เป็นลำโพงอีกรุ่นที่เปิดตัวพร้อมกับ JBL CLIP 3 ที่ทีมงาน techmoblog ได้นำมารีวิวให้ชมกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ สำหรับ JBL GO 2 ซึ่งเป็นรุ่นสานต่อจาก JBL GO รุ่นแรกนั่นเอง นอกจากจะอัปเกรดสเปกให้รองรับคุณสมบัติด้านการกันน้ำแล้ว JBL GO 2 ยังได้มีการปรับโฉมดีไซน์ใหม่ให้โค้งมนน่าใช้มากขึ้น แต่ยังคงขนาดเล็กพกพาได้อย่างสะดวกเหมือนเช่นเคย และมีราคาที่ไม่แพงจนเกินไป
โดย JBL GO 2 รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth เวอร์ชัน 4.1 ที่สามารถรองรับการใช้งานโทรศัพท์ พร้อมเทคโนโลยี Noise-Cancelling ตัดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังเพิ่มคุณสมบัติใหม่ กับมาตรฐานการกันน้ำที่ระดับ IPX7 ที่สามารถอยู่ในน้ำลึก 1 เมตร ได้นาน 30 นาที ทำให้สามารถนำไปใช้งานสร้างความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าตัวเครื่องจะเสียหายจากน้ำ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว
JBL GO 2 ได้มีการปรับโฉมดีไซน์จากรูปทรงสี่เหลี่ยมบน JBL GO รุ่นแรก มาเป็นขอบโค้งมน ด้วยขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 71.2 x 86.0 x 31.6 มิลลิเมตร และหนัก 184 กรัม ซึ่งถือว่า มีขนาดใหญ่กว่าและน้ำหนักมากกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย แต่จับได้สะดวกมือเหมือนเดิม โดยมีขนาดเล็กประมาณเท่าฝ่ามือเท่านั้น ส่วนบอดี้ตัวเครื่องทำมาจากพลาสติกทั้งหมด ด้านหน้ามีสกรีนคำว่า JBL สีขาวขนาดใหญ่
ด้านบนของตัวเครื่อง เป็นปุ่มควบคุมการทำงาน ซึ่งประกอบด้วย ปุ่ม Power (เปิด-ปิดลำโพง), ปุ่ม Bluetooth, ปุ่มลดระดับเสียง, ปุ่มเพิ่มระดับเสียง และปุ่มเล่นเพลง/หยุดเพลง (ถ้าหากกด 2 ครั้งจะเป็นการเล่นเพลงถัดไป) หรือถ้าหากใช้งานโทรศัพท์ ก็จะเป็นปุ่มรับสาย/วางสาย
ด้านขวาของตัวเครื่อง จะเป็นพอร์ต microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ (มีสายชาร์จมาให้ในกล่องผลิตภัณฑ์) และช่อง AUX ขนาด 3.5 มม. สำหรับเชื่อมต่อลำโพงกับอุปกรณ์อื่น โดยมีจุกยางปิดกันน้ำเข้าอีกชั้นหนึ่ง ส่วนจุดเล็ก ๆ ด้านซ้ายมือก็คือ Noise-Cancelling Speakerphone สำหรับตัดเสียงรบกวนภายนอกขณะใช้งานโทรศัพท์ ซึ่งรุ่นนี้ไม่มีช่องสำหรับร้อยสายคล้องแล้ว ต่างจาก JBL GO รุ่นแรกที่มีช่องร้อยสายคล้องมาให้ทางด้านซ้าย
ด้านหลังตัวเครื่อง เป็นโลโก้ JBL ขนาดใหญ่
สำหรับไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน จะอยู่ด้านหน้าส่วนบนของเครื่อง โดยมีหลายสถานะด้วยกัน ได้แก่
JBL GO 2 มาพร้อมกับคุณสมบัติด้านการกันน้ำ ตามมาตรฐาน IPX7 สามารถอยู่ในน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที (เฉพาะน้ำสะอาดเท่านั้น) ซึ่งห้ามนำลงน้ำขณะทำการชาร์จแบตเตอรี่ และจุกยางกันน้ำจะต้องปิดแน่นสนิททุกครั้ง โดยแบตเตอรี่บน JBL GO 2 มีขนาดความจุอยู่ที่ 730 mAh รองรับการใช้งานด้านการฟังเพลงสูงสุด 5 ชั่วโมง และใช้เวลาชาร์จจนเต็มราว ๆ 2.5 ชั่วโมง
สำหรับการเชื่อมต่อลำโพง JBL GO 2 กับสมาร์ทโฟนนั้น ให้กดปุ่ม Power ที่ตัวลำโพง และกดปุ่ม Bluetooth 1 ครั้งเพื่อค้นหาสัญญาณ จากนั้นมาที่สมาร์ทโฟน ให้เข้าไปที่ Settings > Bluetooth แล้วเลือก JBL GO 2 เพื่อทำการเชื่อมต่อ
ทดสอบคุณภาพเสียงบน JBL GO 2
ถึงแม้ว่า JBL GO 2 จะเป็นลำโพง Bluetooth ขนาดเล็ก แต่ในเรื่องของคุณภาพเสียงนั้นถือว่ามีดีพอตัว โดยเฉพาะเสียงเบสนั้น ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด มวลเบสปานกลาง ฟังได้สบายหู ในขณะที่เสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นจะไม่ทับซ้อนกัน เสียงร้องยังคงเด่นกว่าและไม่โดนเสียงดนตรีกลบมิด ส่วนเสียงแหลมยังอยู่ในระดับที่พอดี ๆ ไม่แหลมจนแสบหู เรียกได้ว่าโดยรวมแล้วถือว่า ทำได้ดี เหมาะกับการฟังเพลงทุกแนวเช่นกัน
โดยรวมแล้วถือว่า JBL GO 2 นั้น เป็นลำโพงขนาดเล็ก ที่พกพาได้สะดวกมากอีกรุ่นหนึ่ง ด้วยไซส์เท่าฝ่ามือ ทำให้สามารถพกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งรุ่นนี้ได้เพิ่มคุณสมบัติด้านการกันน้ำตามมาตรฐาน IPX7 ที่สามารถอยู่ในน้ำลึก 1 เมตร ได้นาน 30 นาที ที่ช่วยสร้างความบันเทิงได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นชายหาด หรือปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำ โดยไม่ต้องกังวลว่าตัวเครื่องจะได้รับความเสียหายจากน้ำแต่อย่างใด
นอกจากนี้ JBL GO 2 ยังรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth เวอร์ชัน 4.1 ทำให้สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ผ่านตัว Speaker ของลำโพง พร้อมรองรับเทคโนโลยี Noise-Cancelling ในการตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังรองรับการใช้งานได้สูงสุดถึง 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว
โดย JBL GO 2 วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคาเพียง 1,490 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 9 สีด้วยกัน ได้แก่ สีดำ, สีเหลือง, สี Cyan, สี Cinnamon, สี Mint, สีน้ำเงิน, สีแดง, สีเทา และสีส้ม สามารถหาซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mahajaklife.com
-------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 01/04/2020
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |