และเลือกเชื่อมต่อลำโพงผ่าน Bluetooth

นอกจากนี้ ลำโพง JBL Boombox ยังรองรับการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน JBL Connect (สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีที่ App Store หรือ Play Store) ซึ่งรองรับการใช้งานระดับพื้นฐาน เช่น เล่นเพลง, หยุดเพลง, สั่งการด้วยเสียง หรือเปลี่ยนโหมดเสียง ในร่ม-นอกบ้าน เป็นต้น

ทดสอบคุณภาพเสียงบน JBL Boombox

มาทดสอบกันที่คุณภาพเสียงบน JBL Boombox กันบ้าง ที่โดดเด่นที่สุดสำหรับรุ่นนี้ก็คือ เสียงเบส เรียกได้ว่าถูกใจขาเบสกันอย่างแน่นอน โดยมีความกระหึ่ม แน่น ลูกใหญ่ เสียงคมชัด หรือถ้าหากต้องการเสียงเบสที่หนักมากขึ้น ให้ปรับไปที่โหมด Outdoor, เสียงแหลม อยู่ในระดับที่พอดี ไม่บาดหูหรือแหลมจนเกินไป และสุดท้าย เสียงกลาง มีความนุ่มนวล โดยรวมแล้วถือว่า ฟังลื่นสบายหู

สำหรับลำโพง JBL Boombox ถึงแม้จะเป็นลำโพงไร้สายที่มีขนาดใหญ่ และน้ำหนักมาก แต่ก็ถือว่า มีเอกลักษณะเฉพาะตัว เหมาะสำหรับงานเลี้ยงสังสรรค์ภายในบ้าน, งานบริษัท หรือปาร์ตี้ริมสระ เรียกได้ว่า ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในบ้านและนอกบ้าน ด้วยตัวเครื่องที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 20,000 mAh ทำให้รองรับการใช้งานได้นานถึง 24 ชั่วโมง แถมยังสามารถเป็น Powerbank ได้ในตัวด้วยพอร์ต USB ถึง 2 พอร์ตด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติด้านการกันน้ำและกันฝุ่นตามมาตรฐาน IPX7 ที่สามารถโดนน้ำได้โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับตัวเครื่อง แถมยังรองรับฟังก์ชัน JBL Connect+ กับการเชื่อมต่อลำโพงของ JBL ได้มากถึง 100 ตัวอีกด้วย

โดยราคาค่าตัวของ JBL Boombox รุ่นนี้ อยู่ที่ 17,900 บาท สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mahajaklife.com

--------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com

Update : 06/06/2018

JBL BOOMBOX รีวิว JBL Boombox