ทุก ๆ ครั้งที่ทาง Apple ได้ปล่อยอัปเดตเฟิร์มแวร์เวอร์ชันใหม่ออกมา มีผู้ใช้ iPhone จำนวนไม่น้อยที่รู้สึกว่า ตัวเครื่องประมวลผลได้ช้าลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เฟิร์มแวร์ใหม่อาจจะไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด เพราะล่าสุด ได้มีผู้ค้นพบว่า แบตเตอรี่เก่า ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ iPhone ประมวลผลได้ช้าลงเช่นกัน
โดยผู้ใช้งานเว็บไซต์ Reddit รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า TeckFire ได้เผยหลักฐานที่ยืนยันว่า แบตเตอรี่ที่เก่าหรือเสื่อมสภาพ คือสาเหตุที่ทำให้ iPhone หน่วงและประมวลผลได้ช้าลง กับการทดสอบ Geekbench บน iPhone 6S ก่อนและหลังเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่ง TeckFire เผยว่า แบตเตอรี่บน iPhone 6S ก่อนเปลี่ยน อยู่ที่สถานะ Wear Level ซึ่งมีประสิทธิภาพเหลือเพียง 20% เท่านั้น และผลการทดสอบพบว่า ได้คะแนนการทดสอบอยู่ที่ 1,466 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Single-Core และ 2,512 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Multi-Core และเมื่อ TeckFire ได้เปลี่ยนแบตเตอรี่บน iPhone 6S จึงนำมาทดสอบ Geekbench อีกครั้ง พบว่า คะแนนการทดสอบเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 2,526 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Single-Core และ 4,456 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Multi-Core
หลังจากที่ทาง TeckFire ได้เปิดเผยข้อมูลนี้ออกไป ก็มีผู้ใช้งานทั้ง iPhone 7 รวมถึงรุ่นเก่าอย่าง iPhone 6S และ iPhone 6 เผยว่า หลังเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้ว ได้คะแนนการทดสอบที่มากขึ้นเช่นกัน
โดยเมื่อปีที่ผ่านมา Apple ได้เปิดตัว Repaire Program สำหรับผู้ใช้ iPhone 6S ที่เจอปัญหาตัวเครื่อง shut down เองโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทาง Apple ได้เผยในตอนนั้นว่า เกิดจากปัญหาด้านการผลิตและมีผลกระทบกับ iPhone 6S ในจำนวนที่น้อยมาก หลังจากนั้นอีก 2 เดือนถัดมา Apple ได้ปล่อยอัปเดต iOS 10.2.1 เพื่อแก้ปัญหา iPhone ดับเอง พร้อมกับเผยว่า เฟิร์มแวร์ดังกล่าวสามารถลดอาการตัวเครื่องดับเองบน iPhone 6S ได้ถึง 80% และบน iPhone 6 ได้ 70% โดยอัปเดตนี้ จะเป็นการปรับการทำงานของชิปเซ็ตให้ประมวลผลได้ช้าลงเมื่อพบว่า แบตเตอรี่เริ่มเสื่อม เพื่อป้องกันการ shut down นั่นเอง
---------------------------------------
ที่มา : gsmarena.com , macrumors.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 12/12/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |