OPPO F5 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของ OPPO ที่เปิดตัวในบ้านเราอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สมาร์ทโฟนไฮเอนด์แต่ก็จัดว่ามีคุณสมบัติที่น่าสนใจไม่น้อย โดยครั้งนี้เปลี่ยนโฉมใหม่เป็นดีไซน์แบบ Full View Display อัตราส่วน 18:9 ทำให้ทรงของตัวเครื่องเพรียวขึ้น และดูน่าใช้งานมากขึ้น และแน่นอนว่ายังคงมีจุดเด่นที่การถ่ายภาพเซลฟีเช่นเดิมตามสไตล์ถนัดของ OPPO แต่คราวนี้มีการอัปเกรดขึ้นไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยี A.I. Beauty บนกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ซึ่ง A.I. Beauty ที่ว่านี้เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่จะช่วยวิเคราะห์โครงหน้าและผิวหน้าของผู้ถ่าย รวมไปถึงแสงในสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความเรียบเนียนและโทนสีผิวให้เหมาะสมที่สุด ทำให้การเซลฟีด้วยโหมด Beauty ดูมีความเป็นธรรมชาติกว่าที่เคย
นอกจากเรื่องกล้องแล้ว OPPO F5 ก็ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์มีประโยชน์หลายอย่างด้วยกัน เช่นการใช้งาน 2 จอพร้อมกัน (Split-Screen), รองรับการโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน, มีฟีเจอร์ตัดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา และที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมคือฟีเจอร์ Hold-off Distraction ที่จะช่วยให้เราเล่นเกมและรับโทรศัพท์ไปพร้อมกันได้โดยไม่เด้งไปที่หน้าจอการโทรให้หงุดหงิด นอกจากนี้ถาดซิมการ์ดยังเป็นแบบ Triple-Slot Tray ซึ่งมี 3 ช่อง สามารถใช้งาน 2 ซิม และ microSD ได้พร้อมๆ กันได้โดยไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเหมือนสมารืทโฟนหลายๆ รุ่น
จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเห็นว่า OPPO F5 เป็นสมาร์ทโฟนปลายปี 2017 ที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่ง ทางทีมงาน Techmoblog ก็ไม่พลาดที่จะหยิบมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกัน เมื่อลองสัมผัสจริงๆ แล้วจะน่าใช้อย่างที่คิดหรือไม่ ไปชมรีวิวกันเลยครับ
ความโดดเด่นของ OPPO F5 ที่ต่างจากรุ่นก่อนๆ คือการเปลี่ยนมาใช้ดีไซน์แบบ Full View Display ที่มีการปรับขอบจอทุกด้านให้บางลงและตัดปุ่มโฮมออกไป เปลี่ยนไปใช้ปุ่มควบคุมแบบ on-screen บนหน้าจอแสดงผล TFT Full HD+ ขนาด 6 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ทำให้ตัวเครื่องดูเพรียวขึ้น ตัวเครื่องเป็นงานประกอบชิ้นเดียวแบบ Unibody จึงคงทนแข็งแรงในระดับหนึ่ง มีน้ำหนักเบาและจับถนัดมือ
ขอบเครื่องด้านบนเหนือหน้าจอประกอบไปลำโพงสนทนาและกล้องดิจิทัลด้านหน้าที่ถือเป็นจุดเด่นของ OPPO F5 โดยมากับความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.0 พร้อมฟีเจอร์ A.I. Beauty ใหม่ล่าสุดที่จะมาช่วยยกระดับการเซลฟีให้เนียนสวยและง่ายขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเราจะมาทดลองฟีเจอร์นี้กันในหัวข้อถัดไป
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า OPPO F5 ได้ตัดปุ่มโฮมแบบเก่าทิ้งไป และเปลี่ยนไปใช้ปุ่มควบคุมแบบ on-screen แทน สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ปุ่มแบบนี้มาก่อนก็ไม่ต้องกังวลเพราะตำแหน่งของปุ่มยังคงเหมือนเดิม (จากซ้าย : Recent Apps, Home, Back) เพียงแค่เปลี่ยนมาอยู่บนหน้าจอเท่านั้น
เมื่อพลิกดูด้านหลังจะพบกับกล้องดิจิทัลพร้อมไฟแฟลช LED, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และโลโก้ OPPO เมทัลลิกโดดเด่น บนพื้นผิวสีดำด้านที่เรียบง่ายแต่ดูดี
เมื่อหงายดูใต้ตัวเครื่องจะพบกับพอร์ต micro-USB สำหรับชาร์จแบตเตอรีและโอนถ่ายข้อมูล พร้อมด้วยช่องเสียบหูฟัง และลำโพง ขอบเครื่องด้านซ้ายมีด้วยปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านขวาจะมีปุ่มล็อกหน้าจอ และถาดใส่ซิมการ์ด
ถาดใส่ซิมการ์ดของ OPPO F5 เป็นแบบ Triple-Slot Tray ซึ่งมี 3 ช่อง สามารถใส่ 2 ซิมการ์ดพร้อมกับการ์ด microSD ได้ไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเหมือนถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid
กล้องหลังของ OPPO F5 จะอยู่บริเวณมุมซ้ายบน เป็นกล้องเดี่ยวความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.8 รองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบโบเก้ พร้อมด้วยไฟแฟลช LED
OPPO F5 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat ครอบทับด้วย ColorOS 3.2 เครื่องที่นำมาทดสอบเป็นรุ่น RAM 4 GB + ROM 32 GB
เมื่อเข้าสู่หน้าจอหลักก็จะพบกับแอปพลิเคชันพื้นฐานต่างๆ เรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ เนื่องจากอินเตอร์เฟซของ Color OS นั้นไม่มี App Drawer แอปพลิเคชันทั้งหมดจึงปรากฏอยู่บนหน้าจอหลักแทน ซึ่งเราสามารถย้ายหรือลบไอคอนเหล่านี้ได้ตามสะดวก ในส่วนของการตั้งค่าสามารถเข้าผ่านไอคอนบนหน้าจอหลักได้ทันที
เมื่ออยู่ที่หน้าจอหลัก สามารถดูแจ้งเตือนต่างๆ ได้โดยการลากนิ้วจากขอบจอด้านบนลงด้านล่าง หากปัดนิ้วขึ้นจากขอบจอล่างขึ้นด้านบนจะเป็นการเปิดแถบทางลัดการตั้งค่า ที่น่าสนใจคือมีโหมดถนอมสายตา (การปกป้องในเวลากลางคืน) มาให้ด้วย ซึ่งจะตัดแสงสีฟ้าจากหน้าจอเมื่อเปิดใช้งาน ลดอาการปวดตาเมื่อต้องจ้องจอนานๆ หรือในที่มืด
หากไม่ชอบธีมหรือวอลเปเปอร์ที่ตัวเครื่องมีมาให้ ก็สามารถเข้าไปเลือกดาวน์โหลดธีมและวอลเปเปอร์สวยๆ ที่ร้านค้าธีมได้เช่นกัน
นอกจาก OPPO F5 จะมีเครื่องมือพื้นฐานติดตั้งมาให้หลายอย่างแล้ว ยังมีบริการของ Google มาให้ครบครัน ตั้งแต่ Google Maps, Drive, YouTube ไปจนถึงแอปพลิเคชันวิดีโอคอลใหม่ Duo ไม่ต้องไปหาโหลดให้เสียเวลา
ในหน้าแกลเลอรีเลือกแสดงผลได้ 2 แบบ คือแสดงเป็นรูป และแสดงแบบแยกอัลบั้ม
แอปพลิเคชันฟังเพลงที่ติดมากับเครื่องมีหน้า UI สะอาดตาและใช้งานไม่ยาก แต่ที่น่าสนใจคือเทคโนโลยี Real Original Sound ที่ทาง OPPO พัฒนาร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีด้านเสียงชั้นนำ Dirac Research AB เพื่อขับเน้นพลังเสียงออกมาได้สมจริงยิ่งขึ้น และยังให้ผู้ใช้ปรับอีควอไลเซอร์ได้อย่างอิสระ แต่เทคโนโลยีนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อใส่หูฟังเท่านั้น
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ OPPO F5 นั้น มีทั้งการจดจำลายนิ้วมือและการจดจำใบหน้า สามารถเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือจะใช้ทั้ง 2 อย่างก็ได้ โดยจะต้องลงทะเบียนลายนิ้วมือและใบหน้าของเราก่อนจึงจะเปิดใช้งานได้ ทั้งสองระบบมีการตอบสนองและปลดล็อกได้รวดเร็ว
หน้าจอการโทรดูสะอาดตาและใช้งานง่าย แป้นตัวเลขใหญ่ กดง่ายและแม่นยำ และสามารถสลับไปดูรายชื่อทั้งหมดที่บันทึกไว้ได้ทันที
OPPO F5 ติดตั้งแอปพลิเคชันสำหรับบำรุงรักษาอุปกรณ์เบื้องต้นมาให้แล้ว ในชื่อ "ศูนย์รักษาความปลอดภัย" ด้วยแอปพลิเคชันนี้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวต่างๆ ล้างไฟล์ขยะ สแกนไวรัส และอื่นๆ ได้
OPPO F5 สามารถเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียด Full HD (1080p) ได้ไม่มีสะดุดและคมชัดในระดับน่าพอใจ โดยการแสดงผลจะปรับให้เป็น Fit to screen โดยอัตโนมัติ
ในส่วนของการเล่นเกมนั้น OPPO F5 ทำได้ค่อนข้างดี สามารถเล่นเกมใหม่ๆ ที่มีกราฟิก 3 มิติได้ลื่นไหลพอสมควร และรองรับเกมยอดนิยมบน Google Play Store ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น RoV หรือ Mobile Legends ก็สามารถเล่นได้สบายๆ
OPPO F5 มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ Hold-off Distraction ซึ่งทำให้เราไม่ถูกขัดจังหวะขณะเล่นเกมเวลามีสายเข้าโดยจะแสดงเป็นแถบแจ้งเตือนขึ้นมาแทน เราสามารถกดรับสายหรือวางสายจากแถบนี้ได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอ หากกดรับสาย จะเข้าสู่โหมดการสนทนาด้วยลำโพงทันที ทำให้คุยไปเล่นเกมไปพร้อมๆ กันได้ ต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปที่จะตัดเข้าหน้าจอการโทรทันทีเมื่อมีสายเข้าจนเสียจังหวะการเล่นเกมไป ซึ่งเกมเมอร์ทุกคนรู้ดีว่าจังหวะที่เสียไปเพียงไม่กี่วินาทีนั้นอาจส่งผลต่อการแพ้-ชนะได้เลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยการทดสอบ Benchmark กับ AnTuTu โดย OPPO F5 ทำคะแนนได้ 65569 คะแนน และรองรับการสัมผัสบนหน้าจอพร้อมกัน 10 จุด ถือว่าอยู่ในระดับน่าพอใจสำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลางครับ
สำหรับ UI กล้องถ่ายภาพบน OPPO F5 นับว่าเข้าใจง่ายและใช้งานสะดวก มีการแสดงไอคอนฟังก์ชันที่ใช้บ่อยเอาไว้ให้แล้วเล่น เปิด-ปิดแฟลช, HDR, ตั้งเวลาถ่ายภาพ และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพโปรที่สามารถปรับค่าได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ไวท์บาลานซ์, การชดเชยแสง, ISO หรือความเร็วชัตเตอร์ ส่วนกล้องหน้าจะมีตัวเลือกโหมด Beauty ให้ใช้งานด้วย ซึ่งปรับความเนียนได้ถึง 6 ระดับ ซึ่งเทคโนโลยี A.I. Beauty จะทำงานโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปเปิดใช้งาน หรือตั้งค่าใดๆ ให้ยุ่งยาก
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ถ่ายกลางแจ้ง โหมดอัตโนมัติ
ถ่ายในอาคาร โหมดอัตโนมัติ
ถ่ายในอาคาร โหมดอัตโนมัติ
ถ่ายในอาคาร โหมดอัตโนมัติ
ถ่ายในอาคาร โหมดอัตโนมัติ
ถ่ายแบบมาโคร โหมดอัตโนมัติ
ถ่ายแบบมาโคร โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
Beauty ระดับ 0 / ไม่เปิดโหมดละลายหลัง
Beauty ระดับ 6 (สูงสุด) / ไม่เปิดโหมดละลายหลัง
เปรียบเทียบภาพเซลฟี Beauty 0 (ซ้าย) และ Beauty 6 (ขวา)
Beauty ระดับ 0 / เปิดโหมดละลายหลัง
Beauty ระดับ 6 (สูงสุด) / เปิดโหมดละลายหลัง
เปรียบเทียบภาพเซลฟี Beauty 0 (ซ้าย) และ Beauty 6 (ขวา)
จากภาพตัวอย่างจะเห็นว่ากล้องหลังของ OPPO F5 สามารถถ่ายภาพสวยๆ ได้ไม่แพ้สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่มีสเปกใกล้เคียงกัน และครบทุกฟังก์ชันการใช้งานที่ควรมี แต่จุดเด่นจริงๆ จะอยู่ที่กล้องหน้ามากกว่า ซึ่ง OPPO ก็เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อด้านการเซลฟีอยู่แล้ว การได้เทคโนโลยี A.I. Beauty มาช่วยทำให้จุดแข็งตรงนี้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนเรื่องความเป็นธรรมชาติคงขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ใช้แต่ละคนมากกว่าครับ
OPPO F5 เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ปรับตัวให้เข้ากับความนิยมในปัจจุบันโดยเปลี่ยนไปใช้ดีไซน์ Full View Display ที่มีขอบจอบางลง และเปลี่ยนหน้าจอแสดงผลเป็น 18:9 ทำให้ตัวเครื่องดูเพรียวน่าใช้งานและให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงแบรนด์อื่นๆ ตัวเครื่องมีความทนทานในระดับหนึ่งด้วยดีไซน์ Unibody ตามมาตรฐานสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั่วไป อย่างไรก็ตามยังขาดการตั้งค่าต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับหน้าจอ 18:9 เช่นการปรับขนาดการแสดงผล ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกเดียวเท่านั้นคือการรับชมคอนเทนต์ในแบบ Fit to Screen จึงอาจทำให้การรับชมคอนเทนต์บางอย่างไม่ได้อรรถรสเท่าที่ควร
สำหรับสเปกของ OPPO F5 อาจจะไม่โดดเด่นมากนักเนื่องจากเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง แต่ก็รองรับการเล่นเกมได้ในระดับน่าพอใจ สามารถเล่นเกมดังๆ อย่าง RoV ได้ไหลลื่น ส่วนเกมที่มีกราฟิก 3D ก็เล่นได้สบายแต่อาจต้องปรับการแสดงผลเป็น Medium หรือ Low สำหรับเกมกราฟิกหนักๆ
จุดเด่นของ OPPO F5 คือกล้องหน้าที่มีเทคโนโลยี A.I. Beauty ช่วยยกระดับการเซลฟีให้ดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น และปรับค่าต่างๆ ตามเพศของผู้ถ่าย ผู้ชายจะไม่เนียนใสจนเหมือนผู้หญิง อีกทั้งยังปรับสีผิวบริเวณลำคอไปพร้อมๆ กัน ทำให้หน้าไม่ลอย นอกจากนี้ A.I. Beauty ยังทำงานโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องตั้งค่าใดๆ ให้ยุ่งยาก จึงใช้งานง่ายโดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรมากมาย ไม่ว่าใครก็สนุกกับการเซลฟีด้วย OPPO F5 ได้ทันที ดังนั้นหากใครกำลังมองหามือถือเซลฟีราคาไม่เกิน 10,000 บาท OPPO F5 ตอบโจทย์ได้แน่นอนครับ
จุดเด่นของ OPPO F5
จุดที่ต้องพิจารณา
ข้อควรทราบ : เครื่อง OPPO F5 ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 14/05/2020
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |