สำหรับ JBL LIVE-Series หูฟังไร้สายซีรี่ส์ใหม่ ที่มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ JBL LIVE 200BT, JBL LIVE 400BT, JBL LIVE 500BT และ JBL LIVE 650BTNC ซึ่งทางทีมงานได้ทำการรีวิวไปแล้ว 2 รุ่น ในวันนี้มาถึงคิวของ JBL LIVE 400BT กันบ้าง โดยหูฟังรุ่นนี้ถือว่า มีฟีเจอร์และฟังก์ชันการใช้งานเหมือนกับรุ่น JBL LIVE 500BT ต่างกันที่ดีไซน์ ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นดีไซน์แบบ On-Ear ที่มีขนาดเล็กและกะทัดรัดกว่ารุ่น JBL LIVE 500BT ส่วนไดร์ฟเวอร์มีขนาดอยู่ที่ 40 มม. พร้อมคุณภาพเสียงแบบ JBL Signature Sound ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหูฟัง JBL นั่นเอง และที่ขาดไม่ได้สำหรับหูฟังในซีรี่ส์นี้ก็คือ รองรับเทคโนโลยี Google Assistant หรือ Amazon Alexa ที่ผู้ใช้สามารถควบคุมการฟังเพลง, ส่งข้อความหาเพื่อน หรือตรวจสอบสภาพอากาศ และการแจ้งเตือนต่าง ๆ โดยที่ไม่ต้องแตะสมาร์ทโฟนอีกด้วย
โดยฟีเจอร์และฟังก์ชันการใช้งานหลัก ๆ ของหูฟังไร้สาย JBL LIVE 400BT ก็ได้แก่ รองรับการสั่งงานด้วยเสียง (Voice Assistant), เทคโนโลยี Ambient Aware และ TalkThru กับการลดระดับเสียงเพลงลง ด้วยการแตะที่ปุ่มควบคุมการทำงาน ทำให้สามารถพูดคุยกับคนรอบข้างได้โดยไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังออก, รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทั้ง iPhone และ Android ผ่านทาง Bluetooth เวอร์ชัน 4.2 ทำให้สามารถรับสายเรียกเข้าในขณะใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา, รองรับการเชื่อมต่อแบบ Multi-Point Connection สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 ตัว และสามารถสลับไปใช้งานอีกอุปกรณ์ได้เลยโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ ส่วนแบตเตอรี่ รองรับการใช้งานได้ยาวนาน 24 ชั่วโมง พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว ซึ่งการชาร์จเพียง 15 นาที สามารถใช้งานได้อีก 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
มาดูกันดีกว่าว่า หูฟังไร้สาย JBL LIVE 400BT จะมีดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานอะไรบ้าง กับ รีวิวหูฟังไร้สาย JBL LIVE 400BT โดยทีมงาน techmoblog.com
สำหรับดีไซน์ของหูฟังไร้สาย JBL LIVE 400BT นั้น เป็นแบบ On-Ear หรือแบบแนบหู ซึ่งจะมีดีไซน์คล้ายกับหูฟังแบบ Over-Ear แต่ตัวฟองน้ำจะแนบพอดีกับใบหูมากกว่า ทำให้มีขนาดที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา และพกพาได้สะดวก บอดี้ทำมาจากพลาสติก ส่วนก้านหูฟังสามารถบิดได้ 90 องศา ทำให้สามารถพับเก็บได้ และไม่เปลืองเนื้อที่ในกระเป๋า
Headband หุ้มด้วยผ้าเนื้อนิ่ม สวมใส่สบาย ไม่บีบรัด สามารถปรับระดับความยาวได้ตามต้องการ ตรงกลางเป็นโลโก้ JBL และตัวอักษรคำว่า LIVE เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า เป็นหูฟังที่อยู่ในซีรี่ส์ LIVE นั่นเอง
ฟองน้ำเป็นหนังเทียม ให้ความรู้สึกนุ่ม ใส่แล้วสบายหู กันเสียงจากภายนอกได้ดีในระดับหนึ่ง และอาจสะสมเหงื่อบ้างเมื่อใช้งานไปนาน ๆ
สำหรับปุ่มควบคุมการทำงานจะอยู่ที่หูฟังด้านขวา ซึ่งประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่องด้วยวิธีการสไลด์ เมื่อเปิดเครื่องจะปรากฏไฟ LED สีขาว และจะเปลี่ยนเป็นไฟ LED สีน้ำเงินกระพริบเพื่อค้นหาสัญญาณ Bluetooth และเมื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แล้ว จะเปลี่ยนเป็นไฟสีน้ำเงินนิ่ง
ถัดมาเป็นปุ่มควบคุมการทำงานทั้งด้านการฟังเพลง, การใช้งานโทรศัพท์ รวมถึงการสั่งการด้วยเสียง (Voice Assistant) รายละเอียดดังนี้
ช่องสำหรับสายขนาด 2.5 มิลลิเมตร ใช้ในกรณีที่ต้องการเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth หรือในกรณีที่แบตเตอรี่หมด ด้วยการใช้สาย AUX ที่มีมาให้ในกล่องผลิตภัณฑ์ เชื่อมต่อระหว่างตัวหูฟังกับอุปกรณ์ได้เลยทันที เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
สุดท้าย เป็นปุ่มสำหรับค้นหาสัญญาณ Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ และปุ่ม Ambient Aware พร้อมเทคโนโลยี TalkThru ด้วยการลดระดับเสียงเพลงลง ทำให้สามารถได้ยินเสียงรอบข้างได้ชัดขึ้น และพูดคุยกับเพื่อนได้เลยโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
ส่วนพอร์ต microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่นั้น จะอยู่ที่หูฟังด้านซ้าย พร้อมไฟ LED บ่งบอกสถานะของแบตเตอรี่ โดยขณะชาร์จจะปรากฏไฟสีแดง และดับลงเมื่อชาร์จเต็ม 100%
สำหรับอุปกรณ์ที่มีมาให้ในชุดจำหน่ายมาตรฐาน จะเหมือนกับรุ่น JBL LIVE 500BT ซึ่งประกอบด้วย สาย USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ (ไม่มี Adapter มาให้) ซึ่งหูฟัง JBL LIVE 400BT มาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ขนาด 700 mAh รองรับการใช้งานด้านการฟังเพลงสูงสุด 24 ชั่วโมง ใช้เวลาในการชาร์จ 2 ชั่วโมง (จาก 0% จนเต็ม 100%) และการชาร์จเพียง 15 นาที สามารถใช้งานได้ต่ออีก 2 ชั่วโมง
ส่วนอีกเส้นเป็นสาย AUX สำหรับเชื่อมต่อระหว่างตัวหูฟังกับอุปกรณ์ ในกรณีที่อุปกรณ์ดังกล่าวไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ซึ่งปลายด้านหนึ่ง จะมีขนาดอยู่ที่ 2.5 มิลลิเมตร สำหรับต่อเข้าหูฟัง ส่วนอีกด้านจะเป็นขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งสาย AUX ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ห่อหุ้มด้วยผ้า ทำให้หมดปัญหาเรื่องสายพันกันขณะใช้งาน
สำหรับการเชื่อมต่อหูฟังไร้สาย JBL LIVE 400BT กับสมาร์ทโฟน จะเหมือนกับการเชื่อมต่อหูฟังไร้สายรุ่นอื่น ๆ ด้วยการเปิดปุ่ม Power ที่ตัวหูฟัง และกดปุ่ม Bluetooth เพื่อปล่อยสัญญาณสำหรับเชื่อมต่อ จากนั้นให้มาที่สมาร์ทโฟน ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Bluetooth แล้วเลือก JBL LIVE400BT
โดย JBL LIVE 400BT ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบ Multi-Point Connection ที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกันสูงสุด 2 อุปกรณ์ สมมติว่ากำลังฟังเพลงบน iPhone เครื่องแรกอยู่ และต้องการเปลี่ยนไปฟังเพลงบน iPhone เครื่องที่สอง ให้ปิดเพลงที่ iPhone เครื่องแรกก่อน แล้วกดเล่นเพลงจาก iPhone เครื่องที่สองได้เลยโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ Bluetooth จาก iPhone เครื่องแรก
สำหรับการใช้งาน Google Assistant นั้น ถ้าหากเป็นมือถือ Android ให้กดค้างที่ปุ่ม Home เพื่อเปิดใช้งาน Google Assistant และตั้งค่าตามขั้นตอนที่ปรากฏได้เลย แต่ในกรณีที่เป็น iPhone จะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Google Assistant บน App Store มาใช้งานเสียก่อน (ดาวน์โหลดฟรี) และเมื่อดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ตั้งค่าตามขั้นตอนที่ปรากฏเช่นกัน
โดยวิธีการใช้งาน Google Assistant เพียงแค่แตะที่ตัวหูฟังด้านซ้าย จากนั้นระบบจะรายงานสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น เวลา, สภาพอากาศ หรือการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันที่เลือกไว้ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังรองรับการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน My JBL Headphones ที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีทั้งบน iOS และ Play Store ซึ่งผู้ใช้งานสามารถควบคุมการทำงานของตัวหูฟังได้ผ่านทางแอปฯ นี้ ทั้ง Equalizer, ตั้งค่าระบบ Voice Assistant (เลือกใช้งานระหว่าง Google Assistant หรือ Amazon Alexa), เปิด-ปิดฟังก์ชัน TalkThru หรือ Ambient Aware และสามารถดูปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่บนหูฟังได้ผ่านทางแอปพลิเคชันนี้เช่นกัน
หูฟังไร้สาย JBL LIVE 400BT พร้อมกับระบบเสียงแบบ JBL Signature Sound ซึ่งจากการทดสอบเรื่องของคุณภาพเสียง พบว่า เสียงเบสค่อนข้างโดดเด่น สามารถดึงเสียงเบสได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ, เสียงร้องมีความสดใส ชัดเจน ไม่แหลมบาดหู, เสียงกลางมีความสด ชัดเจน โดดเด่น ส่วนเวทีเสียง เสียงเครื่องดนตรีกับเสียงร้องแยกกันอย่างชัดเจน โดยรวมแล้วเป็นหูฟังที่เหมาะกับการฟังเพลงได้หลากหลายแนว ส่วนการใช้งานโทรศัพท์ พบว่าให้เสียงที่ชัดเจนเช่นกัน
สำหรับหูฟังไร้สายในตระกูล LIVE-Series อย่าง JBL LIVE 400BT นั้น ถือว่าเป็นหูฟังที่มีฟังก์ชันการใช้งานเหนือกว่าหูฟังไร้สายรุ่นอื่น ๆ ตรงที่รองรับเทคโนโลยี Google Assistant และ Amazon Alexa ที่ใช้งานง่ายด้วยการแตะที่หูฟัง ซึ่งผู้ใช้สามารถควบคุมการฟังเพลง, ส่งข้อความหาเพื่อน หรือตรวจสอบสภาพอากาศ และการแจ้งเตือนต่าง ๆ โดยที่ไม่ต้องแตะสมาร์ทโฟน
นอกเหนือจากคุณสมบัติในการรองรับ Google Assistant และ Amazon Alexa แล้ว JBL LIVE 400BT ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
อย่างไรก็ดี หูฟังไร้สาย JBL LIVE 400BT ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกาย ทำให้ตัวหูฟังไม่รองรับคุณสมบัติด้านการกันน้ำ เหมือนกับหูฟัง JBL ซีรี่ส์ Endurance
โดยหูฟังไร้สาย JBL LIVE 400BT มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ซึ่งได้แก่ สีดำ, สีน้ำเงิน (รุ่นที่รีวิว), สีเขียว, สีแดง และสีขาว เคาะราคาที่ 3,990 บาท ซึ่งผู้ที่ซื้อภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2019 นี้ รับฟรี ลำโพง JBL Go+ มูลค่า 1,990 บาท สามารถอ่านรายละเอียดเพื่อรับสิทธิ์ดังกล่าวได้ที่ www.mahajaklife.com หรือ www.mahajak.com
---------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 24/06/2019
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |