สำหรับหูฟัง JBL ในซีรี่ส์ JBL Endurance เป็นหูฟังสปอร์ตที่เหมาะกับกีฬาและการออกกำลังกายที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น การวิ่ง, การกระโดด, ว่ายน้ำ และอื่น ๆ ซึ่งในซีรี่ส์นี้ มีให้เลือกกันถึง 5 รุ่นด้วยกัน โดยเว็บไซต์ techmoblog.com ได้ทำการรีวิวกันไปแล้ว 2 รุ่น นั่นก็คือ JBL Endurance SPRINT และ JBL Endurance JUMP ซึ่งในวันนี้จะมารีวิวรุ่นที่ถือว่า เป็นรุ่นท็อปของซีรี่ส์นี้ นั่นก็คือ JBL Endurance PEAK นั่นเอง
ถ้าหากพูดถึงชื่อรุ่น คำว่า PEAK หมายถึง การปีนเขา นั่นหมายความว่า JBL Endurance PEAK รุ่นนี้ เป็นหูฟังไร้สายที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับกีฬาประเภทปีนเขา และเนื่องจากเป็นรุ่นท็อปของซีรี่ส์ ทำให้มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่เหนือกว่ารุ่นอื่น ๆ นั่นก็คือ Truly Wireless หรือไร้สายอิสระ ซึ่งจะไม่มีสายคล้องคอมาเกะกะกวนใจเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ ในซีรี่ส์นี้ จึงเหมาะกับกีฬาปีนเขาที่จำเป็นต้องใช้สมาธิและความคล่องตัวอย่างมาก
โดยจุดเด่นอีกอย่างของหูฟังไร้สาย JBL Endurance PEAK นั่นก็คือ มาพร้อมกับกล่องเคสที่เป็นแบตเตอรี่สำรอง ซึ่งตัวหูฟังสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมง และเมื่อนำไปชาร์จกับกล่องเคส ทำให้สามารถใช้งานได้อีก 24 ชั่วโมง รวมการใช้งานได้นานสูงสุด 28 ชั่วโมง จึงเป็นรุ่นที่เหมาะกับการพกพาสำหรับกีฬาประเภทปีนเขา เนื่องจากหาแหล่งชาร์จได้ลำบาก อีกทั้งตัวกล่องเคสก็มีขนาดที่กะทัดรัด และน้ำหนักเบา ทำให้พกพาได้สะดวกอีกด้วย
นอกจากนี้ หูฟังไร้สาย JBL Endurance PEAK ยังมาพร้อมกับจุกหูฟังซึ่งเป็นซิลิโคนแบบ FlexSoft ที่มีความนุ่ม ใส่แล้วไม่เจ็บหู, เทคโนโลยี TwistLock ที่ช่วยทำให้หูฟังไม่ร่วงหล่นขณะใช้งาน และเทคโนโลยี PowerHook ที่ถูกออกแบบในรูปทรงตะขอเกี่ยวกับใบหู ทำให้ตัวหูฟังไม่เลื่อนหลุดแม้จะเคลื่อนไหวแรง ๆ นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติในการกันน้ำตามมาตรฐาน IPX7 สามารถใช้งานในหน้าฝนได้ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าตัวหูฟังจะได้รับความเสียหายเมื่อโดนน้ำ
มาดูกันดีกว่าว่า หูฟังรุ่นท็อปของซีรี่ส์ Endurance รุ่นนี้ จะตอบโจทย์กับการใช้งานมากน้อยแค่ไหน กับรีวิวหูฟังไร้สาย JBL Endurance PEAK โดยทีมงาน techmoblog.com
หูฟังไร้สาย JBL Endurance PEAK เป็นหูฟังแบบ In-Ear ที่มีดีไซน์เหมือนกับรุ่นอื่นในซีรี่ส์นี้ ต่างกันตรงที่ JBL Endurance PEAK มาพร้อมกับเทคโนโลยี Truly Wireless หรือไร้สายอิสระ ทำให้หูฟังรุ่นนี้ไม่มีสายคล้อง จึงพกพาและจัดเก็บได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี TwistLock และ SoftFlex ที่ทำให้สวมใส่ได้กระชับมากขึ้น ยึดตัวหูฟังไม่ให้ร่วงหล่นขณะใช้งาน
สำหรับก้านหูฟังสำหรับคล้องใบหูนั้น มาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียกว่า PowerHook ภายในมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ ซึ่งจะหยุดเล่นเพลงอัตโนมัติเมื่อถอดออก และเล่นเพลงต่อเนื่องเมื่อสวมใส่ โดยหูฟังด้านขวา จะเป็นส่วนที่ควบคุมการทำงานต่าง ๆ ด้วยระบบสัมผัส พร้อมไฟ LED บ่งบอกสถานะของตัวเครื่อง ถ้าหากเป็นไฟสีแดงนิ่ง หมายถึงตัวเครื่องกำลังเปิด, ไฟสีน้ำเงินกระพริบ หมายถึง กำลังค้นหาสัญญาณ Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ และไฟสีน้ำเงินนิ่ง หมายถึง ทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แล้ว
โดยการสัมผัสในแต่ละรูปแบบจะควบคุมการทำงานแตกต่างกัน ดังนี้
ด้านระบบเสียง จะมีให้เลือก 2 แบบ นั่นก็คือ แบบ Mono สำหรับใช้คุยโทรศัพท์ และแบบ Stereo สำหรับฟังเพลง
สำหรับกล่องเคสที่เป็นแบตเตอรี่สำรองนั้น มีขนาดที่เล็ก กะทัดรัด (ขนาดเล็กกว่าบัตรเครดิต) ทำให้สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ด้านข้างมีพอร์ต สำหรับชาร์จไฟผ่านทางสาย USB และ Adapter ด้านหน้ามีไฟ LED แสดงสถานะของแบตเตอรี่ ถ้าหากไฟแสดงครบ 4 จุด นั่นหมายถึงแบตเตอรี่เต็ม
ส่วนวิธีการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับหูฟังไร้สาย JBL Endurance PEAK ก็เพียงแค่ใส่เข้าไปในกล่องเคส ซึ่งจะปรากฏไฟสีแดงแสดงสถานะกำลังชาร์จ โดยตัวหูฟังรองรับการใช้งานได้สูงสุด 4 ชั่วโมง และเมื่อนำมาชาร์จกับกล่องเคส สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องอีก 24 ชั่วโมง (รวมเป็น 28 ชั่วโมง) อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จเร็ว โดยการชาร์จ 10 นาที สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ในกล่องผลิตภัณฑ์นั้น จะประกอบไปด้วย สาย USB และจุกยางให้เลือกทั้งหมด 3 ขนาด ได้แก่ S, M และ L ที่ผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนได้ โดยรุ่นนี้ไม่มี Adapter สำหรับชาร์จไฟมาให้ แต่สามารถใช้ Adapter ของสมาร์ทโฟนได้เช่นกัน
สำหรับการจับคู่หูฟังไร้สาย JBL Endurance PEAK กับสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรก หลังจากเปิดเครื่องแล้ว ให้รอประมาณ 5 วินาที จะมีไฟสีน้ำเงินกระพริบปรากฏ จากนั้นให้ไปที่สมาร์ทโฟน เลือก Settings > Bluetooth > JBL Endurance PEAK ถ้าหากการเชื่อมต่อสมบูรณ์ ไฟแสดงสถานะจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินนิ่ง
ด้านคุณภาพเสียงที่ได้จากหูฟังไร้สาย JBL Endurance PEAK นั้น เสียงสูงมีย่านเสียงที่ชัดใส ไม่บาดหู และเก็บรายละเอียดของเสียงได้เป็นอย่างดี เสียงเบสมีความกระชับ อิมแพคกำลังดี ไม่ล้นจนเกินไป เสียงร้องเก็บรายละเอียดของเสียงได้ครบถ้วน ส่วนเวทีเสียงแยกเสียงร้องกับเสียงเครื่องดนตรีได้อย่างชัดเจน โดยรวมแล้วเหมาะกับการฟังเพลงได้หลากหลายแนว ทั้ง Pop, Pop-Rock, Classic, Jazz, Acoustic และอื่น ๆ
สรุปแล้ว JBL Endurance PEAK ถือว่า เป็นหูฟังไร้สายที่มีความโดดเด่นสมชื่อรุ่นท็อปของซีรี่ส์นี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งถูกออกแบบมาให้เหมาะกับกีฬาปีนเขา, กิจกรรมผาดโผนประเภทต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมที่หาแหล่งพลังงานในการชาร์จแบตเตอรี่ได้ค่อนข้างยาก โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
โดยหูฟังไร้สาย JBL Endurance PEAK มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีน้ำเงิน และสีแดง ราคา 4,990 บาท สามารถหาซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mahajaklife.com
--------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 30/05/2019
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |