เปิดตัวมาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว สำหรับ JBL Pulse 3 ลำโพงบลูทูธรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องของคุณภาพเสียงเท่านั้น แต่จุดขายของ JBL Pulse 3 รุ่นนี้ก็คือ มาพร้อมกับแสงไฟที่สามารถเปลี่ยนสีและรูปแบบได้ตามความต้องการ คล้ายกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Pulse 2 แต่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นด้วยหลอดไฟแบบ LED รอบตัวที่สามารถเลือกสีสันได้หลากหลายกว่าเดิม
สำหรับดีไซน์ของ JBL Pulse 3 ยังคงเป็นรูปทรงกระบอก แต่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยตัวลำโพงมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านการกันน้ำตามมาตรฐาน IPX7 สามารถโดนน้ำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าตัวลำโพงจะเสียหาย , รองรับระบบ Voice Assistant สั่งการด้วยเสียงทั้ง Siri และ Google Now, รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth เวอร์ชัน 4.2 พร้อมฟังก์ชันไมโครโฟนสามารถรับสายคุยโทรศัพท์ได้, แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ขนาด 6000 mAh รองรับการใช้งานได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง และมาพร้อมฟังก์ชัน JBL Connect+ ที่สามารถเชื่อมต่อกับลำโพง JBL รุ่นเดียวกัน และรุ่นอื่นได้สูงสุดถึง 100 ตัวพร้อมกัน
มาดูกันดีกว่าว่า ลำโพงบลูทูธ JBL Pulse 3 นี้ น่าใช้งานขนาดไหน กับรีวิว JBL Pulse 3 โดยทีมงาน techmoblog ครับ
สำหรับกล่องแพ็กเกจของ JBL Pulse 3 เป็นกล่องสี่เหลี่ยม ภายในกล่องประกอบด้วย ลำโพง JBL Pulse 3, Adapter สำหรับชาร์จไฟ, สาย microUSB และคู่มือการใช้งาน
สำหรับลำโพง JBL Pulse 3 จะเป็นรูปทรงกระบอกคล้ายกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Pulse 2 แต่มีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนนั่นก็คือ ส่วนบนจะเป็นวัสดุประเภทพลาสติกเงา พร้อมไฟ LED แบบรอบด้านที่สามารถเปลี่ยนสีไฟได้ตามต้องการ ส่วนด้านล่างเป็นลำโพงเสียงที่ให้เสียงรอบตัว 360 องศา โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 223 x 92 x 92 มิลลิเมตร และหนัก 960 กรัม ถือว่าหนักพอสมควรเลยทีเดียว
ด้านปุ่มควบคุมการทำงานบน JBL Pulse 3 ประกอบด้วย ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง, ปุ่มเปิด-ปิด Bluetooth, ปุ่ม JBL Connect+, ปุ่มเปิด-ปิดสำหรับเปลี่ยนสีและรูปแบบของไฟ LED, ปุ่มปรับระดับเสียง, และปุ่มเล่น-หยุดเพลง-Voice Assistant ซึ่งด้านบนเป็นไฟบอกระดับของแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่
ส่วนตรงกลางเป็นพอร์ตการเชื่อมต่อ ได้แก่ พอร์ต AUX 3.5mm และพอร์ต microUSB สำหรับเสียบชาร์จแบตเตอรี่ โดยมีจุกยางปิดกันน้ำอีกชั้น ซึ่ง JBL Pulse 3 สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ที่ระดับ IPX7
ด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่อง เป็นช่องซับวูฟเฟอร์สำหรับขับเสียงเบส ซึ่งดีไซน์ของ JBL Pulse 3 นั้น ถูกออกแบบให้วางในแนวตั้ง จะเห็นว่า ด้านล่างจะมีลักษณะเว้าแหว่ง เพื่อไม่ให้เสียงถูกบดบังเมื่อวางในแนวตั้งนั่นเอง
อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า จุดขายของ JBL Pulse 3 ไม่ได้โดดเด่นในเรื่องของพลังเสียงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งลูกเล่นของรุ่นนี้ก็คือ สามารถเปลี่ยนสีไฟ LED ได้หลากหลาย โดยสามารถเปลี่ยนได้เองที่ตัวลำโพง หรือผ่านทางแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า JBL Connect สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีทั้งบน App Store และ Play Store
โดยแอปพลิเคชัน JBL Connect รองรับการทำงานกับลำโพง JBL หลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น JBL Pulse 3, JBL Pulse 2, JBL Flip 4, JBL Flip 3, JBL Charge 3, JBL Boombox และ JBL Xtreme
เมื่อทำการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการเชื่อมต่อลำโพง JBL Pulse 3 กับสมาร์ทโฟนเสียก่อน ด้วยการเปิดเครื่องและกดปุ่ม Bluetooth 1 ครั้ง จากนั้นไปที่สมาร์ทโฟนด้วยการเข้าไปที่ Settings > Bluetooth และทำการเชื่อมต่อ
เมื่อการเชื่อมต่อสำเร็จ จะขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ดังรูปข้างต้น มาดูกันดีกว่าว่า แอปพลิเคชัน JBL Connect สามารถทำอะไรได้บ้าง
หน้าแรกของแอปพลิเคชัน JBL Connect จะระบุถึงรุ่นลำโพงที่ได้ทำการเชื่อมต่อ ซึ่งในทีนี้ก็คือ JBL Pulse 3 ถ้าหากเชื่อมต่อกับตัวเครื่องสีดำ รูปก็จะปรากฏเป็นสีดำ แต่ถ้าหากเชื่อมต่อกับตัวเครื่องสีขาว ก็จะเป็นรูปตัวเครื่องสีขาว โดยจะเห็นว่า มี 2 โหมดให้เลือก นั่นก็คือ Party กับ Stereo
สำหรับ Party Mode ก็คือ การนำลำโพง Bluetooth ของ JBL ตั้งแต่รุ่น Flip มา pair กันซึ่งสามารถเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 100 เครื่อง โดยเมื่อทำการเชื่อมต่อเสร็จแล้ว เพลงที่เปิดจะถูกเล่นจากทุกลำโพงพร้อมกัน
ส่วน Stereo Mode ก็คือ การแบ่งลำโพงแบบแยกเสียงซ้ายและขวา ซึ่งต้องมีการเชื่อมต่อลำโพง 2 ตัวพร้อมกัน สามารถเลือกได้ด้วยว่า อยากให้ลำโพงตัวไหนเสียงออกซ้ายหรือขวา
ถัดมาเป็นโหมดหลักของ JBL Pulse 3 นั่นก็คือ การปรับแต่งแสงไฟ LED นั่นเอง ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ถึง 8 แบบ โดยสามารถกดเปลี่ยนรูปแบบของไฟได้ที่ตัวลำโพง หรือเปลี่ยนผ่านแอปพลิเคชัน JBL Connect ซึ่งรูปแบบของแสงไฟก็ได้แก่ Wave, Jet, Fireworks, Equaliser, Rave, Rainbow, Campfire และ Customized โดยแบบ Customized สามารถเลือกผสมรูปแบบไฟที่กำหนดได้ 3 แบบ (จากทั้งหมด 9 แบบ)
เมื่อเลือกรูปแบบของไฟได้แล้ว ต่อไปมาเลือกสีของแสงไฟกันบ้าง โดยสามารถทำได้ 2 วิธีก็คือ เลือกจากถาดสีที่ให้มา
หรือจะเปิดโหมดกล้องถ่ายรูป แล้วถ่ายภาพสีที่ต้องการจะเปลี่ยนก็ได้
สำหรับปุ่ม JBL Connect+ นั้น คือการ pair ลำโพง JBL รุ่นเดียวกัน หรือรุ่นที่รองรับฟีเจอร์ JBL Connect+ ได้สูงสุดถึง 100 ตัวพร้อมกัน ซึ่งวิธีการ pair ก็ได้ทำง่าย เพียงแค่กดที่ปุ่ม JBL Connect+ บนลำโพงตัวถัดไป ถ้าหากมีการเปิดเพลงบนลำโพงตัวหลักอยู่แล้ว เสียงเพลงจะดังบนลำโพงตัวอื่นที่ถูก pair ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังสามารถเปลี่ยนสีและรูปแบบของไฟ LED บนลำโพงทุกตัวให้เหมือนกันได้ ด้วยการเขย่าลำโพง JBL ตัวหลัก ไฟ LED ของลำโพงตัวที่ 2 หรือ 3 ก็จะมีการเปลี่ยนสีไฟ LED ให้เหมือนกับลำโพงตัวหลัก ซึ่งถือว่า เป็นลูกเล่นที่น่าสนใจบนลำโพง JBL Pulse 3
โดยรูปแบบของไฟ LED แต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไร, การเปลี่ยนสีไฟทำอย่างไร และวิธีการ pair ลำโพง JBL ผ่านทางฟีเจอร์ JBL Connect+ ทำอย่างไร ชมกันได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่าง
หลังจากเลือกรูปแบบและสีสันของไฟได้แล้ว มาทดสอบคุณภาพเสียงของ JBL Pulse 3 กันบ้าง เรียกได้ว่า เสียงที่ออกมาจากลำโพง JBL Pulse 3 รุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเสียงเบสทีมีความโดดเด่น ลูกใหญ่ กระชับ ช่วยทำให้ดนตรีมีความสนุกมากขึ้น รวมไปถึงการเก็บรายละเอียดของเสียงอื่น ๆ ทั้งเสียงร้องและเสียงคอรัสมีความชัดเจนเช่นกัน ไม่แหลมบาดหู อีกทั้งยังเป็นลำโพงเสียงแบบ 360 องศา ไม่ว่าจะฟังมุมไหนก็ให้เสียงที่ดังเท่ากัน ใครที่ชอบฟังเพลงเน้นเสียงเบสหนัก ๆ น่าจะตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว
สำหรับลำโพงบลูทูธ JBL Pulse 3 นั้น นับว่าเป็นลำโพงที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องของคุณภาพเสียงเพียงอย่างเดียว แต่โดดเด่นกันตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกเลยก็ว่าได้ ด้วยรูปทรงกระบอกที่มีความแข็งแรง อีกทั้งยังเป็นลำโพงตัวแรกของ JBL ที่ให้เสียงแบบ 360 องศารอบทิศทาง ไม่ว่าจะฟังมุมไหนก็ได้คุณภาพเสียงที่เท่ากัน ซึ่งจุดเด่นของ JBL Pulse 3 ก็คือ มาพร้อมกับไฟแบบ LED รอบทิศที่สามารถปรับรูปแบบของแสงไฟและสีสันต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ ทำให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับการฟังเพลงไปพร้อม ๆ กับแสงไฟหลากสีได้ในเวลาเดียวกัน
นอกเหนือจากคุณสมบัติด้านพลังเสียงและแสงสีแล้ว JBL Pulse 3 รุ่นนี้ ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านการกันน้ำตามมาตรฐาน IPX7 หมดกังวลเรื่องตัวเครื่องเสียหายถ้าโดนน้ำหรือทำตกน้ำ, ฟีเจอร์ JBL Connect+ กับคุณสมบัติในการเชื่อมต่อกับลำโพง JBL รุ่นเดียวหรือรุ่นอื่น ๆ ที่รองรับฟีเจอร์ JBL Connect+ ได้สูงสุดถึง 100 ตัว, สามารถตั้งค่าให้เล่นเพลงแบบแยกเสียงซ้ายและขวาได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน JBL Connect, รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทั้ง Android และ iPhone ผ่านทาง Bluetooth เวอร์ชัน 4.2, รองรับ Voice Assistant ระบบสั่งการด้วยเสียงผ่านทาง Siri และ Google Now อีกทั้งยังมีไมโครโฟนในตัว สามารถรับโทรศัพท์ได้ ส่วนแบตเตอรี่รองรับการใช้งานอย่างยาวนานถึง 12 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ในด้านคุณภาพเสียงนั้น ถือว่า JBL Pulse 3 รุ่นนี้ เสียงเบสมีความโดดเด่นเนื่องจากมีช่องซับวูฟเฟอร์สำหรับขับเสียง เสียงร้องมีความชัดเจน เก็บรายละเอียดของเสียงได้ดี คุมจังหวะของเสียงดนตรีได้แบบพอดี ๆ ไม่ขาดไม่เกิน สามารถฟังเพลงได้ทุกแนว ทั้ง Pop, Acoustic, Dance หรือจะเป็นแนว R&B ก็ยังไหว
โดย JBL Pulse 3 มีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีขาว และสีดำ ราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 8,990 บาท สามารถหาซื้อได้ตามร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือผ่านทางเว็บไซต์ www.mahajaklife.com
---------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 22/01/2018
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |