เปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา สำหรับ JBL CLIP 3 ลำโพง Bluetooth แบบพกพา ซึ่งเป็นรุ่นสานต่อของ CLIP 2 นั่นเอง โดยจุดเด่นของ JBL CLIP 3 นั่นก็คือ มาพร้อมกับดีไซน์ห่วงคล้องที่ถูกออกแบบให้กว้างขึ้น ทำให้สามารถแขวนกับกระเป๋า, หูกางเกง หรือเข็มขัดได้อย่างสะดวกมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง นอกจากนี้ ยังรองรับคุณสมบัติด้านกันน้ำตามมาตรฐาน IPX7 พร้อมแบตเตอรี่อึดขึ้นขนาด 1,000 mAh ที่รองรับการใช้งานได้สูงสุดถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น JBL CLIP 3 ยังรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทำให้สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้ในตัว พร้อมเทคโนโลยี Noise Cancelling ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างดีเยี่ยม เช่นเดียวกับคุณภาพเสียงที่ถูกปรับปรุงให้มีความคมชัด และสมจริงมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับการออกแบบโดยรวมของ JBL CLIP 3 นั้น ยังคงเป็นดีไซน์ทรงกลมเหมือน CLIP 2 แต่ขนาดตัวเครื่องใหญ่กว่าและมีน้ำหนักมากกว่าเล็กน้อย อยู่ที่ 137 x 97 x 46 มิลลิเมตร น้ำหนัก 220 กรัม ซึ่งเป็นขนาดที่กำลังพอดีมือ และพกพาได้อย่างสะดวก แต่ความแตกต่างระหว่าง JBL CLIP 3 กับรุ่นก่อนหน้าก็คือ รุ่นนี้ไม่มีสาย AUX ที่อยู่ใต้เครื่องมาให้แล้ว ซึ่งใต้เครื่องจะเป็นวัสดุประเภทยาง ทำให้ตัวเครื่องไม่ลื่นไถลไปมาขณะใช้งาน
สำหรับห่วงคล้อง หรือตะขอเกี่ยวนั้น ยังคงเป็นโลหะที่มีความแข็งแกร่ง ปรับดีไซน์จากรูปทรงสามเหลี่ยมในรุ่นเดิม มาเป็นทรงโค้งที่มีขนาดกว้างขึ้น ทำให้สามารถคล้องหรือแขวนกับกระเป๋า หรือหูเข็มขัดได้อย่างสะดวกมากขึ้น
ด้านปุ่มควบคุมการทำงานมาอยู่ที่ด้านหน้าตัวเครื่องแล้ว โดยเป็นปุ่มแบบนูน ทำให้สัมผัสได้ง่ายและสะดวกขึ้น ซึ่งมีฟังก์ชันการใช้งานดังนี้
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง และปุ่มเปิด-ปิด Bluetooth
ด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบด้วย พอร์ต AUX สำหรับเชื่อมต่อลำโพง JBL CLIP 3 กับอุปกรณ์อื่น (อย่างเช่น คอมพิวเตอร์, เปียโน) และพอร์ต microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ (มีสายชาร์จให้ในกล่องผลิตภัณฑ์) โดยมีจุกยางปิดเพื่อกันน้ำเข้าอีกชั้น
ไมโครโฟนสำหรับใช้งานด้านโทรศัพท์ พร้อมเทคโนโลยี Noise Cancelling ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก
นอกจากนี้ JBL CLIP 3 ยังรองรับคุณสมบัติด้านการกันน้ำตามมาตรฐาน IPX7 สามารถอยู่ในน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที
สำหรับการเชื่อมต่อลำโพงบลูทูธ JBL CLIP 3 กับสมาร์ทโฟนก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด เพียงแค่กดปุ่ม Power ที่ตัวเครื่อง และกดปุ่ม Bluetooth 1 ครั้งเพื่อค้นหาสัญญาณ จากนั้นมาที่สมาร์ทโฟน ให้เข้าไปที่ Settings > Bluetooth แล้วเลือก JBL Clip 3 เพื่อทำการเชื่อมต่อ
เมื่อการเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว ไฟ LED ที่ด้านบนตัวเครื่อง จะเป็นสีขาวนิ่ง ซึ่งไฟ LED มีหลายสถานะด้วยกัน ได้แก่
สำหรับแบตเตอรี่บน JBL CLIP 3 นั้น มีขนาดความจุอยู่ที่ 1,000 mAh และใช้งานด้านการฟังเพลงได้นานสูงสุดถึง 10 ชั่วโมง ส่วนระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% จะใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ด้านคุณภาพเสียงของ JBL CLIP 3 ถือว่าได้รับการปรับปรุงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนเล็กน้อย โดยในส่วนของเสียงเบสนั้นยังคงเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ มวลเบสหนักแน่นแต่ไม่ทำให้เสียงที่ออกมาดูทุ้มและอู้อี้จนเกินไป รวมถึงยังคงเก็บรายละเอียดของเสียงได้ดี เช่นเดียวกับย่านเสียงแหลมที่อยู่ในระดับพอดี ไม่คมแหลมมากนัก ส่วนเสียงร้องยังคงโดดเด่น ไม่โดนเสียงเครื่องดนตรีกลบมิดเช่นกัน นอกจากนี้ ยังรองรับการสตรีมมิ่งเพลงแบบ High Quality ได้ทั้งจากแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนอีกด้วย
สำหรับ JBL CLIP 3 นั้น ถือว่าเป็นลำโพงกันน้ำแบบพกพา ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา แต่ให้พลังเสียงเกินตัว สะดวกด้วยการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth โดดเด่นด้วยดีไซน์ห่วงคล้องออกแบบใหม่ ที่สามารถเกี่ยวหูกระเป๋า หรือหูกางเกงได้อย่างสบาย ๆ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 1,000 mAh รองรับการใช้งานด้านการฟังเพลงได้สูงสุดถึง 10 ชั่วโมง แต่ใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น รวมถึงรองรับคุณสมบัติในการกันน้ำตามมาตรฐาน IPX7 ที่สามารถอยู่ในน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที เหมาะกับการพกพาไปผจญภัยในที่ต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว และรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทำให้สามารถใช้งานด้านโทรศัพท์ได้ พร้อมเทคโนโลยี Noise Cancelling ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก
โดย JBL CLIP 3 มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำ, สีเทา, สีแดง, สีชมพู และสี Sand ราคาอยู่ที่ 2,490 บาท สามารถหาซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mahajaklife.com
-------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 21/08/2018
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |