หลังจากที่ค่าย OPPO ได้บุกตลาดสมาร์ทโฟนราคาประหยัดด้วย OPPO A57 มือถือรุ่นเล็กเจ้าของฉายา Unstopabble Selfie ที่มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และล่าสุดทาง OPPO ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน A Series รุ่นใหม่ในชื่อ OPPO A77 ที่ได้รับการอัปสเปกเกรดรอบด้าน พร้อมจุดเด่นด้านการเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าความละเอียดสูง และรองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอด้วย
โดย OPPO A77 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลที่ขยายใหญ่ขึ้นเป็น 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD พร้อมเปลี่ยนชิปเซ็ตประมวลผลเป็น MediaTek MT6750T จับคู่การทำงานกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB พร้อมหน่วยความภายในที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวที่ 64GB นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่จุใจกว่าเดิมที่ 3200mAh โดย OPPO A77 เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยเอาไว้ที่ 10,990 บาท
แต่ OPPO A77 จะมีฟีเจอร์เด่นอย่างไร และคุ้มค่าน่าใช้งานหรือไม่ วันนี้ทางทีมงาน techmoblog จะพาทุกท่านไปรับชมผ่านรีวิวแบบเจาะลึกกันครับ
เริ่มต้นที่แพ็กเกจกันก่อน OPPO A77 มาพร้อมกับแพ็กเกจสีขาวสะอาดตา ที่ด้านหน้ามีการพิมพ์ภาพดีไซน์ตัวเครื่องให้เห็นแบบเด่นชัด พร้อมกับจุดขายของรุ่นนี้อย่างกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
ด้านหลังของกล่อง บ่งบอกถึงจุดเด่นหลักๆ ของ OPPO A77 ไม่ว่าจะเป็น กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล, ดีไซน์ตัวเครื่องแบบโลหะ, หน้าจอความละเอียด Full HD และหน่วยความจำ RAM 4GB พร้อม ROM 64GB
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับ OPPO A77 ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
อุปกรณ์ที่แถมให้มาในกล่องถือว่าครบถ้วน ประกอบด้วย เข็มจิ้มซิม, เคสใส, คู่มือการใช้งาน, หูฟังแบบ Earbuds, สายเชื่อมต่อแบบ microUSB และ Adapter สำหรับชาร์จไฟ
ข้ามมาที่ตัวเครื่องกันบ้าง โดย OPPO A77 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมความคมชัดของหน้าจอระดับ Full HD ซึ่งจุดที่น่าสนใจอยู่ที่ มีการติดฟิล์มใสป้องกันรอยมาให้ตั้งแต่แกะกล่อง
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย กล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ลำโพงสนทนา, ไฟแสดงสถานะ LED และเซ็นเซอร์ต่างๆ
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบด้วบ ปุ่มควบคุมแบบสัมผัส และปุ่มโฮมที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ด้านใต้ โดยปุ่มโฮมของ OPPO A77 ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะเป็นแบบ Solid-State ซึ่งจะไม่มีการยุบตัวเมื่อออกแรงกด และยังมีการเคลือบสารป้องกันน้ำ ทำให้ผู้ใช้สามารถสแกนได้แม้นิ้วมือเปียกน้ำ
รวมทั้ง ยังสามารถสแกนนิ้วเพื่อปลดล็อคได้แม้ว่าหน้าจอจะดับอยู่
ที่ด้านบนติดตั้งไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนเอาไว้ ส่วนที่ด้านล่างประกอบด้วย ลำโพงหลักของตัวเครื่อง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
สำหรับด้านซ้ายของตัวเครื่อง มีปุ่มปรับระดับเสียงติดตั้งเอาไว้ ส่วนที่ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด และปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง
ถาดใส่ซิมการ์ดของ OPPO A77 จะเป็นแบบ Triple-Slot Tray ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ไปพร้อมๆ กับเพิ่มหน่วยความจำเสริม micorSD Card ได้ด้วย
OPPO A77 มาพร้อมกับงานออกแบบตัวเครื่องที่ผลิตด้วยโลหะไร้รอยต่อ ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน (Unibody) พร้อมเส้นเสารับสัญญาณบางเฉียบที่จะพาดขวางบริเวณด้านบน และด้านล่าง
ที่ด้านบน ติดตั้งกล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
OPPO A77 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย ColorOS 3.0 ซึ่งเป็น UI ที่ทาง OPPO ได้พัฒนาขึ้นมาเอง โดยเน้นการทำงานที่รวดเร็ว และความง่ายต่อการใช้งาน
หน้าตาของ Color OS 3.0 นั้น จะไม่มีปุ่มรวมแอปหรือ App Drawer ซึ่งแอปพลิเคชันทั้งหมดจะติดตั้งเอาไว้บนหน้าโฮมสกรีน โดยผู้ใช้สามารถสร้างโฟลเดอร์เพื่อจัดเก็บเป็นหมวดหมู่ได้
ปัดนิ้วจากบนลงล่าง จะพบกับ Toggle Switch คีย์ลัดสำหรับตั้งค่าต่างๆ ภายในตัวเครื่อง หากปัดไปทางด้านซ้ายจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้าต่างแจ้งเตือนทั้งหมดนั่นเอง
แตะที่ปุ่ม Recent Apps จะพบกับ Task Switcher หรือหน้าต่างแสดงรายการแอปพลิเคชันที่กำลังใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถเคลียร์แรมได้ด้วยการกดปุ่ม X ซึ่ง RAM 4GB ที่มีบน OPPO A77 จะเหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 2.1GB เนื่องจาก RAM ส่วนหนึ่งต้องแบ่งไปเพื่อรันระบบปฏิบัติการ Android
ด้านแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้กับตัวเครื่องนั้น จะเป็นแอปจาก Google แบบยกชุด เช่น Gmail, Google Drive, Google Duo, Google Maps, Youtube และ Google Keeps และยังมีแอปพลิเคชันพื้นฐานอย่างเข็มทิศ และแอป WPS Office สำหรับอ่านไฟล์เอกสาร ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานเช่นเดียวกัน
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ ColorOS 3.0 คือ Theme Store ซึ่งเป็นคลังรวมภาพวอลเปเปอร์ และไอคอนสวยๆ ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้แบบฟรีๆ
Security แอปพลิเคชันด้านความปลอดภัยจาก OPPO ซึ่งภายในหน้าแอปจะประกอบไปด้วย 3 เมนูหลัก ได้แก่ Boost สำหรับเคลีย์ไฟล์ Cache และ RAM ได้เพียงคลิกเดียว, Privacy Permission สำหรับตรวจสอบการขอสิทธิเข้าถึงโทรศัพท์จากแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึงการตรวจสอบแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง และ Virus Scan ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำหรับสแกนไฟล์ และแอปพลิเคชันที่น่าสงสัยบนตัวเครื่อง
Color OS 3.0 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ตัดแสงสีฟ้าบนหน้าจอ หรือ Eye Protection Display ด้วย โดยในโหมดนี้จะปรับหน้าจอให้แสดงผลให้โทนสีเหลืองนวล เพื่อช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับระดับความเข้มของสีได้ 3 ระดับครับ
ส่วนการควบคุมการทำงานแบบ Gesture ก็มีมาให้ใช้เช่นเดียวกัน เช่น ลาก 3 นิ้วพร้อมกันเพื่อแคปเจอร์ภาพหน้าจอ หรือ วาดตัวอักษร O ขณะหน้าจอดับเพื่อเปิดกล้อง โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าการลากนิ้วขณะหน้าจอดับ เพื่อให้เปิดแอปพลิเคชัน หรือโทรออกหารายชื่อที่ต้องการได้อีกด้วย
OPPO A77 รองรับการสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคตัวเครื่องด้วย ซึ่งสามารถจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 นิ้ว นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่า App Encyption ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำหรับล็อคแอปพลิเคชันไม่ให้เปิดได้อย่างง่ายๆ โดยจะมีเพียงแค่เจ้าของลายนิ้วมือ หรือผู้ที่รู้รหัสเท่านั้นที่จะสามารถเปิดใช้งานแอปพลิเคชันที่ถูกล็อคไว้ได้
ตัวอย่างแอปพลิเคชันที่ถูกล็อคไว้ จะเห็นได้ว่าผู้ใช้จะต้องสแกนลายนิ้วมือ หรือใส่รหัสเสียก่อนจึงจะใช้งานได้
ข้ามมาที่ประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องกันบ้าง อย่างที่กล่าวไปด้านต้นว่า OPPO A77 ได้มีการอัปเกรดสเปกภายในใหม่ ด้วยชิปเซ็ต MediaTek MT6750T แบบ Octa-Core Processor พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T860 จับคู่การทำงานกับหน่วยความจำ RAM 4GB ซึ่งเมื่อลองทดสอบประสิทธิการทำงานโดยรวมด้วย AnTuTu พบว่าทำคะแนนได้ราว 53028 คะแนน
ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ CPU ด้วย Geekbench 4 พบว่า OPPO A77 ทำคะแนนประมวลผลแบบ Single-Core ได้ 758 คะแนน และทำคะแนนประมวลผลแบบ Multi-Core ได้ 2743 คะแนน
ทดสอบเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่มีอยู่บนตัวเครื่องด้วย Sensor Box พบว่า OPPO A77 มีการติดตั้งเซ็นเซอร์พื้นฐานมาให้แบบครบครัน
ลองทดสอบด้วยการเล่นเกมกันบ้าง ซึ่งก็พบว่า OPPO A77 สามารถเล่นเกม 3D ทั่วๆ ไปได้อย่างลื่นไหล ซึ่งจะมีเพียงแค่เกมกราฟิกหนักๆ อย่าง PES 2017 ที่จะปรากฏอาการหน่วงให้เห็นบ้าง แต่โดยรวมแล้วถือว่าทำงานได้ค่อนข้างน่าประทับใจครับ
จุดเด่นสำคัญของ OPPO A77 นั่นคือกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียดสูงนั่นเอง โดยกล้องหน้าเลือกใช้งานกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0 พร้อมโหมด Beautify 4.0 สำหรับปรับสีผิว และใบหน้าผู้ใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีโหมด Bokeh สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างง่ายๆ รวมถึงโหมด Panorama สำหรับเก็บภาพเซลฟี่ในแนวกว้าง และยังมีไฟแฟลชบนหน้าจอให้เลือกใช้งานสำหรับถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยด้วย
ส่วนกล้องหลังแม้ว่าจะมีความละเอียดน้อยกว่าที่ 13 ล้านพิกเซล แต่ก็ทดแทนด้วยโหมดถ่ายรูปที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น โหมด Ultra HD ที่จะมีการเก็บภาพต่อเนื่องหลายช็อต และจะนำมาประมวลผลรวมกันอีกครั้งเพื่อให้ได้ภาพความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล, โหมด HDR และโหมดถ่ายภาพแบบโปร ที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าต่างๆ ของกล้องได้ด้วยตนเอง เช่น ISO, Shutter Speed หรือการปรับโฟกัสแบบ Manual ซึ่งเราสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการถ่ายวัตถุที่มีระยะใกล้หรือไกลได้นั่นเอง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าแบบไม่ปรับแต่ง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า พร้อมปรับโหมด Beautify ที่ระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า พร้อมปรับโหมด Beautify ที่ระดับ 7
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า พร้อมเปิดโหมด Bokeh
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
หลังจากที่ทดลองใช้มาระยะหนึ่ง ก็พอจะสรุปได้ว่า OPPO A77 เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังมองหามือถือที่มีจุดเด่นด้านการถ่ายภาพ พร้อมสเปกตัวเครื่องที่ทำงานได้รอบด้านเป็นอย่างดี เนื่องจาก OPPO A77 นั้น มาพร้อมกับกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 ที่ช่วยเก็บแสงได้มากขึ้น ส่วนกล้องหลังนั้นก็จัดวางมาให้ถึง 13 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ ทาง OPPO ยังได้ใส่ฟีเจอร์เอาใจคนรักการถ่ายภาพมาให้ด้วยอย่าง Beautify 4.0 สำหรับปรับสีผิว และใบหน้าของผู้ใช้งาน รวมถึงโหมดโปร และโหมด Ultra HD ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้ถึง 50 ล้านพิกเซลในกล้องหลัง
ส่วนสเปกภายในนั้น ถือว่าได้รับการยกเครื่องให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่าง OPPO A57 พอสมควร ด้วยหน้าจอ Full HD ขนาด 5.5 นิ้ว บนบอดี้โลหะบางเฉียบ 7.3 มม. ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง MediaTek MT6750T แบบ Octa-Core Processor, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB และหน่วยความจำภายในความจุ 64GB ซึ่งนับว่าสามารถตอบโจทย์การใช้งานทั่วๆ ไปได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ OPPO A77 ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ที่มากขึ้นด้วยที่ 3200mAh
สำหรับ OPPO A77 เคาะราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยเอาไว้ที่ 10,990 บาท โดยมีให้เลือก 2 เฉดสีด้วยกัน ได้แก่ สีทอง (Gold) และสีทองกุหลาบ (Rose Gold) ซึ่งหากใครที่สนใจก็สามารถแวะไปทดลองเล่นได้ที่ร้านค้า และตัวแทนจำหน่าย OPPO ใกล้บ้านได้ครับ
จุดเด่นของ OPPO A77
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ: “เครื่อง OPPO A77 ที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจาก บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด เท่านั้น ยังไม่ใช่เครื่องที่วางจำหน่ายจริงแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นตัวเครื่อง หรือฟังก์ชันการทำงานบางอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ 100% เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายจริง”
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 05/07/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |