เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยแล้วเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา สำหรับ JBL LIVE-Series หูฟังไร้สายซีรี่ส์ใหม่ ที่มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ JBL LIVE 200BT, JBL LIVE 400BT, JBL LIVE 500BT และ JBL LIVE 650BTNC ซึ่งทั้ง 4 รุ่นมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การทำงานที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ หูฟังซีรี่ส์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ นอกจากจะมาพร้อมกับดีไซน์สุดพรีเมียมแล้ว ยังรองรับเทคโนโลยีการสั่งงานด้วยเสียงผ่านระบบ Google Assistant หรือ Amazon Alexa อีกด้วย
สำหรับหูฟัง JBL LIVE-Series ที่จะนำมารีวิวกันในวันนี้ ก็คือ JBL LIVE 500BT ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายแบบ Over-Ear ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานมากมาย หลัก ๆ ก็คือ รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทั้ง iPhone และ Android ผ่านทาง Bluetooth เวอร์ชัน 4.2 ทำให้สามารถรับสายเรียกเข้าในขณะใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา, รองรับเทคโนโลยีการสั่งงานด้วยเสียงผ่านระบบ Google Assistant หรือ Amazon Alexa สามารถสั่งการให้เล่นเพลงบน Playlist โปรด, ตรวจสอบสภาพอากาศ หรือส่งข้อความหาเพื่อน ง่าย ๆ เพียงแค่แตะที่ตัวหูฟัง, เทคโนโลยี Ambient Aware และ TalkThru กับการลดระดับเสียงเพลงลง ด้วยการแตะที่ปุ่มควบคุมการทำงาน ทำให้สามารถพูดคุยกับคนรอบข้างได้โดยไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังออก ส่วนแบตเตอรี่ รองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 30 ชั่วโมง และการชาร์จเพียง 15 นาที สามารถใช้งานได้ต่ออีก 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
มาดูกันดีกว่าว่า หูฟังไร้สายน้องใหม่นี้ จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง กับ รีวิวหูฟังไร้สาย JBL LIVE 500BT โดยทีมงาน techmoblog.com
สำหรับดีไซน์ของหูฟังไร้สาย JBL LIVE 500BT นั้น เป็นแบบ Over-Ear หรือแบบครอบหู ซึ่งบอดี้ทำมาจากพลาสติก ส่วนก้านหูฟังสามารถบิดได้ 90 องศา ทำให้สามารถพับเก็บได้ และไม่เปลืองเนื้อที่ในกระเป๋า
Headband หุ้มด้วยผ้าเนื้อนิ่ม สามารถปรับระดับความยาวได้ตามต้องการ ตรงกลางเป็นโลโก้ JBL และตัวอักษรคำว่า LIVE เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า เป็นหูฟังที่อยู่ในซีรี่ส์ LIVE นั่นเอง
ที่ครอบหูเป็นฟองน้ำหุ้มด้วยหนังเทียม สัมผัสนิ่ม ไม่เจ็บหูเมื่อใช้ไปนาน ๆ เนื่องจากรุ่นนี้เป็นดีไซน์แบบ Over-Ear ทำให้ที่ครอบหูมีขนาดที่ใหญ่กว่าหูฟังแบบ On-Ear และตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีกว่า
มาดูกันที่ปุ่มควบคุมการทำงานกันบ้าง ปุ่มแรกก็คือ ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่องด้วยวิธีการสไลด์ เมื่อเปิดเครื่องจะปรากฏไฟ LED สีขาว และจะเปลี่ยนเป็นไฟ LED สีน้ำเงินกระพริบเพื่อค้นหาสัญญาณ Bluetooth และเมื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แล้ว จะเปลี่ยนเป็นไฟสีน้ำเงินนิ่ง
ถัดมาเป็นปุ่มควบคุมการทำงานทั้งด้านการฟังเพลง, การใช้งานโทรศัพท์ รวมถึงการสั่งการด้วยเสียง (Voice Assistant) รายละเอียดดังนี้
ช่องสำหรับสายขนาด 2.5 มิลลิเมตร ใช้ในกรณีที่ต้องการเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth หรือในกรณีที่แบตเตอรี่หมด ด้วยการใช้สาย AUX ที่มีมาให้ในกล่องผลิตภัณฑ์ เชื่อมต่อระหว่างตัวหูฟังกับอุปกรณ์ได้เลยทันที เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
สุดท้าย เป็นปุ่มสำหรับค้นหาสัญญาณ Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ และปุ่ม Ambient Aware พร้อมเทคโนโลยี Talk Thru ด้วยการลดระดับเสียงเพลงลง ทำให้สามารถได้ยินเสียงรอบข้างได้ชัดขึ้น และพูดคุยกับเพื่อนได้เลยโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
ส่วนพอร์ต microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่นั้น จะอยู่ที่หูฟังด้านซ้าย พร้อมไฟ LED บ่งบอกสถานะของแบตเตอรี่ โดยขณะชาร์จจะปรากฏไฟสีแดง และดับลงเมื่อชาร์จเต็ม 100%
สำหรับอุปกรณ์ที่มีมาให้ในชุดจำหน่ายมาตรฐาน ประกอบด้วย สาย USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ (ไม่มี Adapter มาให้) ซึ่งหูฟัง JBL LIVE 500BT มาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ขนาด 700 mAh รองรับการใช้งานด้านการฟังเพลงสูงสุด 30 ชั่วโมง ใช้เวลาในการชาร์จ 2 ชั่วโมง (จาก 0% จนเต็ม 100%) และการชาร์จเพียง 15 นาที สามารถใช้งานได้ต่ออีก 2 ชั่วโมง
ส่วนอีกเส้นเป็นสาย AUX สำหรับเชื่อมต่อระหว่างตัวหูฟังกับอุปกรณ์ ในกรณีที่อุปกรณ์ดังกล่าวไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ซึ่งปลายด้านหนึ่ง จะมีขนาดอยู่ที่ 2.5 มิลลิเมตร สำหรับต่อเข้าหูฟัง ส่วนอีกด้านจะเป็นขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งสาย AUX ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ห่อหุ้มด้วยผ้า ทำให้หมดปัญหาเรื่องสายพันกันขณะใช้งาน
สำหรับการเชื่อมต่อหูฟังไร้สาย JBL LIVE 500BT กับสมาร์ทโฟน ให้เปิดปุ่ม Power ที่ตัวหูฟัง และกดปุ่ม Bluetooth เพื่อปล่อยสัญญาณสำหรับเชื่อมต่อ จากนั้นให้มาที่สมาร์ทโฟน ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Bluetooth แล้วเลือก JBL LIVE500BT
โดย JBL LIVE 500BT ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบ Multi-Point Connection ที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกันสูงสุด 2 อุปกรณ์ สมมติว่ากำลังฟังเพลงบน iPhone อยู่ และต้องการเปลี่ยนไปฟังเพลงบนมือถือ Android ให้ปิดเพลงที่ iPhone ก่อน แล้วกดเล่นเพลงจากมือถือ Android ได้เลยโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ Bluetooth จาก iPhone
สำหรับการใช้งาน Google Assistant นั้น ถ้าหากเป็นมือถือ Android ให้กดค้างที่ปุ่ม Home เพื่อเปิดใช้งาน Google Assistant และตั้งค่าตามขั้นตอนที่ปรากฏได้เลย แต่ในกรณีที่เป็น iPhone จะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Google Assistant บน App Store มาใช้งานเสียก่อน (ดาวน์โหลดฟรี) และเมื่อดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ตั้งค่าตามขั้นตอนที่ปรากฏเช่นกัน
โดยวิธีการใช้งาน Google Assistant เพียงแค่แตะที่ตัวหูฟังด้านซ้าย จากนั้นระบบจะรายงานสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น เวลา, สภาพอากาศ หรือการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันที่เลือกไว้ เป็นต้น
ส่วน Voice Assistant หรือการสั่งการด้วยเสียง ให้กดปุ่มกลาง 2 ครั้ง (ตรงปุ่มปรับระดับเสียงที่หูฟังด้านขวา) จากนั้นให้พูดสั่งการได้เลย เช่น สั่งให้เปิดเพลง, สั่งให้เปิดเพลง หรือโทรศัพท์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังรองรับการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน My JBL Headphones ที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีทั้งบน iOS และ Play Store ซึ่งผู้ใช้งานสามารถควบคุมการทำงานของตัวหูฟังได้ผ่านทางแอปฯ นี้ ทั้ง Equalizer, ตั้งค่าระบบ Voice Assistant (เลือกใช้งานระหว่าง Google Assistant หรือ Amazon Alexa), เปิด-ปิดฟังก์ชัน TalkThru หรือ Ambient Aware และสามารถดูปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่บนหูฟังได้ผ่านทางแอปพลิเคชันนี้เช่นกัน
มาทดสอบเรื่องของคุณภาพเสียงกันบ้าง ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบเสียงแบบ JBL Signature Sound ที่ถือว่า เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหูฟัง JBL โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเสียงเบสเป็นพิเศษ ถือว่ารุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะได้เสียงเบสมวลแน่นและชัดเจน, เสียงกลาง มีความสด ชัดเจน โดดเด่น, เสียงร้อง มีความชัดเจน คม แต่ไม่แหลมบาดหู ส่วนเวทีเสียงมีความโปร่ง สามารถแยกชิ้นดนตรีกับเสียงร้องได้ โดยรวมแล้วเหมาะกับการฟังเพลงได้หลากหลายแนว ด้านการใช้งานโทรศัพท์ หลังจากทดสอบแล้วพบว่าให้เสียงที่ชัดเจนดีเช่นกัน
สำหรับ JBL LIVE 500BT เรียกได้ว่าเป็นหูฟังที่มีความสามารถและฟังก์ชันการใช้งานเหนือกว่าหูฟังไร้สายรุ่นทั่ว ๆ ไป นอกเหนือจากคุณสมบัติในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth เวอร์ชัน 4.2 แล้ว ยังรองรับเทคโนโลยี Google Assistant และ Amazon Alexa ทำให้ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวแม้จะอยู่ในโลกของเสียงเพลงก็ตาม โดยจุดเด่นหลัก ๆ ของหูฟังไร้สาย JBL LIVE 500BT มีดังนี้
โดย JBL LIVE 500BT มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำ, สีน้ำเงิน, สีเขียว (รุ่นที่นำมารีวิว), สีแดง และสีขาว ราคา 5,990 บาท ซึ่งผู้ที่ซื้อภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2019 นี้ รับฟรี ลำโพง JBL Go+ มูลค่า 1,990 บาท สามารถอ่านรายละเอียดเพื่อรับสิทธิ์ดังกล่าวได้ที่ www.mahajaklife.com หรือ www.mahajak.com
---------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 09/07/2019
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |